วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

เสียใจทำไมที่โดนทิ้ง ถ้าเขาเป็นผู้ชาย 6 บาป

เสียใจทำไมที่โดนทิ้ง ถ้าเขาเป็นผู้ชาย 6 บาป

0cdeba5db83cfbd877e0a011d851c302_1219638583

เลิกแล้วค่ะ หนูเลิกกับเค้าแล้วค่ะ เลิกแล้วค่ะ หนูเลิกกับเค้าแล้วค่ะ อ๋อยังหรอกค่ะ ไม่คิดมีใหม่หรอกค่ะ” เพลง-เลิกแล้วค่ะ ของ ฮาย อาภาพร นครสวรรค์ ที่กลายเป็นวลีฮิตติดปากแจ้งเกิดสู่วงการบันเทิงบ้านเรา ทำให้เธอมีงานต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ “ถูกทิ้ง” คำที่ใครๆคงไม่อยากถูกกระทำด้วยพฤติกรรมเหล่านี้ ไม่ว่าเค้าจะแอบนอกใจ มีกิ๊ก ทำคนอื่นท้อง หรือสารพัดปัญหาที่ทำให้คุณต้องตกอยู่ในสภาพยับเยินเพราะความรัก อย่ามัวแต่เสียใจและเสียเวลาอยู่เลย บางครั้งความผิดไม่ได้อยู่ที่ตัวเรา แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายต่างหาก ข้อเสียเค้าเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ถือเป็นบุญของเราแล้ว มาดูว่าข้อเสียของเค้ามีอะไรบ้าง เมื่อรู้แล้วคุณอาจรู้สึกดีขึ้นแบบ “รู้อย่างนี้เลิกซะตั้งนานแล้วก็ดี”
เจ้าชู้
ดี แล้วที่เลิกกับคนเจ้าชู้ นอกจากคุณไม่ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าหรือกินน้ำใต้ศอกใครต่อใคร หรือต้องมาแสแสร้งทำหน้าชื่นอกตรมแล้ว เหตุผลที่ดีที่สุดคือ คุณจะปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้ว่าเค้าแอบไปกุ๊กกิ๊ก จิ๊จ๊ะ จีจ้า เล่นจริง เจ็บจริงไม่ใช้แสตนด์อินกับใครที่ไหน แล้วนำพาโรคร้ายมาติดคุณ โดยคุณไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่ต้องมารับเคราะห์กับสิ่งที่เค้าทำ
โกหก
การโกหกมีอยู่สองประเภทคือ โกหกเพื่อปกป้องคนที่เรารักไม่อยากให้เค้าเสียใจ กับการโกหกเพื่อปกป้องความผิดของตนเอง คนโกหกส่วนใหญ่มักอยู่ในประเภทหลัง แรกๆอาจเป็นเพียงแค่ข้อแก้ตัว บ่อยๆเข้าอาจติดเป็นนิสัย ความไว้วางใจทำให้คุณเชื่อใจอีกฝ่าย การให้อภัยทำให้คุณยกโทษให้เค้า แต่เมื่อรู้แล้วยังทนต่อไปคงไม่ต่างกับการโดนสวมเขาด้วยความสมัครใจ คนรอบๆตัวคุณอาจรู้กันหมดแล้วว่าเค้าโกหก แต่คุณกลับกลายเป็นคนสุดท้ายบนโลกนี้ที่ยังไม่รู้ความจริงหรือไม่ยอมรับความจริง แล้วอย่างนี้จะทนไปเพื่ออะไรล่ะ
ติดการพนัน
โจร ขึ้นสิบครั้งยังไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว แต่คนที่ติดการพนันนั้นยังร้ายแรงกว่าไฟไหม้บ้าน เพราะไฟไหม้บ้านยังเหลือที่ดินให้สามารถสร้างบ้านหลังใหม่ได้ แต่คนติดการพนันแม้แต่ที่ก็ยังไม่เหลือ เรียกว่าเป็นความโชคดีของคุณเมื่อเลิกกับผีพนัน นอกจากไม่ต้องรับภาระใช้หนี้สินที่คุณไม่ได้ก่อแล้ว คุณยังรอดพ้นจากการตามล้างตามล่าทวงหนี้นอกระบบ เวลาคุณได้เห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์คงทราบนะว่าโหดขนาดไหน
ติดเหล้า ติดบุหรี่
นอก จากเสียเงินแล้วยังเสียสุขภาพอีกต่างหาก การเลิกกับคนประเภทนี้เป็นการมองการณ์ไกลอย่างนึง เพราะวันนึงวันใดในอนาคตของเค้า คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งดูแลหรือไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเค้าเป็นมะเร็งตับหรือ มะเร็งปอด ต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร ในความเป็นจริงคนที่สูบบุหรี่ยังได้รับสารพิษน้อยกว่าคนที่อยู่ใกล้ ไปๆมาๆคุณอาจเป็นมะเร็งก่อนเค้าซะอีก
ขี้งก เห็นแก่ตัว
ความประหยัดกับความงก ผลที่ได้ต่างกันครับ ประหยัดอด ออมเพื่อยามจำเป็นในอนาคตของคนทั้งคู่ แต่ความงกและความเห็นแก่ตัว เป็นการทำเพื่อตนเองเท่านั้น นอกจากคุณต้องเป็นเจ้าบุญทุ่มกับคนแบบนี้แล้ว ยามที่เค้าเดือดร้อนคุณต้องเป็นคนช่วยเค้าแก้ปัญหา แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการความช่วยเหลือ เค้ากลับไม่คิดสนใจหรือใส่ใจจะยื่นมือมาช่วยคุณ
ทำร้ายร่างกาย
การ ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นได้จากการขาดสติ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการติดเหล้า แต่ในบางราย การทำร้ายร่างกายคนใกล้ตัวนั้นไม่ได้เกิดจากการขาดสติ แต่เกิดจากพฤติกรรมหรือนิสัยส่วนตัวที่ติดตัวมา คนนะ ไม่ใช่กระสอบทรายที่จะซ้อมเอาๆ นอกจากความบอบช้ำทางร่างกายแล้ว จิตใจยังเจ็บปวดไม่แพ้กันหรอก อยากให้จำไว้ว่าคนรักกันย่อมไม่ทำร้ายกัน

การถูกทิ้งหรือการเป็นฝ่ายทิ้ง ไม่ว่าเป็นกรณีไหนย่อมมีคนเสียใจ ถ้าคุณกำลังรู้สึกผิดหรือรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หวังว่าบทความนี้คงพอจะเป็นกำลังใจให้ คุณคิดได้นะ การมองโลกหรือการมองความรักสามารถมองได้หลายแบบ ถ้ามองให้มันแย่เราจะมีแต่ความทุกข์ครับ ดังนั้น ไหนๆเมื่อเลิกกันไปแล้ว เราควรจะมองในมุมที่ทำให้เราสบายใจดีกว่าไหม

พิษรักแรงหึง

พิษรักแรงหึง

ความหึงหวงกำลังทำลายชีวิตคู่ของคุณอยู่หรือเปล่า? คุณกำลังหึงทุกคนที่อยู่ในชีวิตของ
แฟนคุณที่มาก่อนคุณหรือเปล่า? หรือคุณมีปัญหาอย่างมากในการวางใจคู่รักของคุณ เพราะคุณเคยถูกนอกใจมาในอดีต ผู้เชี่ยวชาญมีคำแนะนำให้ ถ้าความหึงหวงกำลังทำให้อนาคตของคุณสั่นคลอน
ทำไมจึงต้องหึง
ลองถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงเลือกที่จะทำตัวเช่นนี้ เราทุกคนต่างมีวิธีการของตัวเอง และมันเป็นวิธีการของคุณที่จะหึงหวง กล่าวหา จับตา และตามติดแฟนคุณทุกย่างก้าวหรือเปล่า ทำไมคุณเลือกที่จะทำแบบนั้น? มันเป็นเพราะคุณมีประวัติของการถูกนอกใจมาก่อนหรือเปล่า คุณกำลังทดสอบคู่ของคุณจนกระทั่งในท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจรับได้หรือเปล่า ถ้าคุณกลัวว่าบางคนกำลังจะนอกใจคุณ อาจเป็นคุณเองนั่นแหละที่ผลักดันเขาไปยังจุดนั้นเสียเอง เมื่อมีใครบางคนทำให้เขาหันเหไปสนใจได้ ลองนึกภาพว่าถ้ามีใครบางคนปฏิบัติต่อคู่ของคุณด้วยความเคารพ ไม่ท้าทายเกียรติของเขาทุกนาทีทุกชั่วโมง แต่ยอมรับที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบและกลมกลืน สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อชีวิตคู่ คุณต้องลองถามตัวเองดูว่า คุณต้องรับผิดชอบต่อสัมพันธภาพก่อนหน้านี้ที่คุณถูกนอกใจหรือเปล่า คุณขับไล่คู่รักคนก่อนหน้าของคุณ ด้วยพฤติกรรมของความหึงหวงหรือเปล่า
ความหึงหวงที่แท้จริง
ความจริงแล้ว ความหึงไม่ใช่เพียงแค่ความหวงในสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็นเจ้าของ แต่มันคือการพรางตัวของความกระหายต่ออำนาจและการควบคุมคนอื่น คนขี้หึงเป็นพวกเผด็จการ ชอบควบคุมคนอื่น บังคับขู่เข็ญ และไม่อ่อนไหวเลยต่อผลกระทบของการกระทำของพวกที่มีต่อคู่ของตัวเอง คุณพยายามกำลังสร้างอำนาจจากพฤติกรรมเช่นนี้เปล่า
ลองเปลี่ยนมาเลือกที่จะเคารพคู่ของคุณ และเลือกทำสิ่งที่แตกต่างออกไป คุณจะมีอำนาจมากกว่าในความรัก ความนับถือ และเสน่ห์ดึงดูดใจ มากกว่าการควบคุม จำไว้ว่าคุณไม่อาจทำให้เขากลับมาบ้านได้ แต่คุณสามารถทำให้เขาอยากกลับบ้านได้
คำแนะนำสำหรับคู่รักของคนขี้หึง
ถ้าคู่ของคุณเป็นคนขี้หึง สิ่งที่เป็นไปได้ก็คืออาจเป็นคุณนั่นเองที่ส่งเสริมพฤติกรรมขี้หึงของพวกเขา การที่คุณปล่อยหรือยอมรับการควบคุมจากเขา/เธอ เป็นการให้ความมั่นใจพวกเขาที่จะทำเช่นนั้นต่อไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่คุณรับโทรศัพท์เพื่อรายงานว่าคุณอยู่ที่ไหนอย่างไม่รู้จบสิ้น พวกเขาก็จะโทรหาคุณเรื่อยไป ลองเปลี่ยนมาทำแบบนี้ ถ้าเขาหรือเธอโทรหาคุณ 10 ครั้งเพื่อเช็กคุณ รับโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวเพื่อบอกข้อมูลให้รู้ จากนั้นก็ปิดโทรศัพท์ซะ หยุดการผลักดันพฤติกรรมของพวกเขาให้หนักขึ้นไปอีก
สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ คุณควรทำตัวให้เปิดเผยเหมือนหนังสือที่อ่านได้ง่าย คนที่ไม่มีอะไรจะต้องซ่อนเร้น ก็ไม่ได้ซ่อนเร้นอะไร แสดงความจริงใจต่อคู่ของคุณพอที่จะปล่อยให้เขา/เธอรู้ว่า คุณอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่จะกลับ และกำลังทำอะไรอยู่ และหยุดเพียงแค่นั้น

เมื่อความรักทำให้เกรงใจน้อยลง คาดหวังมากขึ้น

เมื่อความรักทำให้เกรงใจน้อยลง คาดหวังมากขึ้น

ขึ้นชื่อว่า "ความรัก" มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสนิทสนม คุ้นเคย ผูกพัน ห่วงใย เกรงใจ ให้เกียรติ เอาใจใส่ หึงหวง ฯลฯ โดยเฉพาะกับ "ความเกรงใจ" ที่ต้องมีให้กันและกัน
ซึ่งเดี๋ยวนี้มีคู่รักหลาย ๆ คู่ พอสนิทกันมากขึ้น "ความเกรงใจ" กลับลดน้อยลง และ "ความคาดหวัง" กลับเข้ามาแทนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ "ความเกรงใจ" เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับความรัก ควรอย่างยิ่งที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะคนใกล้ชิดสนิทกัน มักคิดว่าจะสามารถทำอะไรตามใจคุณได้แทบทุกเรื่อง จนลืมนึกถึง "ความรู้สึก" ของอีกคนไปอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนเป็นแฟน...ความเกรงใจเป็นเหมือนปราการชั้นดี ที่ช่วยส่งเสริมให้คุณดูน่าคบหา
หลังเป็นแฟน...ความเกรงใจกลับค่อย ๆ มลายหายไป จนส่งผลให้คุณกลายเป็นคนน่ารำคาญ
เคย ลองถามตัวเองดูหรือเปล่า ว่าเป็นเพราะอะไร??? อาจเพราะเราเคยชินกับสิ่งที่ได้รับ จนเมื่อไม่ได้รับ เราก็เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน หรือ"คาดหวัง" ไปต่าง ๆ นานาว่าเขาต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แต่จริง ๆ แล้ว การเกรงใจ ... การให้เกียรติ ... การเคารพ ในกันและกัน มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
อย่า ลืมว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่าหักหามน้ำใจกันด้วยการ "ไม่เกรงใจ" จนทำให้มันกลายเป็นความเคยชิน เพราะเมื่อไหร่ที่เคยชิน ความเฉยชา ห่างเหิน และหมดรัก ก็จะตามมาอย่างไม่ทันให้เราตั้งตัว
กระปุกดอทคอม

ทำอย่างไรจะเป็นคนที่ใช่ ของกันและกันตลอดไป

ทำอย่างไรจะเป็นคนที่ใช่ ของกันและกันตลอดไป

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
พบรัก...คบกัน...แต่งงานหวานชื่น และครองรักกันอย่างเป็นสุขไปจนแก่เฒ่า นี่มันพล็อตในนิยายเจ้าชายเจ้าหญิงชัด ๆ เรื่องราวความรักจริง ๆ ไม่ได้หวานชื่น และจบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งเช่นนี้เสมอไป เพราะมีคู่รักที่จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์บางคู่ ก็ไม่ได้ครองรักกันไปจนแก่เฒ่า
หลายคนคิดว่าเมื่อเรื่องราวของคนรักกันดำเนินไปสู่การแต่งงาน นั่นหมายความว่าคนที่อยู่ข้างกายของเราคือคนที่ "ใช่" แล้ว แต่เมื่อคราวกาลเวลาผันผ่าน กลับทำให้ได้รู้ว่าคนที่เคยคิดว่าใช่ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทั้ง ๆ ที่ก่อนแต่งงานก็มั่นใจว่าศึกษากันและกันมาอย่างดีแล้ว นั่นทำให้คุณคิดว่าคงเลือกคนผิดไปตั้งแต่แรก ทั้งที่ความจริงการแต่งงานไม่ใช่เครื่องการันตีคนที่ใช่เท่านั้น แต่การปฏิบัติตัวต่อกันหลังแต่งงานต่างหาก ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้คุณครองรักกับคนที่คิดว่าใช่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ถ้าอยากจะให้ชีวิตคู่ราบรื่น ไม่ว่าจะก่อนแต่งหรือหลังแต่ง ก็ยังคงรักและเข้าใจกันไม่ต่างจากเดิม นอกจากจะอาศัยการเลือกคนที่ "ใช่" มาเป็นคู่ชีวิตแล้ว ยังต้องรู้จักเลือกปฏิบัติสิ่งที่ "ใช่" แก่คนของเรา เพื่อรักษาความรักให้ดำเนินไปอย่างไร้ปัญหาด้วย ดังต่อไปนี้...
1. ให้เวลากับตัวเอง
ความรักคือการให้ เมื่อได้แต่งงานกันคุณก็ต้องให้เวลากับคู่รักด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การให้มากเกินไปกลับไม่ส่งผลดี หากคุณมีแต่ให้อีกฝ่ายจนไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง แบ่งตารางเวลาในแต่ละวันให้มีช่วงเวลาที่เป็นของตัวเองบ้าง เวลาที่คุณสามารถทำอะไรตามใจชอบ ให้ตัวเองมีความสุขได้ อย่างเช่น ออกไปพบปะกับเพื่อน ๆ พักผ่อนเอกเขนก ออกกำลังกาย บางคนอาจคิดว่าเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่สำคัญ แต่การแบ่งเวลาให้ได้ปรนเปรอตัวเอง ด้วยความสุขตามใจอยากบ้าง ก็จะทำให้คุณมีความสุข ๆ พร้อม ๆ กับแฮปปี้กับความรักด้วย
2. กำหนดเป้าหมายแล้วค่อย ๆ ก้าวไปให้ถึง
สำรวจความเป็นไปในชีวิตคู่ของคุณ ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดบ้าง หรือมีสิ่งใดที่อยากแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ลองกำหนดเป้าหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ แล้วจึงวางแผนว่าต้องทำอย่างไร จึงจะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ นอกจากจะวางแผนหาหนทางแล้ว อย่าลืมระบุปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้คุณไปสู่จุดหมายได้โดยง่ายด้วย ย่อยมันลงเป็นหัวข้อเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ พิชิตไปทีละประเด็น ในที่สุดคุณจะเอาชนะปัญหาและก้าวไปสู่จุดหมายที่หวังไว้ได้ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
3. วางแผนการเงินด้วยกัน
ไม่มีใครอยากให้ชีวิตคู่ต้องแตกกันเพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แม้จะเป็นของนอกกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากเช่นกัน คุณควรหารือตกลงเรื่องรายรับรายจ่ายของครอบครัว โดยมีส่วนร่วมกันทั้งสองฝ่าย เงินส่วนไหนควรเป็นเงินออมสำหรับทั้งคู่ ส่วนไหนคือค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องทั่วไป เก็บเงินเพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินสักเท่าไหร่ ฯลฯ
อย่างไรก็ดี ควรมีเงินส่วนหนึ่งที่เป็นของคุณเอง และสามารถใช้สอยได้ตามใจ โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบหรือการตกลงใจจากอีกฝ่าย เพราะบางครั้งเราก็มีของที่อยากได้ หรือมีเรื่องที่อยากทำโดยใช้เงินส่วนตัวเช่นกัน การแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนชัดเจน และรับรู้ร่วมกันทั้งสองฝ่าย จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
4. ไม่พูดจาเซ้าซี้
บางครั้งการพูดจาถึงเรื่องใด ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็ทำให้เรื่องนั้น กลายเป็นเรื่องเซ้าซี้ซ้ำซากที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แม้ว่าในความจริงมันอาจเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลก็ได้ เพราะฉะนั้น หากคุณอาจจะอ้อนขออะไรสักอย่าง โปรดจำไว้ว่าอย่าพูดเซ้าซี้เกิน 3 ครั้ง การพูดอย่างหนักแน่น แต่น้อยครั้ง จะทำให้คำพูดนั้นมีน้ำหนักและน่าฟัง ต่างกับคำเซ้าซี้ที่ใคร ๆ ก็เบือนหน้าหนี ทั้งนี้ จงพูดด้วยความจริงใจพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใส่อารมณ์แง่งอน พูดจาน่ารัก มีเหตุผลน่าฟังแบบนี้ ใจคนฟังก็โอนอ่อนตามไปเกินครึ่งแล้วล่ะ
5. เลิกต่อปากต่อคำชวนทะเลาะ
เวลาขัดใจกันขึ้นมาเมื่อไร ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียเปรียบ มักจะเถียงอย่างไม่ลดละ ต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ บางครั้งก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่ากำลังอ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ไม่น่ารักขึ้นมาพูด กลายเป็นสงครามน้ำลาย ที่พาชีวิตคู่ดิ่งลงเหวไปเหวหลายคู่ ก่อนจะเอ่ยปากปะทะคารม ให้สงบจิตใจลงเสีย แล้วเดินหนีบรรยากาศคุกรุ่นนั้นไปก่อน รอจนกว่าอารมณ์เย็นลงแล้วทั้งสองฝ่ายจึงค่อย ๆ พูดจากันดี ๆ ดีกว่า
6. เซ็กส์ดี ๆ คืนหวานให้ชีวิตรัก
ใช่แล้ว การความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรักนี่แหละ ที่ช่วยเติมความหวานให้กับชีวิตรักได้ แม้หลาย ๆ คนจะบอกว่าความรักคือเรื่องของความรู้สึก แต่เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย ก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ความรักเต็มตื้นจนอิ่มล้นได้เช่นกัน การจูบ โอบกอด และสัมผัสแนบชิดระหว่างกาย เป็นการสื่อสารเชิงบวกของร่างกายที่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกรักใคร่ ความเข้าใจ และให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้
7. ชมคนรักของคุณบ้าง
อาจจะฟังดูน่าขัดเขินไปบ้าง แต่วิธีนี้เป็นการเติมหวานให้ความรักได้โดยไม่เลี่ยนนัก ลองนึกย้อนกลับไปคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่เขาทำให้คุณดีใจ หัวเราะ หรืออมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ทำเซอร์ไพรส์ให้คุณประหลาดใจเล่น หรือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ อย่างซื้อขนมมาฝากก็ตาม จากนี้ไปอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณ หรือชมว่า "น่ารักจัง", "คุณช่างรู้ใจฉันจริง ๆ" คำพูดเหล่านี้แสดงให้เขาได้รับรู้ว่า เขาเป็นคนสำคัญสำหรับคุณจริง ๆ
8. อย่ามั่นใจในความรักจนเกินเหตุ
การมั่นใจในความรักจนเกิดเหตุ กลายเป็นที่มาของรักล่มมานักต่อนักแล้ว เพราะยิ่งคนเรามั่นใจว่าความรักที่มีจะไม่จืดจางและอยู่ยืนยง ยิ่งทำให้เราลืมที่จะบำรุงรักษาเอาใจใส่ความรัก เช่นเดียวกับเมื่อไปสำรวจคู่แต่งงานใหม่ เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นต่อโอกาสอย่าร้าง ของผู้คนที่อาจเกิดขึ้นแม้แต่งงานกันไปแล้ว คำตอบที่ได้คือ คู่รักข้าวใหม่ปลาคิดว่าแม้คนที่แต่งงานแล้ว ก็มีโอกาสหย่าร้างกันได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่เหตุรักร้าวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัว ทุกคู่รักต่างกล่าวว่าเรื่องแบบนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นกับคู่ของตัวเองเด็ดขาด ผลการสำรวจเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่ยังมั่นใจว่า ณ ปัจจุบันยังรักกันดีอยู่ จะไม่คำนึงหรือระแวดระวังถึงวันข้างหน้า ที่ปัญหาในความรักอาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้คนกลุ่มนี้ละเลยที่จะเอาใจใส่กันและกันได้ในที่สุด
9. ลืมความบาดหมางที่เคยเกิด
เหตุการณ์ชวนทะเลาะหลาย ๆ อย่าง เริ่มต้นจากบทสนทนาขุดคุ้ยเรื่องอดีตประเภทว่า "จำได้ไหมว่าเมื่อตอนนั้นน่ะคุณเคย..." แล้วก็ตามด้วยเรื่องราวความทรงจำที่ไม่น่าจดจำที่พรั่งพรูออกมา จะมีประโยชน์อันใดที่จะเอาเรื่องไม่ดีเก่า ๆ กลับขึ้นมาพูดอีก หากคุณยังคงขุ่นเคืองกับเรื่องราวเหล่านี้ ลองเขียนเรื่องราวไม่น่าจดจำต่าง ๆ ลงในกระดาษ จากนั้นให้เวลาตัวเองจะเพียงชั่วโมงหรือวันทั้งวัน ในการเกลียดชังโกรธขึ้งเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อพอใจแล้ว ขยำหรือฉีกมันทิ้งซะ และให้เรื่องราวทั้งหลายและความคับข้องใจจบลงแค่เพียงในกระดาษ อย่าให้มันมารบกวนใจคุณอีก
10. คุณมีทางเลือกเสมอ
แม้ข้อสุดท้ายนี้จะเป็นข้อที่ไม่มีคู่รักคู่ไหนอยากก้าวมาถึง แต่เมื่อปัญหาในความรักระหว่างชีวิตคู่ได้เกิดขึ้นแล้ว การหาทางออกที่ดีให้กับปัญหา ย่อมดีกว่ามัวแต่คิดว่าตัวเองเลือกเดินทางผิด จึงต้องมาตกหล่มจมปลักอยู่กับคนที่ไม่ใช่ แล้วก็โทษอีกฝ่ายว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แต่ความจริงแล้วคุณเองก็มีทางเลือก เพื่อว่าจะให้ชีวิตคู่ดำเนินต่อไปในแบบใด
จะปล่อยปัญหาทิ้งเอาไว้แบบนั้นแล้วอยู่กับมันต่อไปเรื่อย ๆ จะเลือกเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาและรักษาความรักที่เหลืออยู่เอาไว้ หรือจะจบความรักนี้ลงด้วยการหย่าร้าง มีทางเลือกให้คุณถึง 3 ทางแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเลือกเดินทางไหน ที่สุดแล้วแม้มันอาจจบลงไม่สวยอย่างที่หวังไว้ แต่ก็ย่อมดีกว่าปล่อยตัวเองจมปลักอยู่กับปัญหาเรื่อยไป โดยไม่หาทางออก และคิดแต่ว่าตัวเองเลือกเดินทางมากับคนที่ไม่ใช่นะคะ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งทีจะตัดสินว่าคนที่คุณคิดว่า "ใช่" นั้น คือคนที่เกิดมาคู่กับคุณจริง ๆ หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณเองด้วย เพราะการแต่งงานหรือการใช้ชีวิตคู่กัน ไม่ได้อาศัยแต่ความรักเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องประกอบไปด้วย ความเข้าอกเข้าใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัย และยอมรับในกันและกัน หากในวันนี้คุณและเขาต่างมั่นใจว่าเป็นคนที่ใช่ของกันและกัน การทนุถนอมความรักให้อยู่ไปตราบนานคงไม่ใช่เรื่องยาก ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่รักกัน เป็นคนที่ใช่สำหรับกันและกันตลอดไปนะคะ

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เมื่อวันหนึ่งเขาอยากเป็นแค่เพื่อน ?

T190711_10Cถ้า อะไรๆ  ในตัวคุณซึ่งเขาเคยมองเห็นว่าคุณนั้นน่ารักกลับกลายเป็นว่าพอมาถึงวันหนึ่ง  เขากลับบ่นกับสิ่งเหล่านั้นอะไรๆ  ก็ไม่ดีไปซะหมดจนกระทั่งคุณทำอะไรสักอย่างก็ไม่ถูกใจเขาเลย  นั่นเป็นสัญญาณที่เขาบอกออกมาว่า ผมไม่สนใจคุณต่อไป

แล้ว นะผู้ชายแสดงอาการให้เห็นอย่างต่อ เนื่องว่าเขาอยากจะยุติความสัมพันธ์ที่เขาบอกว่า เช่นว่า  เขาจะบ่นว่าคุณไปเรื่อยๆ และก็โดยที่คุณรู้สึกตัวว่า ไม่ได้ผิดในเรื่องนั้น  ในที่สุดคุณก็จะมองออกเองว่าเขาเริ่มหาเรื่องคุณ เขาไม่กล้าพอที่จะบอกคุณ
ตรงๆ ว่าเขาไม่รักคุณอีกต่อไปแล้ว

เขาทำท่าแปลกๆ และพูดคุยกับคุณแบบผิวเผิน ฉาบฉวย
ถ้า คุณถามเขากลับ  เขาก็จะตอบแบบขอไปทีว่าผมต้องไปทำอย่างโน้นอย่างนี้หรือไม่ก็ผมต้องไปหา เพื่อน หรือไม่บางครั้งแม้น ว่า จะพูดคุยกันยาวนาน  คุณก็รู้สึกว่าคุณไม่ได้เรื่องราวกระจ่างอะไรขึ้นมาเลย  ถ้าผู้ชายเริ่ใที่จะปิดๆ บังๆ ไม่พูดจาเปิดเผยกับคุณ  เหมือนแบบแต่ก่อนนั่นก็แปลความหมายได้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีสัมพันธ์กับ คุณอีกต่อไปแล้ว
เขาจะเริ่มอ้างว่าเริ่มมีงานจะติดพัน และจะต้องไปดินเนอร์กับลูกค้าจนดึก
แต่ ไหนแต่ไรเขาก็เคยออกจากที่ทำงานประมาณ 5 โมงเย็น 6 โมงเย็น  แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่เคยที่จะกลับก่อน 4 ทุ่ม ไม่เคยมีเวลา  ให้คุณจากที่เคยนัดไปดูหนังทุกวันพุธ  ก็จะโทรมาเลื่อนนัดแทนหรือไม่ก็บอกว่าเป็นอาทิตย์หน้า  เขาให้ความสำคัญกับคุณน้อยลงไป บางทีก็ยกเลิกนัด เพราะอ้างว่าติดธุระ  แต่แทนที่จะบอกว่าจะแวะมาหาคุณแต่ช้าหน่อยเขากับพูดว่า แล้วผมจะโทรหาคุณ  ก็แล้วกัน นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยอีกอย่างหนึ่งที่จะบอกว่าเขาพบคนใหม่แล้วนะ  หรือไม่ก็เขาพร้อมที่จะทิ้งคุณไว้ เพราะคุณไม่มีอะไร  ที่จะตื่นเต้นสำหรับเขา

เขาเริ่มพูดว่า เขาไม่มีความสุขแต่ว่าไม่ใช่เพราะคุณ
สำหรับ ผู้ชายนั้นเขาจะรู้สึกสบายใจกว่า  ถ้าเขาจะโทษว่าเขาไม่มีความสุขเพราะเหตุอื่น เช่นว่า เรื่องงาน เรื่องเรียน  หรือว่าเรื่อง จิปาถะต่างๆ แทนที่จะยอมรับออกมาตรงๆ  ว่าเหตุผลที่แท้จริงกห็คิอความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณกำลังสั่นคลอน  ถ้าเกิดเขาบ่นว่าที่อพาร์ตเม้นท์ที่เขาอยู่กับคุณเล็กเกินไปอาจจะหมายความ ว่า เขากำลังรู้สึกอึดอัดกับความสัมพันธ์นั้น

เขาแทบจะไม่มีเวลาให้คุณอีกต่อไปแล้ว
จาก ที่เคยไปเที่ยวทุกสัปดาห์ ออกไปยิงปืน ไปตีกอล์ฟ ไปตกปลา  แถมตอนวันสุดสัปดาห์ของคุณไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว  เพราะว่าเขาเริ่มที่จะไปทำโน่นทำนี่กับเพื่อนแทน  อาจจะบอกว่าต้องไปดินเนอร์กับครอบครัวหรือไปทำอย่างอื่น  เขาให้ความสำคัญของคุณน้อย ลงไปกว่าก่อน ทั้งๆที่เขาดีต่อคุณเหมือนเดิม  ยังพูดจากับคุณด้วยถ้อยคำหวานๆ เหมือนเดิม  แต่กลับกลายเป็นคุณพบว่าในที่สุดเขากำลัง คบกับผู้หญิงคนอืนอยู่  การที่ผู้ชายเริ่มไม่มีเวลาให้ทั้งร่างกายและจิตใจกับคุณนั้นไม่ได้หมายความ ว่า เขาเจอผู้หญิงคนอื่นเสมอไป อาจจะหมายความว่า  เขากำลังพยายามยุติความสัมพันธ์กับคุณก็เป็นได้ แต่ว่ากำลังทำแบบค่อยๆ  เป็นค่อยๆ ไป เพราะไม่
อยาก จะทำร้ายจิตใจคุณหรือไม่อยากจะทำเเรื่องรุนแรง

เขาเริ่มจะเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวจากแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง
เขา อาจจะคิดว่า เมื่อก่อนการฉีดน้ำหอมเป็นเรื่องงี่เง่า  และตลกเพราะทำให้ผู้ชายดูสำอางเกินไป แต่เดี๋ยวนี้  คุณกลับได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้ง มาจากตัวแทน การแต่งตัวของเขาประณีตมากกว่าเดิม  จากที่เคยใส่รองเท้าผ้าใบออกไปข้างนอกเขาเปลี่ยนมาใส่รองเท้าหนัง  และก็ลงทุนซื่อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายใหม่ๆ อันนี้ยืนยันได้เลยว่า  เขาอยากจะทำให้ผู้หญิงคนใหม่ประทับใจ

เขาไม่ยอมวางแผนอนาคตอะไรเลย
นั่น เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าไม่มีอนาคตใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับเรื่องของคุณและเขา  แต่ที่จริงๆ ถ้าเกิดจะพูดออกไปแล้วละก็ ถ้าคุณมีนัดกับเขา แค่เดือนสองเดือน  ไม่มีใครฝันว่าคุณจะแต่งงานกับเขา และก็มีลูกกับเขา  ในวันหนึ่งเร็วขนาดนั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้ออกเดท กับเขามากไปกว่า 1  ปี หรือ 6 เดือน คุณก็อย่าได้ไปวางแผนอนาคตใดๆ กับเขาเลย  หรือว่าอย่าไปคาดคั้นให้เขาวางแผนอนาคต กับคุณด้วย

เดี๋ยวนี้เขาหงุดหงิดอยู่เรื่อยอันที่จริง เขาก็หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
ไม่ ว่าคุณจะชยับอะไรเขาก็ดูจะอารมณ์เสียตลอดเวลา อาจจะหมายถึงว่า  เขาไม่อยากจะเป็นคนรับผิดชอบ หรือรู้สึกผิดที่เป็นคนยุติ ความสัมพันธ์  ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีป้ายความผิดให้คุณกลายาเป็นคนไม่ดี  เป็นคนไม่เฟอร์เฟ็กสำหรับเขา เขาอาจจะใฃ้วิธีเพื่อที่บีบบังคับ  ให้คุณเป็นฝ่ายบอกเลิกกับเขาเอง

เขาไม่ยอมมีเซ็กส์กับคุณเหมือนอย่างที่เคย
ระบบ เซ็กส์ของคุณลุ่มๆ ดอนๆ อย่างน่าใจหาย ถ้าเกิดเขาเคยมีเซ็กส์กับคุณทุกคืน  และขณะนี้ถ้าคุณเกิดได้สักเดือนละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ครั้ง ก็นับว่าโชคดี  คุณควรจะหันกลับมาถามตัวเองได้แล้วว่า เขาไปได้จากที่อื่นมาหรือเปล่า

เขาบอกคุณว่าคุณดีเกินไปสำหรับผม
อัน นี้เป็นวิธีที่ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นโปรเฟสชั่นแหละ  หรือเป็นมืออาชีพใช้กันเวลาที่จะผละจากผู้หญิง  การที่เขาบอกว่าคุณดีไปสำหรับผม  อาจจะหมายความว่าคุณไม่ดีพอสำหรับผมหรือไม่เขาอาจจะบอกว่าคุณไม่ได้เป็นฝ่าย ผิด แต่ผมเป็นฝ่ายผิด ความหมายที่แท้จริงคือ  ผมกลัวที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณมากเกินไป  อีกอย่างหนึ่งเขาอาจจะบอกว่า คงไม่ควรที่จะต้องมาทนกับความประพฤติแย่ๆ  ของผม ความหมายที่แท้จริงก็คือ คุณนะน่าเบื่อผมไปดีกว่า

6 ขั้นตอนเยียวยาหัวใจช้ำรัก

6 ขั้นตอนเยียวยาหัวใจช้ำรัก

ชีวิต ที่เคยมีเขา...รักกันมีความสุขด้วยกันมาเนิ่นนาน จู่ๆก็ต้องเลิกรา ไร้เงาของเขาอยู่ข้างกายอีกต่อไป ชีวิตที่เคยเติมเต็มเหมือนมีบางอย่างขาดหาย...จนยากที่จะทำใจ พูดได้คำเดียวว่า ช๊อคค่ะ ช่วงเวลาของการเป็นผู้ถูกทิ้งมันชอกช้ำเกินบรรยาย การเอาชีวิตให้รอดจากช่วงเวลานี้เป็นสิ่งสำคัญ อย่าซมซานให้เสียมาดสาวเริ่ดเชิดหยิ่งอย่างเราเด็ดขาด

ขั้นที่ 1 ยอมรับความจริง
ก่อนคิดทำอะไรประชดชีวิตควรยอมรับให้ได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด แค่ได้ยินเพลงอกหักช้ำรักก็พาลน้ำตาไหลเป็นเผาเต่า ไม่เป็นไรยอมให้ตัวเองร้องไห้เสียใจได้แต่ต้องมีขอบเขต เดี๋ยวหน้าตาบวมช้ำเสียสวยนะเออ ข้อสำคัญคือห้ามเมาแอ๋แล้วโทรศัพท์ไปหาแฟนเก่าตอนตี 2 ฟูมฟายรำพึงรำพันเป็นเมรีขี้เมา เดี๋ยวพอสร่างเมาแล้วจะนึกอยากเขกหัวตัวเองที่ทำแบบนั้น ทางที่ดีควรปล่อยเขาไป และยอมรับความจริงให้ได้ว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงเขากลับมาได้
ขั้นที่ 2 รักตัวเองมากๆ
อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการหมกมุ่นตอกย้ำนึกถึงแต่ความหลังครั้งเก่า หันมาดูแลตัวเองให้สวยปิ๊งดีกว่า อย่าปล่อยตัวเองกระเซอะกระเซิงเป็นยัยเพิ้งเด็ดขาด หากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย ไปสปานวดหน้านวดตัว ไปดูหนังดูคอนเสิร์ต ฯลฯ ที่สำคัญคือต้องให้อภัยตัวเอง เลิกหมกมุ่นกับอดีตรักที่ล้มเหลว วิธีแก้อีกอย่างคือเขียนบันทึกประจำวันตีแผ่ความรู้สึกของตัวเองแบบถึงกึ๋น แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นการเขียนในเชิงบวก เช่น วันนี้ครบหนึ่งเดือนที่เราเลิกกัน ฉันเจ็บปวดมากแต่ทำใจได้แล้ว ไม่ควรเขียนซ้ำเติมตัวเอง เช่น ฉันเจ็บปวดมาก ชาตินี้คงไม่มีวันลืมเขาได้ เพราะถ้ามัวแต่ตอกย้ำตัวเองแบบนี้ชีวิตคงไม่ได้ผุดเกิดเสียที
ขั้นที่ 3 ปลดปล่อยตัวเอง
ควรหาทางระบายความอึดอัดคับข้องออกเสียบ้าง แทนที่จะนอนซมหรือนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่ที่บ้าน ลองทำอะไรบ้าเลือดบ้าง เช่น เข้าคอร์สตีกลองกระหน่ำบ้าระห่ำ ชกมวยหรือฝึกยิงปืน เพื่อระบายความแค้นออกมาให้หมด พอระบายทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว ก็เตรียมตัวเริ่มต้นชีวิตโสดให้สดใส มองย้อนกลับไปพิจารณาความสัมพันธ์ในอดีต เพื่อเรียนรู้จุดบกพร่องป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยรอบสอง
ขั้นที่ 4 อย่าปล่อยให้ตัวเองว่าง
นี่คือวิธีที่ช่วยบำบัดหัวใจช้ำรักได้ดีมากคือ หันเหความสนใจไปสู่เรื่องอื่น หรือจะกลายเป็นสาวบ้างานไปเลยก็ไม่ว่ากัน ถ้าไม่อยากปวหัวกับงานก็ลองหางานอดิเรกทำ เช่น เย็บปักถักร้อย เรียนทำอาหาร เล่นกีฬากลางแจ้ง หากเป็นไปได้ควรพาตัวเองไปเปลี่ยนบรรยากาศ เดินทางไปยังสถานที่แปลกหูแปลกตา ความตื่นตาตื่นใจจะช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้น อาจรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่เลยทีเดียว ถ้าไม่มีโอกาสเดินทางไปไหนไกลๆก็ลองไปออกกำลังกายที่ ฟิตเนส พยายามทำตัวให้มีวินัยไปออกกำลังกายทุกวันให้ได้ นอกจากหายอกหักแล้วยังสวยขึ้นอีกด้วยนะ
ขั้นที่ 5 พบจิตแพทย์
บางรายอกหักรุนแรง อาการหนักถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ค่ะ ต้องพาไปพบจิตแพทย์หรือไม่ก็พึ่งพานักบำบัดสายฮอทไลน์ ช่วงแรกควรปรึกษาเพื่อนสนิทก่อน เพื่อแบ่งเบาความเจ็บปวด และแสดงความเห็นใจโดยอยู่ข้างเราเสมอ แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญค่ะ
ขั้นที่ 6 หาคนใหม่มาดามอก
สาวที่ถูกทิ้งอย่างไม่ใยดีมักหาคนมาดามอกแก้เหงา ข้อดีของการมีคนใหม่ทันทีก็คือ ช่วยให้ลืมความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังอย่างน้อยก็ชั่วคราว ข้อเสียคือผู้หญิงจะคาดหวังว่าคนใหม่คงแตกต่างกับอดีตแฟนโดยสิ้นเชิง และถ้าเกิดมีอะไรเหมือนกันแม้แต่นิดเดียว ผู้หญิงจะเขี่ยทิ้งทันที หนุ่มคนใหม่ก็เลยต้องอกหักไปตามระเบียบ และข้อเสียอีกข้อคือ ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งอีกครั้ง เพราะผู้ชายทนอยู่กับผู้หญิงที่ยังลืมรักเก่าไม่ได้สักที ยิ่งถ้าเอาแต่พล่ามถึงคนเก่าตอนอยู่กับคนใหม่ละก็... น่าเบื่อสุดๆ แทนที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ก็เลยกลายเป็นผู้หญิงสติแตกถูกผู้ชายทิ้งสอง รายติดกันเลยละ.

วิธี ง้อ ผู้ชายให้ได้ผล!

วิธี ง้อ ผู้ชายให้ได้ผล!

ไม่ง่ายไม่หน่อยเหร้อสาวๆ กะอีแค่คำ"ขอโทษ" ผู้ชายอ่ะเวลาโกรธน่ากลัวขนผองสยองเกล้าจะตาย บรื๋ออ!! เอ้ยย คนนะ ไม่ใช่ผี
อย่าชะล่าใจไปหน่อยเลยแม่คุณ อย่าคิดว่าเขาจะง้อตอแยเราไปตลอดชีวิต เพราะหากวันใดวันหนึ่งผู้หญิงอย่างเราเกิดหลงผิดไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ พลาดพลั้งโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม แน่นอน คนรักของเราย่อมเสียเซลฟ์ หมดความรู้สึกดีๆ ที่สั่งสมกันมา โกรธ โมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ยากแก่การให้อภัย
มันต้องมีทางแก้ซิ แต่จะมีวิธีการอย่างไรจะทำให้เขา “ให้อภัย” เราได้ล่ะ หรือจะขุดมารยาร้อยเล่มเกวียนแปดพันกระบวนท่า ซึ่งอาจช่วยคุณได้ (หรือเปล่า) เราไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ แหม มันน่าเสียดายของน่ะ หากคุณโชคดีได้แฟนระดับหล่อทะลุป่า แบบพี่ติ๊ก แต่ดันรักษาเขาไว้ไม่ได้ เพราะง้อไม่ถูกจังหวะจะโคน ระวังเหอะ จะโดนมือดีสอยไปทั้งยวง!

รอให้ใจเย็นแล้วค่อยรุก
ทีเขาง้อล่ะ ทำเป็นเล่นตัว แค่เผลอมองสาวอื่นแม่คุณโกรธเหมือนไปฆ่าใครตาย ทีนี้จะได้รู้ซะมั่ง ว่าเวลาผู้ชายเค้าโกรธ มันเป็นยังไง
ก่อนอื่น อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ร้องไห้ฟูมฟายคลานศอกไปง้อเขา เก็บอาการหน่อยซิค่ะ ทางที่ดีรอให้เขาใจเย็น อารมณ์คงเส้นคงวาเสียก่อน ห้ามเด็ดขาดช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อย่าแหยมเข้าไปเชียว รอ และรอ ดีที่สุด ให้ความโมโหพุ่งพล่านในตัวของเขาจางหายไปก่อน หากเจ๋อเข้าไปขอโทษจังหวะนี้ละก็ อาจโดนฤทธิ์ไอ้หนุ่มหมัดเมาได้
ดังนั้น ต้องรอให้เขาใจร่มๆ ก่อน จึงค่อยรุกฆาต ชวนเขาไปคุย ปรับความเข้าใจกันสองต่อสองในห้องเงียบๆ เตียงนุ่มๆ ก็ได้น่ะ เพราะการนอนคุยมักจะสบายตัวกว่านั่งคุยถมไป เห็นมานักต่อนัก วิธีนี้เคลียร์ชัดทุกราย คริ คริ

ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
“พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง” สุภาษิตไทยคุ้นหูนี้ยังใช้ได้ดีในยุคไฮเทคนี้ หากเขาแรงมา เราต้องนิ่งเหมือนเป่าสาก ด่าก็ยิ้ม เหน็บก็หัวเราะ แต่อย่าหงอเกิ้น เดี๋ยวได้ใจไปกันใหญ่ เอาให้พอดีนะจ๊ะ
ในทางกลับกัน หากเขาแรงมา เราแรงไป ภัยพิบัติโศกนาฏกรรมอาจมาเยือนโดย บัลลังก์รักสั่นคลอน โดยไม่รู้ตัว เราต้องทำตัวนิ่งแต่สมองต้องคิดปรู้ดปร้าด ฉลาดเข้าไว้
หากต้องการคำว่า “ให้อภัย” จากเขา เราต้องสงบสยบความโกรธที่มีในใจเขา แต่คงไม่ต้องถึงกับนุ่งขาวห่มขาวนั่งสมาธิ เดินจงกรมหรอกน่ะ แบบนั้นอ่ะ มันเหมือนประชด เขาอาจเลยเถิดหายแว้บเข้ากลีบเมฆไปกันใหญ่

จังหวะนรก รู้หลบเป็นหลีก

ช่วงจังหวะนรก บรรยากาศขนลุกน่ากลัวที่ซู้ด หลบได้หลบ หลีกได้หลีก ต้องทำตัวเหมือนรางรถไฟ สับหลีกเปลี่ยนเส้นทางได้ มิฉะนั้น แหลก แหก พังยับ!
ขอแนะนำหากเขาฟึดฟัดเกรี้ยวกราด แทบจะกินคุณได้ทั้งตัว เมามายไร้สติตกเป็นทาสน้ำเมา อยู่ในภวังค์เสียอกเสียใจในสิ่งที่เราเปิดฉากก่อขึ้น อยากให้หลบไปตั้งหลักเสียก่อน รอคลื่นลมสงบ อย่าเพิ่งเคลียร์ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจทำให้เขาขาดสติ ทำอะไรไปไม่รู้ตัว อาจเห็นมีดปลายแหลมเป็นดอกป๊อปปี้ หารายได้วันทหารผ่านศึก นำมาปักติดหน้าอกเราสักสองดอก เห็นม่ะ ว่าน่ากลัว
ส่งข้อความ หรือโทรเคลียร์ให้สายไหม้เสียยังดีกว่าเจอกันตัวต่อตัว เพราะคุณอาจจะรู้ว่านรกมีจริง แต่หากเข้าขั้นบ้าวิ่งรี่ทำร้ายร่างกายพาพวกรุมกระทืบเราซะขนาดนั้น แนะนำให้เลิก หาใหม่ เถอะค่ะ ง้อไปก็ไม่มีประโยชน์ไอ้พวกระห่ำเห็นผู้หญิงเป็นกระสอบทรายเนี้ย ปล่อยตามยถากรรมเถอะค้า
ลดทิฐิ อย่าติสต์จัด
ผู้หญิงเราเอะอะเดี๋ยวงอน ติดนิสัยให้เขาง้อตลอด หากเขาโกรธบ้าง ก็ง้อน่ะ แต่ไม่เกิน 1 ครั้ง แบบนี้ผู้ชายหายหมดค่ะ อย่าถือทิฐิ ติสต์จัดนักเล้ย อย่าลืม คุณทำเขาโกรธน่ะ ง้อนิดง้อหน่อยไม่เสียฟอร์มหรอกน่า
พอเขาโกรธ กลับโมโหเขายิ่งกว่า แบบนี้มันโรคจิตชัดๆ หากอยากได้ยินคำว่า ให้อภัยจากเขา เราต้องยอมเสียหน้าเพื่อรักษาสัมพันธภาพรักที่ยืนยาวดีกว่าจะมานั่งกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก กล่าวคำ ขอโทษไม่เป็น
“ชีวิตนี้ชั้นไม่เคยยอมใคร ทำไมชั้นต้องยอมเธอ” จะมาใช้วิธีคิดแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ปากหนักแบบนี้ระวังเหอะ เขาจะหนีไปกิ๊กสาวอื่น ที่สวยน้อยกว่า แต่แอบบึ้ม คราวนี้จะมาเอ่ยคำขอโทษ ขอให้เขาอภัยให้ คงสายไปเสียแล้วล่ะ

อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ

ผู้ชายตัดสินใจแต่งงานจากอะไร

ผู้ชายตัดสินใจแต่งงานจากอะไร

มุมมองของผู้ชายจะคิดต่างจากผู้หญิงอย่างไร
ความพร้อมทางด้านการเงิน
คำตอบนี้คือคำตอบแรกของผู้ชายในวัยทำงานที่ตอบมามากที่สุด เพราะในมุมมองของผู้ชายกลุ่มนี้การแต่งงานคือ การที่ตัวของเค้าสามารถรับผิดชอบชีวิตของคนที่เค้ารัก ถ้าคิดไกลถึงขนาดมีลูกก็จะคิดถึงชีวิตที่จะเกิดมาว่า เจ้าตัวสามารถดูแลคนเหล่านี้ได้หรือยัง เพราะการแต่งงานต้องมีเรื่องของสินสอด ค่าจัดงานแต่ง และยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่มีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ชายส่วนใหญ่มีความรู้สึกอยากจะแต่งงาน เมื่อรู้สึกว่าฐานะทางการเงินพร้อมที่จะดูแลคนอีกคนได้
ครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
ใครว่าการถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกัน ไม่มีแล้วในยุคนี้ แต่การบังคับในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงการคลุมถุงชน แต่หมายถึงการที่ผู้ใหญ่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่ายอยากให้ลูกของตัวเองได้เป็นฝั่งเป็นฝา ซึ่งในความเป็นจริง เจ้าตัวอาจจะยังไม่พร้อมที่จะแต่งก็ได้ การถูกคำสั่งจากเบื้องบนให้แต่ง ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ฝ่ายชายต้องทำตาม หรือไม่ก็เป็นความต้องการของคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย ที่อยากจะอุ้มหลานเลย เร่งรัดให้มีการแต่งงาน
ถ้าไม่แต่งอาจจะต้องเสียอีกฝ่ายไป
ถึงแม้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่จะเห็นว่าเรื่องการเงินเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็มีอีกจำนวนหนึ่งที่ยังมองความสำคัญเรื่องของความรักอยู่ ผู้ชายกลุ่มนี้ก็จะอยู่ในประเภทที่ค่อนข้างพร้อม หรือว่าพร้อมแล้วในทุกๆ ด้าน จึงอยากที่แต่งงานและใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคนที่รัก บางครั้งก็เป็นเรื่องเซนส์ของผู้ชาย ที่เริ่มจะรู้สึกว่าถ้าไม่รีบแต่ง เค้าจะสูญเสียผู้หญิงคนนี้ไป
พลาดท้อง
จะเรียกว่าเหตุผลก็คงเกือบถูก หรือถ้าจะให้ถูกต้องเรียกว่าไม่มีทางเลือกก็คงไม่แปลก การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงานในยุคสมัยนี้ที่สังคมเปิดกว้างขึ้น ถึงแม้จะยังไม่เป็นที่ยอมรับกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในยุคนี้ การพลาดพลั้งจนเกิดการตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เกิดการแต่งงาน
สังเกตกันไหม จากผลสำรวจทั้งหมด ไม่มีคำตอบเกี่ยวกับเรื่องอายุอยู่ในความคิดของผู้ชายแสดงให้ เห็นว่าผู้ชายเห็นปัจจัยเรื่องอื่นสำคัญ สำหรับการตัดสินใจแต่งงานของเค้ามากกว่าอายุ
เนื่องด้วยเรื่องของสรีระทางกายภาพ (การมีลูก) ของฝ่ายชายที่ไม่ค่อยมีผลกระทบเท่ากับฝ่ายหญิงและค่านิยมของสังคมที่ยอมรับ การที่ผู้ชายจะแต่งงานตอนอายุมากกว่ากับผู้หญิงอายุน้อยกว่าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กลับมองเป็นว่าเป็นเรื่องของการชื่นชมในการที่มีภรรยาเด็กกว่า
ถ้าคุณผู้หญิงทั้งหลายพอจะทราบเหตุผลแล้วล่ะก็ คงจะได้คำตอบแล้วว่า ทำไมแฟนของคุณถึงยังไม่ขอคุณแต่งงานซักที
ปล.คนที่ไม่มีแฟนก็รีบๆหานะระวังคานด้วยอาจจะอยู่ใกล้ๆตัวคุณก็ได้
ที่มา ... naddate.com

10 บุคลิกผู้หญิง ที่ควรเลือกเป็นภรรยา

559210-topic-ix-0การ แต่งงานถือ เป็นเรื่องใหญ่! เพราะคือการตัดสิ้นใจสละโสดอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะกับชายหนุ่มทั้งหลาย ที่มักไม่คอยชอบการผูกมัด จึงต้องเลือกอยู่นานกว่า.. จะคิดตกได้ว่าจะเลือกสาวคนไหนมาเป็นศรี ภรรยา และแม่ของลูกดี วันนี้เราเลยมีแนวทางมาฝากหนุ่มๆ ที่กำลังคิดหนักได้รู้กันว่า.. ผู้หญิงแบบไหนที่ควรเลือกมาเป็นภรรยา
@ 1. เป็นตัวของตัวเอง @
ควร พิจารณาคู่ครองที่มี ความเชื่อมั่นในตัวเองพอสมควร เพราะถ้าคุณตัดสินใจจะมีคู่ชีวิตสักคนแล้วต้องดูแลอีกฝ่ายเหมือนตัวเองเป็น พี่เลี้ยงเด็กตลอดเวลา ความรักที่มีอาจแปรเป็นความรู้สึกเหนื่อยล้าได้
แต่ ถ้าบางครั้งที่เธอจะมาขอซบไหล่ เพื่อร้องไห้ ก็เป็นเรื่องปกติ ตรงกันข้าม หากคู่ครองมี ความเป็นตัวของตัวเองสูง เชื่อมั่นในบุคลิกภาพ และความเห็นของตัวเองมากเกินไป ชีวิตคู่อาจแตกหักได้ง่าย น่าจะพิจารณาคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองพอสมควร อยู่ได้ด้วยตัวเองทั้งฐานะการเงิน และวุฒิทางอารมณ์ ถึงอยู่ห่างกันก็สามารถมีความสุขกับชีวิตโดยที่ยังคิดถึงกันและกัน
@ 2. มีสติปัญญา @
ผู้หญิง ที่สวยอย่างเดียว เมื่ออายุมากขึ้น จะแก่แล้วแก่เลย ต่างจากผู้หญิงที่มีสมอง แต่อาจจะสวยน้อยหน่อย ผู้หญิงลักษณะนี้มีอะไรใหม่ๆ เบื้องหลังดวงตาช่างคิดให้ผู้ชายค้นหาอยู่เสมอ เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองกลายเป็นของน่าเบื่อหน่ายง่ายๆ
@ 3. การมีเซ็กซ์ @
ควร มีรสนิยมที่ไปด้วยกันได้ เช่น ถ้าคุณมีรสนิยมแบบชื่นชอบความเจ็บปวด แต่คู่ครองนิยมความนิ่มนวล ปัญหาย่อมเกิดขึ้นแน่ๆ คนจะเป็นคู่ชีวิตกันควรมีรสนิยมใกล้เคียงกัน
ข้อนี้ไม่จำเป็นที่ ผู้หญิงต้องรู้ทุกซอกทุกมุม ที่จะทำให้ฝ่ายชายมีความสุข เพียงแต่ในเรื่องเซ็กซ์ระหว่างคุณสองคน ควรมีจุดที่ดึงดูดใจซึ่งกันและกันบ้าง และสามารถพูดคุยปรึกษากันได้ว่าชอบและไม่ชอบอะไร
567374-topic-ix-0.gif@ 4. ความสวย @
ความ สวยขึ้นอยู่กับมุมมอง และทัศนคติของแต่ละบุคคล คนสวยของคุณอาจไม่สวยในสายตาคนอื่นก็ไม่เป็นไร เพราะคนที่เธอจะร่วมชีวิตด้วยคือคุณ คนอื่นไม่ได้มาร่วมชีวิตกับคุณด้วย
@ 5. ความนับถือ @
คู่ ชีวิตควรมีความเคารพนับถือในตัวคุณ หมายถึง ยินดีรับฟังความคิด แม้ว่าอาจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ก็ยังยินดีฟังไว้ก่อน รวมทั้งไม่ดูถูกบุคลิกภาพของคุณทั้งในด้านนิสัยแม้แต่ด้านสรีระ
คู่ ครองที่ดีจะไม่ฉีกหน้าคุณต่อหน้าเพื่อน หรือครอบครัวของคุณ แต่จะรอจนกว่าจะกลับมาคุยกันในที่ส่วนตัว ผู้หญิงที่มีความเคารพนับถือในตัวสามี จะมีกิริยาน่ายกย่องและใจเย็นพอในหลายสถานการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
@ 6. ยอมให้สนุกแบบผู้ชาย @
เธอ ยินดีให้คุณสนุกแบบที่ผู้ชายสนุกกัน เช่น ยินดีให้คุณชวนเพื่อนสนิทมาร่วมนั่งเฮฮาเชียร์การถ่ายทอดสดฟุตบอลทีมโปรดที่ บ้าน พร้อมกับเตรียมแซนด์วิช หรือของขบเคี้ยวให้ตามสมควร
คู่ชีวิต ควรเข้าใจถึงความสนใจที่แตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิง ยอมให้สามีเป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับที่ผู้ชายควรเข้าใจเมื่อผู้หญิงต้องการเวลาออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อน สนิทของเธอ
@ 7. อย่าหาเรื่องจับผิด @
อย่า หาเรื่องจับผิด หญิงที่จะเป็นคู่ชีวิตที่ดีควรรู้ว่า สถานการณ์นี้จะทำให้ชีวิตครอบครัวหมดสิ้นซึ่งความสุข และเลือกวิธีอื่นได้ฉลาดกว่านี้ เธอจะรู้ว่าเมื่อใดควรพูด เมื่อใดควรปล่อยให้ผ่านไป
แต่ถ้าสามีออกไปตะลอนนอกบ้านตลอดทั้งคืน โดยไม่โทรศัพท์บอกภรรยาสักคำ อย่างนี้ก็อย่าหวังว่าภรรยาแสนดีคนใดจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปโดยง่าย
@ 8. เข้ากับครอบครัว และเพื่อนได้ @
คู่ ครองที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยงานในครัว แต่ต้องเข้ากับครอบครัวได้และออกไปร่วมสังสรรค์กับเพื่อนสามีได้ในยามที่เขา ขอร้อง นี่แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำความรู้จักและรักบุคคลที่มีความสำคัญในชีวิต ของสามี และไม่พยายามดึงสามีออกจากเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของเขา
@ 9. เธอรักคุณ @
หากคุณพบผู้หญิงซึ่งรักคุณอย่างตัวตนที่คุณเป็นจริง ๆ คุณควรถนอมเธอเอาไว้
อีก วิธีหนึ่งที่จะดูว่าเธอรักคุณจริง ๆ หรือไม่ คือ สังเกตวิธีที่เธอมองและปฏิบัติต่อคุณทุก ๆ วัน ถ้าเวลาที่คุณไปเจอหน้าเธอ แล้วไม่ได้ทำให้เธอดูดีใจ เธอไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคุณ เธออาจยังไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ เธอเห็นคุณเป็นเพียงผู้ชายทั่วไป แต่ถ้าเสียงโทรศัพท์จากคุณทำให้เธอตื่นเต้นดีใจ นั่นเป็นสัญญาณที่ดีที่บอกว่าเธอรักคุณ
@ 10. เธอทำให้คุณอยากทำตัวดีขึ้นกว่าเดิม @
ผู้ชาย ซึ่งมีแฟนสาว หรือภรรยาที่ดีมักจะพูดกันว่า อยากให้เขาทำตัวดีขึ้นกว่าเก่า ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เอ่ยปากขอหรือทำอะไรทั้งสิ้น และความรู้สึกที่ทำให้คุณอยากทำตัวเช่นนั้น เรียกว่า ?ความรัก? นั่นเอง

5 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้ผู้ชายยิ้มได้

5 วิธีง่ายๆ ที่ทำให้ผู้ชายยิ้มได้

วิธีง่ายๆ ที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและยิ้มได้เวลาอยู่ใกล้คุณ หรือในบางเวลาที่เขามีความรู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่วิ่งเข้ามา
หน้าที่ของเราคือการทำให้เขาสบายใจ และสร้างบรรยากาศผ่อนคลายเมื่ออยู่ด้วยกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเฮฮาจนถึงขั้นเล่นตลกให้เขาหัวเราะ แต่แค่ลองเลือกใช้วิธีง่ายๆ 5 วิธีนี้ดู รับรองว่าชายผู้เป็นที่รักของคุณจะต้องรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
1. ส่งข้อความบอกรักเบาๆ
ในระหว่างวันคุณลองส่งข้อความไปที่โทรศัพท์มือถือเขาด้วยคำสั้นๆ ที่หวานซึ้ง ถึงแม้เขาไม่ได้ตอบกลับแต่มั่นใจเถอะว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเก็บยิ้มไว้ได้ เว้นแต่ผู้ชายคนนั้นจะหมดรักคุณแล้วเท่านั้นแหละ
2. ถามคำถามที่ทำให้เขาดูเป็นผู้รู้
ผู้ชายชอบที่จะโชว์ความรอบรู้บนโลกใบนี้ให้สาวๆ รู้สึกว่าเขาช่างเก่งเหลือเกิน เทคนิคง่ายๆ ที่สร้างความภูมิใจให้เขาก็คือ ลองถามคำถามในเรื่องที่เขามีความชำนาญ นี่ไม่ได้แนะนำให้คุณเฟคใส่เขานะคะ แต่เราควรเติมกำลังใจให้คนที่เรารักเพื่อความรู้สึกของเขาบ้าง
3. ชมให้เขามั่นใจตัวเอง
ในช่วงเวลาที่เขารู้สึกท้อแท้ คุณควรชมเขาด้วยความจริงใจในข้อดีที่เขามีต่อคุณและคนรอบข้าง อย่างน้อยก็ช่วยลดแรงกดดันจากปัญหาที่เขากำลังเผชิญ และทำให้เขารับรู้ว่าเขายังมีคุณอยู่เคียงข้างเสมอ
4. ให้เขาอ่านไดอารี่ที่คุณเขียนถึงเขา
นับตั้งแต่วันแรกที่คุณได้ออกเดตกับเขาจนถึงวันนี้มีเรื่องราวมากมายและความรู้สึกดีๆ มากแค่ไหน ทั้งหมดรวมอยู่ในไดอารี่เล่มเล็กที่คุณจดบันทึกไว้ เมื่อเขามีโอกาสได้อ่านนอกจากจะคงซาบซึ้งใจในความรักที่คุณมีให้เขาแล้วยังช่วยให้ชีวิตรักของคุณหวานซึ้งขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ
5. ชวนเขาทำในสิ่งที่เขาชอบ
ในอารมณ์ที่เขาเบื่อหน่ายกับอะไรรอบข้าง คุณลองชวนเขาทำกิจกรรมต่างๆ ที่เขาโปรดปรานดูสิ เช่น ถ้าเขาชอบเล่นกีฬาก็ลองชวนเขาไปออกกำลังกายเพื่อคลายความตึงเครียดซัก 2-3 ชั่วโมง หรือถ้าเข้าเป็นหนุ่มติดเกมส์ ลองเล่นเกมส์กับเขาดูซักครั้งเพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนานพร้อมเสียงหัวเราะ
มาถึงข้อห้ามที่สาวๆ ไม่ควรหักหาญน้ำใจชายหนุ่มอันเป็นที่รัก ถึงแม้บางข้อมันอาจดูไร้สาระเกินไปสำหรับสาวที่มีความมั่นใจสูงบางคน แต่เชื่อเถอะว่าในบางมุมผู้ชายก็มีอารมณ์ที่เปราะบางและเอาใจยากอยู่พอควร
5 สิ่งที่ทำให้เขาหุบยิ้มทันที

Portrait of young couple 1. ชวนเขาไปเดินช็อปปิ้ง
ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบเดินเรื่อยเปื่อยดูอะไรสวยงามแบบผู้หญิงหรอก มันยิ่งทำให้เขาเบื่อมากขึ้นทวีคูณ เว้นแต่คุณจะชวนเขาไปดูอะไรที่เขาสนใจและอยากได้นั่นแหละ
2. เปิดละครดราม่าให้เขาดูด้วยกัน
อย่าว่าแต่ละครดราม่าบ่อน้ำตาแตกเลย นอกจากถ่ายทอดสดฟุตบอล หรือ ข่าวภาคค่ำแล้ว เขาเหล่านั้นไม่คิดจะเปิดรับข่าวสารอะไรอีกแล้วบนโลกใบนี้ ชวนเขาดูซีรี่แนวแอคชั่น หรือภาพยนตร์แนวไซไฟน่าตื่นเต้นดีกว่า มันจะช่วยให้เขาอยากใช้เวลากับคุณด้วยรอยยิ้มมากขึ้น
3. พูดถึงจุดบกพร่องของเขา
ถึงแม้เป็นแค่คำตำหนิที่เล็กน้อยก็เถอะ แต่พวกเขาจะพลันหมดอารมณ์ขันขึ้นมาในบัดดล ทำใจเถอะนะว่าพวกเขาไม่ต้องการได้ยินคำตักเตือนใดๆ ที่ออกมาจากปากคุณหลอก แต่ถ้าต้องการให้เขาปรับปรุงล่ะก็..เปลี่ยนเป็นขอร้องเขาดีๆ จะเวิร์คกว่า
4. ทำเหมือนเขาไร้ความสามารถ
หากเขาทำสิ่งใดแล้วผิดพลาดหรือไม่สำเร็จ อย่าเชียวนะ!!! อย่าตำหนิหรือยื่นข้อเสนอว่าคุณอาจทำได้ดีกว่าเขา เพราะความมั่นใจว่าเขาเป็นผู้นำจะพังทลายลงทันที ถ้าเขาทำไม่สำเร็จจริงๆ ก็ลองให้คุณและเขาช่วยกันทำดีกว่าขโมยซีนทำแทนเขาดีกว่า
5. ให้เขาทำงานบ้าน
ผู้ชายร้อยทั้งร้อยคิดว่านี่เป็นหน้าที่ผู้หญิง(ถึงแม้บางคนจะปฏิเสธไม่ได้ก็เถอะ) เพราะฉะนั้นการออกคำสั่งหรือการแบ่งหน้าที่ๆ ชัดเจนมันจะทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายวันหยุดที่ต้องมานั่งทำความสะอาดบ้านไปเลย เทคนิคง่ายๆ ที่ทำให้เขายอมรับว่าเราควรช่วยเหลือกันก็คือ อย่าบังคับให้มันเป็นหน้าที่ตายตัว แค่ให้เขาเป็นลูกมือในบางเรื่องก็พอแล้วล่ะ
ที่มา ... msn.co.th

อกหัก...เมื่อรักต้องจบ

อกหัก...เมื่อรักต้องจบ

imagesCAW5ODTBความอ้างว้างไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก
มันก็แค่ช่วงเวลาที่เธอควรใช้มันให้กับตัวเอง
หลังจากที่วุ่นวายไปกับชีวิตคนอื่นมานานพอควร
ถ้าเธอเคยหกล้ม
เธอก็จะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ไม่ใช่คิดจะไม่เดินอีกเลย
บางครั้งคนเรา
ก็ต้องยอม รับในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ
และต้องยอมรับในการตัดสินใจของคนอื่น
ถึงมันจะไม่ดีกับเธอเลยก็ตาม
เพราะเราเลือกแต่เหตุการณ์นี้
ให้เกิดกับชีวิตเราไม่ได้เสมอไป
ความรักก็มีชีวิตเหมือนดอกไม้
และไม่มีแจกันใด
จะถนอมความงามของดอกไม้ไว้ได้ตลอดไปหรอก
ความเสียใจไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่หากเสียใจไม่จบสิ้น นั่นจึงแปลก
ในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
มันก็ต้องไม่ลืมที่จะหมุนรอบตัวเอง
ในขณะที่เธอรักใคร
เธอก็ต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเอง
หากคนเรามีความรักได้ครั้งเดียวในชีวิต
นั่นจึงควรร่ำร้องเมื่อรักได้สูญหาย
แต่ความจริงแล้ว
คนเรามีความรักได้หลายพันครั้งตลอดทั้งชีวิต
เมื่อเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใคร
นั่นคือสัญญาณเตือนว่า
เธอควรให้ความสำคัญกับตัวเองได้แล้ว
คนเราสามารถจำอะไรก็ได้
แต่เมื่อจำแล้ว
กลับไม่สามารถเลือกที่จะลืมบางส่วนของมันได้
แต่เลือกที่จะนึกถึงมันให้น้อยที่สุดได้
ไม่ว่าความรักจะทำให้วันนี้ของเธอปวดร้าวยังไง
แค่ครั้งหนึ่ง เธอเคยได้รักจากคนที่อยากรัก
เธอก็โชคดีมากแล้ว
3c56d64178b45653e45973d35ddc0479_1232462653สำหรับบางคน
ถ้าจะรัก ก็ยังไม่เจ็บ ถ้าเคยรัก ก็แค่เคยเจ็บ
แต่ถ้ายังรัก ก็จะยังเจ็บ
ขึ้นอยู่กับว่า เธออยากเป็นแค่คนที่เคยเจ็บ
หรืออยากเป็นคนที่ยังเจ็บอยู่ทุกวัน
เธอเคยฝืนใจรับใบปลิว
ที่แจกตามหน้าห้างสรรพสินค้า
เพราะเกรงใจคนแจกมันและ บางที
อาจมีคนรับความรักของเธอไป
เพราะเหตุผลอย่างเดียวกัน
สุดท้าย เขาก็ทิ้งมัน
เหมือนกับที่เธอทิ้งใบปลิวนั่นแหละ
คนบางคน
เป็นเพื่อนที่ดีได้ เป็นพี่ที่ดีได้ เป็นน้องที่ดีได้
แต่เป็นคนรักที่ดีไม่ได้
ก็ควรให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาเป็นได้ และเป็นได้ดี
หลายๆสิ่งในโลก
ล้วนถูกสร้างมาให้มีด้านตรงข้าม
มันจึงต้องมีจุดผกผันแปรเปลี่ยน
ความรักก็มีจุดเปลี่ยนของมัน
จึงเป็นเรื่องจำเป็น ที่เธอต้องยอมรับมันให้ได้
แก้วกาแฟใบโปรด แตกไปเสียแล้ว
เก็บไว้ก็บาดมือ
ความรัก จากไปเสียเสียแล้ว
เก็บไว้ก็บาดใจ
สำหรับความรักที่ผ่านมา
ควรแยกให้ได้ว่า อะไรควรจำไว้ประทับใจ
อะไรควรจำไว้เป็นบทเรียน
ค่ำคืนแห่งความเงียบเหงา
ไม่ได้ยาวนานไปกว่าคืนไหนๆ หรอก
อีกไม่นานก็เช้า ชีวิตก็วุ่นวายเหมือนเดิมแล้ว
หนังสือเล่มไหนที่อ่านแล้วไม่ถูกใจ
ก็ไม่ต้องกลับไปอ่านรอบสอง
ความทรงจำที่นึกถึงแล้วเจ็บปวด
ก็อย่าไปนึกถึงมันเป็นครั้งที่สอง
เมื่ออ่อนแอจนถึงที่สุด
5379ความเข้มแข็งจะเข้ามาแทนที่
เมื่อเธออยากให้หัวใจมีความรัก
ก็ต้องยินยอมที่จะให้มันเจ็บปวด
เหมือนเด็กที่อยากจะเดิน
ก็ต้องยินยอมที่จะล้มลุกคลุกคลาน
ความรู้สึกสูญเสีย ร้ายแรงเสมอ
สำหรับคนที่ไม่ยอมรับความจริง
ความเจ็บปวด
ไม่ได้ต้องการเวลาเพียงไม่กี่วันในการรักษา
ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า
เธอจะเลิกเจ็บปวดเมื่อไหร่
แต่มันอยู่ที่ว่า
เธอจะใช้ชีวิตในขณะที่ยังเจ็บปวดอย่างไรต่างหาก
คนที่ควรรัก อาจไม่ใช่คนที่เธอรัก
อาจไม่ใช่คนที่รักเธอ
อาจไม่ใช่คนที่รักกันมาก่อน
อาจไม่ใช่คนที่กำลังรักอยู่
อาจไม่ใช่คนที่คิดจะรัก
แต่คนที่ควรรัก
อาจเป็นคนที่เธอยังไม่เคยรักเลยก็ได้
ทำไมต้องเรียกร้องความรักจากคนๆเ ดียว
ในเมื่อเธอก็มีความรักจากคนรอบข้างมากมาย
ไม่มีความเจ็บปวดครั้งใด
ไม่ให้ประโยชน์กับชีวิต
ขึ้นอยู่กับว่า
เธอรู้จักที่จะใช้ความเจ็บปวดนั้นทำให้เธอเข้มแข็ง
หรือปล่อยให้มันทิ่มแทง จนเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นง่ายที่สุด
และยอมรับได้ยากที่สุด
แต่เมื่อเรายอมรับได้แล้ว
มันก็จะเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด
ความรักไม่ได้ทำร้ายใคร
แต่คนเรามักใช้มันทำร้ายตัวเอง
เด็กที่เพิ่งหกล้ม
อย่าไปถามเขาว่า
เจ็บมากมั้ย หายเจ็บหรือยัง
นั่นจะทำให้เขายิ่งร้องไห้
หัวใจที่เจ็บปวด
12249ก็อย่าไปถามซ้ำๆ ถึงความเจ็บนั้นเลย
ความเจ็บปวดที่ร้ายแรงที่สุด คือ
ความเจ็บปวดที่เธอเฝ้าคิดถึงแต่มันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าเธอเคยล้ม
เธอก็จะเดินอย่างระมัดระวังมากขึ้น
นั่นเองคือเหตุผลว่า
ทำไมคนเราจึงต้องเจ็บปวดเสียบ้าง
ถ้าความรักของเธอเหมือนดอกไม้
หัวใจเขา เหมือนทะเลทราย
คงเปล่าประโยชน์ ที่เธอจะปลูกดอกไม้ให้งดงามในทะเลทราย
ระหว่างการเดินทาง
หากมีเพื่อนร่วมทางสักคน
ก็นับว่าเป็นโชคดีของเธอแล้ว
และเมื่อเขาจำเป็นต้องแยกไป
เธอควรขอบคุณที่เขาร่วมทางมา
ไม่ใช่ตัดรอนต่อว่า ที่เขาแยกทางไป
ว่ากันว่า ช่วงชีวิตของคนเรามีจำกัด
ยิ่งใช้เวลาไปกับความเศร้าโศกนานเท่าไหร่
ก็จะเหลือช่วงเวลาที่ดี ลดน้อยลง

10 ความเชื่อที่คิดว่าผู้ชายไม่ชอบ

10 ความเชื่อที่คิดว่าผู้ชายไม่ชอบ

คุณอาจจะพอมีความรู้มาบ้างว่า ผู้หญิงสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อยั่วยวนผู้ชาย แต่ผู้หญิงยังมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์อีกมากซ่อนเร้นอยู่ และไม่มีใครค้นพบมาก่อน เสน่ห์ของผู้หญิงน่ะใช่แค่หน้าอกบึ้บๆกับชุดรัดรึงเท่านั้นหรอกนะ ทุกเรื่องที่คุณเคยพบหรือเคยอ่านมานั้น อาจจะทำให้คุณมีอคติว่า ผู้ชายคือพวกบ้าเซ็กซ์ (ซึ่งอาจจะจริง) แต่ก็ยังมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่รู้ว่า มีอะไรน่าสนใจอีกมากในตัวผู้หญิงยิ่งไปกว่าเสื้อคอลึกหรือช่วงขายาวๆ ต่อไปนี้คือความเชื่อ (ผิดๆ) 10 อย่างที่หยิบยกมาให้อ่านกันค่ะ
1. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่จีบสาวใส่แว่น
คนที่คิดแบบนั้นคงไม่เคยเห็นสุดยอดนางแบบสาวสวย คริสตี้ เทอร์ลิงตั้น ใส่แว่นกรอบลายกระ หรือดาราสาวสวยอย่าง คาเมรอน ดิอาซ ผู้หญิงใส่แว่นไม่ได้มีภาพพจน์แบบป้าๆ เด็กเรียนเชยๆหรอกนะ แต่ดูแล้วเฉลียวฉลาดดีออก เพียงแค่ผู้ชายบางคนไม่ชอบผู้หญิงที่ฉลาดกว่าเท่านั้นเอง
2. จริงหรือไม่ ระวังอย่าให้รอยตะเข็บชั้นในโผล่มาให้ใครเห็น

ถ้าว่ากันตามกฎของวงการแฟชั่นแล้ว นี่อาจเป็นข้อห้ามที่ไม่ควรเผลอทำ แต่หากคุณถามหนุ่มๆธรรมดาทั่วไปแล้ว พวกเขาจะบอว่า "รอยตะเข็บกางเกงชั้นในที่ปรากฎขึ้นมาบนกางเกงนั้นแสนจะเซ็กซี่ การได้เห็นภาพรอยเลือนราง แม้จะไกลสัก 60 เมตร ก็พอแล้วล่ะที่จะทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ชะงัก เพราะมันเปรียบเสมือนการเชื้อเชิญกรายๆบอกเป็นนัยว่า คุณจะได้ค้นพบอะไรดีๆอีกมากมาย" แต่ไม่ใช่โผล่มาครึ่งตัวนะ นั่นไม่น่าดูเลยทีเดียวล่ะ
3. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงผมยาว
ผู้ชายหลายๆคนจะชอบผู้หญิงที่ผมยาว เพราะดูเป็นผู้หญิ๋งผู้หญิง แต่โดยมากแล้วมักจะไม่ได้ใส่ใจกับผมสั้นผมยาว ตราบเท่าที่ผู้หญิงดูแลผมตัวเองได้ดีและมีบุคลิกที่ดี ผู้ชายหลายคนชอบมองผู้หญิงผมสั้นด้วยซ้ำไป ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะพวกเขาชอบมองต้นคอขาวๆยังไงล่ะ
4. จริงหรือไม่ ผู้หญิงต้องแต่งหน้าเข้มๆเพื่อดึงดูดความสนใจ
ถ้าคุณเคยนั่งอยู่หน้ากระจก แต่งหน้าโดยโปะอายแชโดว์ ปัดแก้มเพียบ ใส่ขนตาปลอม และละเลงลิปสติกอย่างเมามันส์ แต่งหน้าจัดจนเป็นงิ้วซะงั้น ลองเปลี่ยนความคิดใหม่เถอะ แน่นอนว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่ใส่ใจกับความงาม แต่จริงๆแล้วผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าเลย (ไม่เชื่อลองถามแฟนคุณสิ) เพราะยามไม่แต่งหน้าผู้หญิงจะดูสาวขึ้น หน้าใสขึ้น เวลาจูบก็ให้ความรู้สึกดีกว่า เพราะไม่งั้นเวลาหอมแก้มหรือจูบสาวซักที หนุ่มๆต้องฝ่าด่านเมกอัพหน้าเตอะที่เธอพอกเอาไว้ทุกที
5. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่ดื่มเหล้า
ถ้าดื่มบ้างก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งเหมือนกัน หากยังรักษามาดกุลสตรีไว้ได้ ไม่เอะอะโวยวายเหมือนผู้ชาย ดังนั้นสำคัญตรงที่ว่า ดื่มแล้วคุณจะทำตัวอย่างไรมากกว่า
568657-topic-ix-06. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงผอมๆ
รูปร่างผอมแห้งอาจจะดูดีสำหรับการเป็นนางแบบใส่เสื้อผ้า เดินแบบบนแคตวอล์ก แต่ถ้าถามผู้ชายทั่วไปที่ปกติหน่อย พวกเขาจะบอกคุณว่าผู้หญิงเดินดินที่เขาสามารถนอนกอดได้น่ะ เจ๋งกว่าผู้หญิงที่มีแต่กระดูก ผู้หญิงผอมแห้งมองแล้วน่าประสาทผวามากกว่า ไม่มีอะไรเด็ดไปกว่าผู้หญิงหุ่นอึ๋มๆเนื้อตัวอบอุ่น น่ากอด น่าเคี้ยว นุ่มนิ่ม ผู้หญิงแบบที่ว่านี้แหละสุดยอด
7. จริงหรือไม่ ต้องใส่ชุดชั้นในเซ็กซี่ถึงจะยั่วหนุ่มได้
แบบนั้นก็ดีอยู่หรอก แต่อย่าได้ดูถูกกางเกงในแบบธรรมดา พวกสีขาวธรรมดานี่แหละ เป็นอะไรบางอย่างที่สดใส ชวนมอง เพราะดูบริสุทธิ์สะอาดช่างไร้เดียงสา เร้าอารมณ์ได้อีกแบบ
8. จริงหรือไม่ ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่มีอำนาจหรือความสามารถ
ผู้ชายแท้ๆมักจะมองหาสาวมาดเข้มในชุดสูททำงานเนี้ยบๆ ใส่ส้นสูงแหลมเป็นเข็มดั่งอาวุธของเธอ แบบนี้แหละเร้าอารมณ์ ถ้าไม่ตกอยู่ในอำนาจของเธอ ก็ต้องขอลองปราบเธอให้ได้ล่ะ
9. จริงหรือไม่ ผู้หญิงสวยไม่ควรมีเหงื่อออก (เวลาเหนื่อยๆแค่หน้าแดงก็พอ)
เหลวไหลน่ะ ใครคิดยังงั้นก็บ๊องแล้วล่ะ ไม่มีอะไรจะเทียบได้กับภาพเม็ดเหงื่อที่ไหลช้าๆลงมาบนใบหน้าที่แดงก่ำ หลังจากซาวน่า อาบแดด หรือออกกำลังกายมา เซ็กซี่จริงๆ ให้ตายสิ
10. จริงหรือไม่ ผู้ชายชอบผู้หญิงใส่ชุดสั้นๆรัดรูป
ถ้ามีสาวใส่ชุดสั้นรัดรูปเดินผ่านมา ผู้ชายไม่ไล่ไปหรอก แต่ผู้หญิงในชุดยาวหลวมๆน่าสนใจกว่าเยอะเลย เวลาลมพัดปลิวแนบเนื้อช่างยั่วยวนดีออก อาจจะเห็นช่วงขาอ่อนของเธอ เป็นอะไรที่เซ็กซี่สุดๆ ปล่อยให้เขาจินตนาการต่อ ตรงนี้แหละสำคัญที่สุดแล้วสำหรับหนุ่มๆทั้งหลาย

ที่มา - ผู้หญิงนะคะดอทคอม




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons