๑๒. ธรรมสร้อยสายคำ(ว่าด้วยกำเนิดประเพณีต่างๆ)117
วรรณกรรมเรื่อง “ธรรมสร้อยสายคำ” ต้นฉบับเป็นหนังสือใบลานอักษรธรรมของวัดบ้านนาไฮ จังหวัดอุบลราชธานี มีใจความโดยรวมว่าเป็นลักษณะที่สั่งสอนให้รู้จักขนบธรรมเนียมอันดีงามตลอดถึงกฏทางศีลธรรมต่างๆ ท่านได้กล่าวไว้ว่านำมาจาก “มัชฌินิกายยอดธรรมเอาอ้าง สามสิบสองสร้อยสายคำเอามาอ่าน ทั้งมหาเถรและพระเณรหนุ่มเหน่า ตนเจ้าให้ค่อยฟังหั่นถ่อน” กวีท่านได้กล่าวถึงเมืองชื่อ อติรัตน์มีพระยารัตราชเป็นผู้ครองนคร มีพระชื่อว่า ศิรินันทกุมาร ต่อมาก็ได้อภิเษกสมรสกับพระนางสร้อยสายคำ ได้พระโอรสองค์หนึ่งชื่อ นันทกุมาร กาลต่อมาก็ได้ขึ้นครองสิริราชสมบัติแทนพระบิดา ฯ วรรณกรรมเรื่องนี้สั่งสอนถึงระเบียบต่างๆและบ่อเกิดประเพณีต่างๆไว้ดังนี้คือ
๑๒.๑) ประเพณีเกี่ยวกับงานศพ
๑) ตายธรรมดา
คันใผตายชราเฒ่าเจ็บเป็นไข้ป่วย ให้เฮ็ดตามฮีตบ้านครองเฒ่าจั่งสิดี
กุสลาก็ควรให้มาติกาจูงแห่ เข้าป่าช้าเผาเมี้ยนจูดสุม
งันเฮือนดีให้สามคืนทานทอด เก็บดูกเมี้ยนทานให้ส่วนบุญ
คันแม่นทำฉันนี้จันทะคามสิเฮืองฮุ่ง ฝูงหมู่ลุงและป้าชาวเชื้อสิอยู่เย็น ท่านเอย
๒) ตายไม่ธรรมดา
คันใผตายแขวนคอห้อยปัจจุบัน เผิ่นให้บอกคนผู้ตายจั่งชี้บ่ควรให้จูดเผา
กับท่านบ่ให้ฝังนอนคือหมู่ ให้เอาไม้วัดพื้นตีนเท้าฮอดหัว
ขุดทางตั้งฝังทางยืนมันจั่งถืก อย่าสิฝังหล่องหง่องนอนนั้นบ่ถืกครอง
หน้าศพนั้นให้หันไปตะวันออกฯ
คันใผตายตกน้ำให้ทำตามครองฮีต เผิ่นให้เอาหัวขมิ้นฝนทาให้ทั่ว
ทั้งฝุ่นผงดินใส่พร้อมผสมเข้าใส่กัน แล้วจั่งเอาทาไว้ตามโตให้เจ็ดเทื่อ
ทั้งลูบลงและลูบขึ้นให้เต็มแท้ทั่วโต คันใผตายมีแนวต้องมีสัตว์ขบตาย
ให้เอาผ้าขาวนุ่งห่มให้ศพนั้นกะจั่งควร แล้วให้พากันข่วมสามทีสาก่อน
จั่งให้ฝังมอดเมี้ยนอย่าป๋าให้ขวบคืน สามปีได้จั่งทำบุญทานแจก เจ้าเอย
๑๒.๒) พระราชาไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมทำให้ประชาชนเดือดร้อนดังคำสอนดังนี้
ทางพระยาบ่เที่ยงมั่นในศีลกลับโลภ คลองศีลธรรมบ่อ่าวเอื้อไลถิ่มบ่ชา
ความเดือดฮ้อนของประชาชนกะบ่เกี่ยว ทศธรรมสิบบ่อ่าวเอื้อเซาย่านบ่เกรง
ทางศีลห้าบ่มีอายย่านหย่อน ฆ่าสัตว์กินสู่มื้อบ่มีเว็นแต่ละวัน
มีทั้งใจโมโหฮ้ายโกธาฝูงไพร่ ชาวเมืองเกิดเดือดฮ้อนบ่มีได้อยู่เย็น
อันว่าพระยาเจ้าบ่ตามครองทศราช เห็นแต่ความโลภล้นเชิงซู้สู่สาว
ทั้งกินเหล้าเมามายบ่ฮู้เมื่อ หลงทางบุญบ่เอื้อลืมไว้บ่เอา
การเมืองบ้านไลลาปะปล่อย ทำแต่กรรมบาปฮ้ายธรรมนั่นบ่หล่ำแล
๑๒.๓) สั่งสอนให้ญาติพี่น้องช่วยเหลือกันดังคำกลอนนี้
อ้ายและน้องอย่าได้เคียดซังกัน อย่าได้จำคำแข็งด่าเลวกันแท้
อ้ายและน้องให้เจ้าค่อยนำกัน เป็นหรือตายให้ช่วยชูกันไว้
แพงกันไว้เจ็บเป็นให้ฮีบช่วย อย่าได้คึดโลภเลี้ยวซังแท้แก่กัน
๑๒.๔) ให้พากันรักษาศีลห้าดังคำสอนดังนี้
คือว่าปาณานั้นบ่ให้ฆ่ามวลหมู่ชีวิต อทินนาบ่ให้ลักโลภของเขาแท้
กาเมบ่ให้หาเสพเล่นกามคุณผิดฮีต เจ้าของมีอย่าใกล้ให้หนีเว้นหลีกไกล
อันว่ามุสานั้นคำจาอย่าตั่วะหล่าย คำสัจจะมีเที่ยงมั่นระวังไว้ใส่ใจ
โตที่ห้าคือสุราปัญหาใหญ่ ฮอดเมรัยอย่าได้ใกล้มวลนี้สิบ่ดี
เสียสติจริงแท้กรรมเวรบ่ได้ปล่อย ความถ้อยฮ้ายสิไหลเข้าสู่ตัว
๑๒.๕) สอนให้ระวังอายตนะหกดังคำกลอนดังนี้คือ
อันว่าตาของเจ้าอย่าเหลียวแนมแนวบ่แม่น ของจบงามเจ้าอย่าเอื้อเอามาเข้าใส่ใจ
อันว่าหูของเจ้าอย่าหวังดมแต่หอมหึ่น ทั้งของเหม็นล่วงเข้าดังเจ้าอย่าสิเอา
อันว่าซิวหาลิ้นรักษาดีได้ถ้วนถี่ หวานขมและส้มมวลนี้อย่าได้ถือ
อันว่ากายาเจ้ายังอ่อนกุมาร คันเมื่อเห็นนารีหนุ่มคนองงามย่อง
อย่าได้เอาถือมั่นสังขารมันบ่เที่ยง ให้เจ้าปะละไว้ของนั่นบ่แน่นอนท่านเอย
มือของเจ้าอย่าได้ไปแตะต้องของอันใดในโลก ฯ
๑๒.๖) สอนให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหารธรรมดังคำสอนนี้คือ
อุเบกขาให้ไมตรีติดต่อ กรุณาจงอย่าได้หวังฮ้ายต่อไผ
เมตตานั่นมีความแพงทุกสิ่ง อันว่าสัตว์อยู่ใต้หลุ่มฟ้ากะแพงไว้ดังกัน
อย่าได้ทำลายม้างปาปังมันบาป นีรพานตั้งต่อไว้เด้อท่านอย่าสิไลฯ
ให้เอาเมตตาตั้งกรุณามุทิตาสืบต่อ อุเบกขาต่อท้ายจ้ำอย่าสิไล
พรหมวิหารของค่ำจอมธรรมเผิ่นสอนสั่ง ทศพิธราชธรรมขอให้จำจื่อไว้อย่าสิลืม118
๑๒.๗) สอนในเรื่องสัตว์ต่างที่เข้ามาบ้านถือว่าไม่ดีและบอกวิธีแก้ไว้ด้วยดังคำสอนนี้คือ
อันหนึ่งคันงูสิงห์งูเหลือมเข้าในเฮือนขออยู่ ท่านให้แต่งดอกไม้เทียนธูปในขัน
อัญเชิญเจ้าพระยางูนาคราช เอาเคราะห์เข็ญออกจากบ้านไปพร้อม
แล้วจึงนิมนต์เจ้าภิกษุสงฆ์มาสวด สังฆทานทอดให้บุญสิได้โชคสิมี
๑๒.๘) สอนให้รู้จักรักษาศีลกินทานอย่าประมาทดังคำสอนดังนี้คือ
ให้พากันทำบุญสร้างกฐินเททานทอด ขุดน้ำบ่อก่อศาลารักษาศีลให้มั่น
เมืองบ้านสิอยู่เย็น อย่าสิไลลาถิ่มคำสอนพระพุทธบาท
ท่ายอย่าพากันเว้นอาฮามหลวงวัดใหญ่ ให้พากันไปขาบไหว้องค์ล้ำ
หน่อพระธรรมหั่นถ่อน เถิงมื้อวันสำคัญตั้งเพ็งแฮมสิบห้าค่ำ
ทั้งขึ้นแฮมแปดค่ำให้ละเว้นอย่าเมามัวหมู่กาม สุราพร้อมเมรัยให้ตัดขาด
การฆ่าสัตว์ใหญ่น้อยควรเว้นให้ห่างไกลท่านเอย 119
๑๒.๙) สอนสามีภรรยาให้สำรวมในกามคุณดังคำกลอนนี้คือ
คันแม่นเป็นผัวเมียแล้ว ถือครองธรรมให้มันแม่น120
ฮอดวันศีลวันพระตอน พระเจ้าสอนใว้อย่าล่วงเกิน
กามคุณเซาไว้วันเพ็งสิบห้าค่ำ ฮอดศีลแปดให้ละเว้นเซาไว้อย่าสิทำ
ผัวเมียนั้นไผมันให้จำจื่อ โตกาเมในวันพระนั้นเซ่าถ่อนอย่าสิทำ
คันแม่นไผผิดแท้ยามตายมรณาไปนั้น ก็จักลงมุดไหม้ในหม้อแผ่นแดงท่านเอย
พระยายมเจ้าเอาทองแดงเหล็กแท่ง เอามาแทงบ่จ่งไว้ให้ไฟไหม้อยู่บ่เซา
เลือดกะสิอาบย้อยไหลลงอยู่บ่ขาด ไหลออกก้นเหม็นกุ้มหน่ายสะอางแท้
ทนทุกข์ฮ้ายอนันต์เนกเหลือหลาย เป็นเพราะกรรมนำไปสู่อบายมีมีเว้น
พากันจำเอาไว้อย่าหลงไหลกามราคะ คันแม่นได้ลูกเต้ากะศรีเศร้าหม่นหมองฯ
๑๒.๑๐) สั่งสอนฮีตผัวคลองเมียดังคำกลอนดังนี้คือ121
อันว่าผัวเมียนั่นจากันให้มันคล่อง ความบ่ดีอย่าได้เว้ากูมึงนั่นอย่าสิมีเด้อ
ไผผู้มีผัวแล้วอย่าจงใจเอาผัวเผิ่น อย่ามีใจโลภเลี้ยวมีชู้ฮ่วมผัว
คันสิไปมานั้นวาจาให้ต้านบอก อย่าได้อำวาทไว้ให้จาต้านเปิดเผย
ไผผู้เห็นชายชู้เขางามคึดอยากฮ่วม มันสิเป็นบาปต้องไปหน้าบ่เสบยท่านเอย
ผู้ผัวนั้นก็ฉันเดียวโดยดั่ง อย่าได้คึดโลภเลี้ยวคำฮ้ายจากเมีย
ให้เจ้าจำไว้ถ่อนหญิงชายน้อยใหญ่ ทั้งพระยาพร่ำพร้อมควรเว้นให้ห่างเวร
คันไผจำเอาไว้เพียรทำทุกเช้าค่ำ เขาสิสุขอยู่ล้วนเจริญขึ้นฮุ่งเฮืองแท้แหล่ว
ความหมายคำศัพท์
บ่หล่ำแล-ไม่ดูแล ไลลา-หลงลืม ปะ- ไม่สนใจ,ทิ้ง, ฮ้าย-ชั่วร้าย,ร้าย,
ไลถิ่ม-ทอดทิ้ง,ไม่เอา, บ่ชา-ไม่เอาใจใส่ เซ่าย้าน-ไม่กลัว บ่เกรง,ไม่กลัวเกรง
สู่มื้อ- ทุกๆวัน เว็น- เว้น บ่- ไม่ ข้วม-ข้าม จั่ง- จึง,จงทำ,
ป๋า-ปล่อยทิ้งไป ทั่วโต-ทั่วตัว ขบ-กัด ทื่อ-ครั้ง จูดสุ่ม-จุดไฟ,เผาไฟ
จั่งถืก-จึงถูกต้อง คึด-คิด ฮ่วม-อยู่ร่วม ถ่อน-เถอะนะ
เซ่า –หยุด เมืองหลุ่ม เมืองมนุษย์