วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

99 วิธี บอกว่าเรารักกัน

 

T270711_01PM_r1. ให้เกียรติและเคารพ ความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย
2. เป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้าง ให้อีกฝ่ายในยามท้อแท้
3. ใช้เวลาว่างช่วงเย็นวันหยุดด้วยการนั่งดูหนังดูทีวีรายการโปรด
4. วิ่งไล่จักกะจี้หรือแกล้งกัน
5. ซื้อปลาทองให้อีกฝ่ายเลี้ยง
6. โบกรถเที่ยวกันสองคน
7. สอนให้อีกฝ่ายรู้จักเล่นกีฬาที่ตนเองถนัด
8. ช่วยอีกฝ่ายทำการบ้าน
9. วาดรูปเหมือนของอีกฝ่ายเก็บไว้
10. แอบหย่อนโน้ตที่เขียนว่า .. I Love You ในกระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋าสตางค์ของอีกฝ่าย
11. โอบกอดกันและกันให้ "แน่น และ นาน"
12. ลูบผม เล่นผม หวีผมของอีกฝ่าย
13. จูบกันและกัน (แบบไหนก็ได้)
14. ไป...ขี่จักรยานเที่ยวแถวบ้านด้วยกัน
15. บอกให้ทุกคนรู้ว่า "เราสองคนกำลังมีความรัก"
16. เอ่ยคำชม อย่างจริงใจ ... ไม่เสแสร้ง
17. พูดคุยอย่างเปิดอก กับอีกฝ่ายทั้งเรื่องสุข ทุกข์
18. ไปเชียร์อีกฝ่ายแข่งกีฬา อย่างสุดใจขาดดิ้น (กล้าๆหน่อยเขียนป้ายเชียร์ให้รู้กันไปเลยทั่วสนาม เย้!)
19. สักชื่อคนรักแบบชั่วคราวไว้ตรงอวัยวะส่วนไหนก็ได้
20. วันที่คนรักป่วน ทำโจ๊กชามใหญ่ พร้อมกับขนมปังกรอบและการ์ดน่ารักที่มีความว่า "ขอให้หายเร็วๆนะ" แอบฝากไว้กับแม่ของเขาหรือเธอโดยไม่บอกให้อีกฝ่ายรู้

21. ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังๆ
22. พูดคุยกันผ่านอินเตอร์เน็ต เช่น เล่น icq หรือ msn
23. กุมมือของกันและกันให้แน่น ระหว่างเดินเคียงคู่กัน
24. วิ่งเล่นไล่จับ ซ่อนหาให้ทั่วบ้าน
25. ไปผจญภัย "บ้านผีสิง" ด้วยกัน
26. บอกความลับในชีวิตให้อีกฝ่ายรู้และให้สัญญาว่าจะเก็บไว้รู้กันแค่สองคน
27. แอบแปะกระดาษโน้ตที่บอกรักไว้ในที่ๆ คาดไม่ถึง (เช่น ในตู้เย็น หนีบไว้ที่ราวตากผ้า หรือในกระเป๋าตังค์)
28. ไม่ทำตัว เฉยชา กับคนรัก
29. เล่นกระดานเศรษฐี ขณะล้อมรอบไปด้วยอาหารอร่อยๆ
30. อัดเทปเพลงโปรดของกันและกันแล้วมาแลกกันฟังนะ
31. ทำปฏิทินที่มีแต่วันพิเศษของเราสองคน เช่น ครบรอบวันแรกที่ได้จูบ วันแรกที่บอกรัก
32. ทำขนมหวานหรือคุกกี้ให้อีกฝ่ายลองชิม (อย่าลืมสอด "สารรัก" ไว้ในคุกกี้ด้วยล่ะ)
33. ในวันที่ไม่มีเรียนแข่งกันนับดาวทั้งคืนโดยไม่ยอมนอน
34. ให้เวลาอีกฝ่ายได้อยู่ตามลำพังบ้าง
35. สร้าง...ปราสาททรายด้วยกัน

T220711_08PM
36. ซื้อตั๋วเข้าไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกด้วยกัน
37. บอกให้อีกฝ่ายรู้เสมอว่า ฉันรักเธอ มากมายเพียงใด
38. นั่งกินไอติมด้วยกันสองคน
39. แอบตั้งชื่อให้กันและกันโดยไม่ให้คนอื่นรู้ ควรเลือกชื่อประเภทที่ไม่กล้าเรียกเมื่ออยู่ต่อหน้าฝูงชนเลยล่ะ
40. กินข้าวมื้อเย็นด้วยกันในชุดสวยเลิศ ชุดสุดหล่อ ท่ามกลางแสงเทียน เพลงหวานๆและผ้าเช็อมือที่วางบนตัก
41. เขียนเหตุผล "101ข้อที่ทำให้เธอเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด" แล้วจะมีข้อที่ 102ขึ้นมาทันทีก็คือข้อที่ว่า เออ! ตัวเราเองก็มีค่าเหมือนกันนะ
42. ให้สร้างข้อมือที่สลักชื่อของเราสองคนไว้
43. ส่งจูบให้กันและกัน
44. อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟังหรือเล่าให้ฟังว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้นในโลกบ้าง
45. เลือกส่งการ์ดสวยๆ จากเวบไซต์ต่างๆให้กันและกัน
46. หมั่นถามอีกฝ่ายว่า "วันนี้เป็นไงบ้าง" พร้อมกับรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจด้วย
47. เช่าหนังเรื่อง Cast away มาดูด้วยกันจะได้รู้ซึ่งถึงวันเวลาของการจากพราก
48. เดินตามสายฝนที่ตกปรอยๆ กันตามลำพัง
49. ชวนอีกฝ่ายไปว่ายน้ำด้วยกัน
50. เฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดินพระจันทร์ขึ้น หรือดวงดาวดวงแรกที่ส่องแสงให้เห็น เลือกกลุ่มดาวสักกลุ่มให้เป็นสัญลักษณ์ของเราสองคน (อย่าลืมอธิษฐานพร้อมกันเมื่อดาวตก)
51. ให้การ์ดที่ทำเองและมีกลิ่นหอมตรงลายเซ็น
52. ทำตัวเป็นเด็กอายุ 8 ขวบ ชวนกันไปเล่นเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น
53. ซื่อสัตย์ ต่อกันและกัน
54. หวีผมให้อีกฝ่าย
55. เลือกซื้อของขวัญที่เป็นประโยชน์สำหรับอีกฝ่ายในโอกาสสำคัญๆ
56. หอบช่อดอกไม้มาให้ โดยมีการ์ดเล็กๆ บรรจุคำหวานๆ แนบมาด้วย
57. ไป ปิคนิค ในสวนสาธารณะกันสองคน
58. ไปเรียนหนังสือ และ กลับบ้านพร้อมกัน
59. ส่งการ์ดบอกรักทาง อี-เมล์
60. ซื้อของขวัญที่มีแต่เราสองคนเท่านั้น ที่รู้ว่าแทนความหมายว่าอะไร
61. ให้ "หนังสือทำมือ" ที่มีรูปของกันและกันบทกวีที่แต่งขึ้นเป็นพิเศษ เนื้อเพลงรักที่ประทับใจ ไว้ดูต่างหน้า
62. หันกลับมาเริ่ม "จีบ" กันและกันใหม่อีกครั้ง
63. แนะนำ "หวานใจ" "เปรี้ยวใจ" ให้พ่อแม่รู้จักซะ
64. ถูหลังให้กันและกัน
65. ทำคุ้กกี้รูปหัวใจให้กัน
66. ไปเดินป่าด้วยกัน
67. ขยิบตาให้กันและกัน ว้าว!
68. เมื่อรู้สึกโกรธอีกฝ่าย ให้รีบบอกออกไปอย่าเก็บกลั้นไว้
69. สัญญาว่าจะเขียนอีเมล์หากันทุกวัน (แม้บางวันจะเขียนแค่ 2 บรรทัดก็เถอะ)
70. ปล่อยให้อีกฝ่ายหลงเข้าใจผิดในบางเรื่องโดยไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย
71. ออกไปเล่นว่าวด้วยกัน>72 เดินไปเข้าเรียนพร้อมกัน หรือไม่ก็นัดเจอกันทุกคาบหลังเลิกเรียน
73. สมัครเป็นอาสาสมัครทำงาน ช่วยเหลือสังคมร่วมกัน
74. หยิบเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาชีวิตอย่างจริงจัง มาสนทนากันบ้างในบางเวลา
75. เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของกันและกันเสมอ
76. ยอมทนดูหนัง "ห่วย" ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็เพราะอีกฝ่ายอยากดู
77. ชวนกันไปเดินแผนกขายของเล่นในห้างจากนั้นสำรวจและลองเล่นของเล่นทุกชนิดด้วยกัน
78. ปั้นดินเป็นรูปหัวใจที่มีชื่อของเราสองคนสลักไว้ (อย่าลืมมอบหัวใจดวงนี้ให้อีกฝ่ายเก็บไว้ด้วยนะจ๊ะ)
79. โทรศัพท์หากันและกัน ทุกคืนก่อนเข้านอน
80. ซื้อหนังสือเล่มเดียวกันและแลกกัน

T300611_05C_r
81. เรียนรู้การสร้างโฮมเพจที่มี "เพลงของเราสองคน" "วันสำคัญของเรา

" "เกมส์รัก" "ปริศนาท้ารัก" หรือแม้แต่ "คำสารภาพรัก" และหัวข้ออื่นๆ

(ลองขอความเห็นจากเพื่อน พี่ น้อง และคนในครอบครัว ด้วยนะ)
82. ปลูกต้นไม้เพื่อแทน "ความรักของเรา"
83. อยู่ด้วยกันในวันที่ฝนตก จิบชา ช้อคโกแลตร้อนๆ พร้อมกับคุ้กกี้ ขนมโปรด และดูการ์ตูนโดย ซุก
ตัวในผ้าห่มผืนเดียวกัน
84. ไปหาที่โรงเรียน ที่ทำงาน ที่บ้าน โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า พร้อมกับอาหารกลางวัน ช่อดอกไม้หรือการ์ดที่มีแต่คำหวาน
85. ลองหัดเล่นกีฬาใหม่ๆ พร้อมๆกัน
86. ไม่บ่นรสนิยมฟังเพลงหรือการแต่งตัวของอีกฝ่าย (แม้จะทำให้เราแทบบ้าตาย!)
87. ขอเพลงให้กันผ่านรายการวิทยุ
88. จูบ กอด แบบจู่โจมโดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
89. ไปตกปลาด้วยกัน
90. แต่งเพลง บทกวี ให้คนรัก
91. เปิดเพลงหวานและเต้นรำกันสองคน
92. เซอร์ไพรซ์อีกฝ่ายด้วย ตั๋วดูคอนเสิร์ตวงดนตรีโปรด ละคร เรื่องที่อีกฝ่ายกำลังอยากไปดูอยู่พอดีเลย
93. ติวหนังสือก่อนสอบด้วยกัน
94. ชวนกันทำอะไร "ตลกๆ" หรือ "บ้าๆ" บ้าง
95. เมื่อถึงวันเกิดของอีกฝ่าย ลอง ทำเค้ก ที่ไม่ต้องมีครีมให้กินบ้าง
96. บอกให้อีกฝ่ายรู้ถึงเรื่องที่ทำให้ซาบซึ้ง ประทับใจมิรู้ลืม
97. เมื่อบริจาคเงินให้การกุศลใส่ชื่อของคนรักว่าเป็นคนบริจาค
98. เดินเคียงคู่กันย่ำทรายด้วยเท้าเปล่าที่ชายหาดยามตะวันตกดิน
99. ตัดแปะ รูปเราสองคนเข้าด้วยกัน




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons