วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554

เมื่อวันหนึ่งเขาอยากเป็นแค่เพื่อน ?

T190711_10Cถ้า อะไรๆ  ในตัวคุณซึ่งเขาเคยมองเห็นว่าคุณนั้นน่ารักกลับกลายเป็นว่าพอมาถึงวันหนึ่ง  เขากลับบ่นกับสิ่งเหล่านั้นอะไรๆ  ก็ไม่ดีไปซะหมดจนกระทั่งคุณทำอะไรสักอย่างก็ไม่ถูกใจเขาเลย  นั่นเป็นสัญญาณที่เขาบอกออกมาว่า ผมไม่สนใจคุณต่อไป

แล้ว นะผู้ชายแสดงอาการให้เห็นอย่างต่อ เนื่องว่าเขาอยากจะยุติความสัมพันธ์ที่เขาบอกว่า เช่นว่า  เขาจะบ่นว่าคุณไปเรื่อยๆ และก็โดยที่คุณรู้สึกตัวว่า ไม่ได้ผิดในเรื่องนั้น  ในที่สุดคุณก็จะมองออกเองว่าเขาเริ่มหาเรื่องคุณ เขาไม่กล้าพอที่จะบอกคุณ
ตรงๆ ว่าเขาไม่รักคุณอีกต่อไปแล้ว

เขาทำท่าแปลกๆ และพูดคุยกับคุณแบบผิวเผิน ฉาบฉวย
ถ้า คุณถามเขากลับ  เขาก็จะตอบแบบขอไปทีว่าผมต้องไปทำอย่างโน้นอย่างนี้หรือไม่ก็ผมต้องไปหา เพื่อน หรือไม่บางครั้งแม้น ว่า จะพูดคุยกันยาวนาน  คุณก็รู้สึกว่าคุณไม่ได้เรื่องราวกระจ่างอะไรขึ้นมาเลย  ถ้าผู้ชายเริ่ใที่จะปิดๆ บังๆ ไม่พูดจาเปิดเผยกับคุณ  เหมือนแบบแต่ก่อนนั่นก็แปลความหมายได้ว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีสัมพันธ์กับ คุณอีกต่อไปแล้ว
เขาจะเริ่มอ้างว่าเริ่มมีงานจะติดพัน และจะต้องไปดินเนอร์กับลูกค้าจนดึก
แต่ ไหนแต่ไรเขาก็เคยออกจากที่ทำงานประมาณ 5 โมงเย็น 6 โมงเย็น  แต่ว่าเดี๋ยวนี้ไม่เคยที่จะกลับก่อน 4 ทุ่ม ไม่เคยมีเวลา  ให้คุณจากที่เคยนัดไปดูหนังทุกวันพุธ  ก็จะโทรมาเลื่อนนัดแทนหรือไม่ก็บอกว่าเป็นอาทิตย์หน้า  เขาให้ความสำคัญกับคุณน้อยลงไป บางทีก็ยกเลิกนัด เพราะอ้างว่าติดธุระ  แต่แทนที่จะบอกว่าจะแวะมาหาคุณแต่ช้าหน่อยเขากับพูดว่า แล้วผมจะโทรหาคุณ  ก็แล้วกัน นี่เป็นสัญญาณเตือนภัยอีกอย่างหนึ่งที่จะบอกว่าเขาพบคนใหม่แล้วนะ  หรือไม่ก็เขาพร้อมที่จะทิ้งคุณไว้ เพราะคุณไม่มีอะไร  ที่จะตื่นเต้นสำหรับเขา

เขาเริ่มพูดว่า เขาไม่มีความสุขแต่ว่าไม่ใช่เพราะคุณ
สำหรับ ผู้ชายนั้นเขาจะรู้สึกสบายใจกว่า  ถ้าเขาจะโทษว่าเขาไม่มีความสุขเพราะเหตุอื่น เช่นว่า เรื่องงาน เรื่องเรียน  หรือว่าเรื่อง จิปาถะต่างๆ แทนที่จะยอมรับออกมาตรงๆ  ว่าเหตุผลที่แท้จริงกห็คิอความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณกำลังสั่นคลอน  ถ้าเกิดเขาบ่นว่าที่อพาร์ตเม้นท์ที่เขาอยู่กับคุณเล็กเกินไปอาจจะหมายความ ว่า เขากำลังรู้สึกอึดอัดกับความสัมพันธ์นั้น

เขาแทบจะไม่มีเวลาให้คุณอีกต่อไปแล้ว
จาก ที่เคยไปเที่ยวทุกสัปดาห์ ออกไปยิงปืน ไปตีกอล์ฟ ไปตกปลา  แถมตอนวันสุดสัปดาห์ของคุณไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว  เพราะว่าเขาเริ่มที่จะไปทำโน่นทำนี่กับเพื่อนแทน  อาจจะบอกว่าต้องไปดินเนอร์กับครอบครัวหรือไปทำอย่างอื่น  เขาให้ความสำคัญของคุณน้อย ลงไปกว่าก่อน ทั้งๆที่เขาดีต่อคุณเหมือนเดิม  ยังพูดจากับคุณด้วยถ้อยคำหวานๆ เหมือนเดิม  แต่กลับกลายเป็นคุณพบว่าในที่สุดเขากำลัง คบกับผู้หญิงคนอืนอยู่  การที่ผู้ชายเริ่มไม่มีเวลาให้ทั้งร่างกายและจิตใจกับคุณนั้นไม่ได้หมายความ ว่า เขาเจอผู้หญิงคนอื่นเสมอไป อาจจะหมายความว่า  เขากำลังพยายามยุติความสัมพันธ์กับคุณก็เป็นได้ แต่ว่ากำลังทำแบบค่อยๆ  เป็นค่อยๆ ไป เพราะไม่
อยาก จะทำร้ายจิตใจคุณหรือไม่อยากจะทำเเรื่องรุนแรง

เขาเริ่มจะเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวจากแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่ง
เขา อาจจะคิดว่า เมื่อก่อนการฉีดน้ำหอมเป็นเรื่องงี่เง่า  และตลกเพราะทำให้ผู้ชายดูสำอางเกินไป แต่เดี๋ยวนี้  คุณกลับได้กลิ่นน้ำหอมฟุ้ง มาจากตัวแทน การแต่งตัวของเขาประณีตมากกว่าเดิม  จากที่เคยใส่รองเท้าผ้าใบออกไปข้างนอกเขาเปลี่ยนมาใส่รองเท้าหนัง  และก็ลงทุนซื่อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายใหม่ๆ อันนี้ยืนยันได้เลยว่า  เขาอยากจะทำให้ผู้หญิงคนใหม่ประทับใจ

เขาไม่ยอมวางแผนอนาคตอะไรเลย
นั่น เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าไม่มีอนาคตใดๆ ทั้งสิ้นสำหรับเรื่องของคุณและเขา  แต่ที่จริงๆ ถ้าเกิดจะพูดออกไปแล้วละก็ ถ้าคุณมีนัดกับเขา แค่เดือนสองเดือน  ไม่มีใครฝันว่าคุณจะแต่งงานกับเขา และก็มีลูกกับเขา  ในวันหนึ่งเร็วขนาดนั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ได้ออกเดท กับเขามากไปกว่า 1  ปี หรือ 6 เดือน คุณก็อย่าได้ไปวางแผนอนาคตใดๆ กับเขาเลย  หรือว่าอย่าไปคาดคั้นให้เขาวางแผนอนาคต กับคุณด้วย

เดี๋ยวนี้เขาหงุดหงิดอยู่เรื่อยอันที่จริง เขาก็หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
ไม่ ว่าคุณจะชยับอะไรเขาก็ดูจะอารมณ์เสียตลอดเวลา อาจจะหมายถึงว่า  เขาไม่อยากจะเป็นคนรับผิดชอบ หรือรู้สึกผิดที่เป็นคนยุติ ความสัมพันธ์  ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีป้ายความผิดให้คุณกลายาเป็นคนไม่ดี  เป็นคนไม่เฟอร์เฟ็กสำหรับเขา เขาอาจจะใฃ้วิธีเพื่อที่บีบบังคับ  ให้คุณเป็นฝ่ายบอกเลิกกับเขาเอง

เขาไม่ยอมมีเซ็กส์กับคุณเหมือนอย่างที่เคย
ระบบ เซ็กส์ของคุณลุ่มๆ ดอนๆ อย่างน่าใจหาย ถ้าเกิดเขาเคยมีเซ็กส์กับคุณทุกคืน  และขณะนี้ถ้าคุณเกิดได้สักเดือนละครั้งหรือ 2 อาทิตย์ครั้ง ก็นับว่าโชคดี  คุณควรจะหันกลับมาถามตัวเองได้แล้วว่า เขาไปได้จากที่อื่นมาหรือเปล่า

เขาบอกคุณว่าคุณดีเกินไปสำหรับผม
อัน นี้เป็นวิธีที่ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นโปรเฟสชั่นแหละ  หรือเป็นมืออาชีพใช้กันเวลาที่จะผละจากผู้หญิง  การที่เขาบอกว่าคุณดีไปสำหรับผม  อาจจะหมายความว่าคุณไม่ดีพอสำหรับผมหรือไม่เขาอาจจะบอกว่าคุณไม่ได้เป็นฝ่าย ผิด แต่ผมเป็นฝ่ายผิด ความหมายที่แท้จริงคือ  ผมกลัวที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุณมากเกินไป  อีกอย่างหนึ่งเขาอาจจะบอกว่า คงไม่ควรที่จะต้องมาทนกับความประพฤติแย่ๆ  ของผม ความหมายที่แท้จริงก็คือ คุณนะน่าเบื่อผมไปดีกว่า




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons