เคยบ้างไหม เราแสนจะชอบคนคนนี้ แต่เขาดันไม่ชอบเรา อ้ทีคนที่เราเฉย ๆ กับเขา เขาดันมาตามตื้อจีบแทบเป็นแทบตาย พอเราสลัดรัก ก็แทบจะไปโดดตึกตายแล้วที่เขาว่า คู่แท้(ไม่ใช่ซิมฮัทช์นะ), เนื้อคู่, soulmate มันมีจริงหรือในทางธรรมแล้ว ถ้ายึดเอาตามหลักการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร เป็นแสน เป็นล้าน เป็นแสนล้าน เป็นล้านล้านล้าน ครั้ง คู่เรามีเพียบเลยครับ น่าจะเกินแสนคน ที่เคยเป็นภรรยา เป็นสามีเรา แต่ทำไมเราหาเขาเหล่านั้นไม่เจอ
นั่นเป็นเพราะ เราทำบุญบารมีมาไม่เสมอกันครับ
สังเกตุไหมครับว่า พี่น้องกัน จะมีลักษณะนิสัยบางอย่างคล้าย ๆ กัน บางอย่างก็ต่างกันสุดขั้ว ฝาแฝดบางคนเกิดมาเหมือนกันอย่างกับแกะ ทั้งนิสัยใจคอ และรูปร่างหน้าตา บางคู่ ก็เหมือนแค่รูปร่างหน้าตา แต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว ลูกบางคนเกิดมาปุ๊บ พ่อแม่ร่ำรวยขึ้นทันตาเห็น บางคนเกิดมาแล้ว พ่อแม่จนลงจนเข็ญใจ เหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์ แต่อธิบายได้ด้วยหลักบุญทำกรรมแต่งครับ
เคยสงสัยไหมว่า ถ้าทำการโคลนนิ่งมนุษย์ เพื่อนำมาใช้เป็นอวัยวะสำรอง และมนุษย์โคลนนิ่ง จะมีชีวิตจิตใจหรือไม่ ทำเช่นนั้น จะเป็นการท้าทายพระเจ้าหรือเปล่า และผิดศีลธรรมไหมถ้าตามหลักพุทธแล้ว จิตที่ลงมาจุติ จะเป็นจิตคนละดวง กับต้นแบบครับ จิตหรือดวงวิญญาณทั้งหลายในจักรวาลนี้ ท่านเปรียบว่า มนุษย์บนโลกหกพันล้านคนนี่เหมือนหัวไม้ขีด ปริมาณจิตที่รอการเกิดนั้น เหมือนดวงอาทิตย์ ฉะนั้น เมื่อมีสภาพที่เหมาะสมกับการจุติ(เช่นการโคลนนิ่ง) ข้าพเจ้าเชื่อว่า จะมีจิตเข้าไปจับจองกายสังขารใหม่นั้น และเขาก็จะกลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง คนละคนกับต้นแบบ ฉะนั้นถามว่า ผิดไหมที่เอาอวัยวะของโคลนมาใส่ตัวจริง ก็ต้องตัดสินเอาตามว่า ถ้าเอาอวัยวะของอีกคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจมา ผิดไหม
เอ๊ะ...จะคุยเรื่องคู่แท้ ไหงโผล่มาเรื่องโคลนนิ่งได้หว่า
จากหลักการเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในวัฎสงสารดังกล่าว พอจะอนุมานได้ว่า ไอ้คนที่มาปิ๊งเรา หรือ คนที่เราปิ๊ง เป็นคนที่เราเคยตุนาหงันกันมาในอดีตชาติ คำว่า ตุนาหงันนี่ อาจจะไม่ใช่แค่สามี ภรรยานะ อาจเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นป้า เป็นน้า เป็นอา เป็นเพื่อน เป็นได้ทั้งนั้น แค่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันมา แต่ชาติปางก่อน อมาถึงชาตินี้ ไอ้ความสัมพันธ์เดิม ๆ ก็ลืมหมด รู้แต่ว่า คนนี้เห็นแล้วสบายใจ คนนี้คุยด้วยแล้วถูกใจ คนนี้อยู่ด้วยแล้วรู้สึกคุ้นเคย ทั้งที่ชาติที่แล้ว อาจจะเคยเป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ กันมา
มาชาตินี้มาจีบกันเฉยเลย
มาชาตินี้มาจีบกันเฉยเลย
การที่เขามาปิ๊งเรา แต่เราไม่ปิ๊งเขา หรือเราปิ๊งเขา แต่เขาไม่ปิ๊งเรา เกิดจากบุญบารมีไม่เสมอกัน เสียเป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือ ไอ้ที่เขามาปิ๊งเรา เราไม่ปิ๊งเขา ก็เพราะบุญบารมีเขาน้อยกว่าเรา ส่วนไอ้ที่เราปิ๊งเขา แต่เขาไม่ปิ๊งเรา ก็เพราะบุญบารมีเขามากกว่าเรา ซึ่งความจริงก็ดีแล้วครับ การไม่มีคู่ เป็นลาภอันประเสริฐ เพราะทุกข์สุดแสนเที่ยวแดนเนรมิต รออยู่ครับ
เริ่มตั้งแต่ตอนยังไม่เป็นแฟนกัน ก็ต้องคอยพยายามเอาอกเอาใจ ประคับประคอง สุดฤทธิ์สุดเดช เรียกว่า ถ้าถวายชีวิตให้ได้ คงทำไปแล้ว พอได้เป็นแฟนกัน ก็มานั่งกังวลอีก เขาจะรักเราไหมน๊า เขาจะไปมีคนอื่น แอบนอกใจเราไหมน๊า ครั้นพอแต่งงานกันไป คราวนี้ทุกข์เพิ่มขึ้นหลายเท่าครับ เพราะส่วนใหญ่ การแต่งงาน ไม่ใช่เรื่องของคน แค่ ๒ คน แต่หมายถึง ๒ ครอบครัว มาดองกัน คราวนี้ละมันส์กว่าเดิมอีก แทนที่จะเอาอกเอาใจแค่คนเดียว ต้องเอาอกเอาใจทีนึงทั้งบ้านเลย แต่งกันได้สักพัก มีลูก โอ้โห....ทุกข์เสียยิ่งกว่าอะไร เมื่อก่อน ว่าเมียเราผัวเรา ดูแลยากแล้วนะ พอเจอลูกเข้าไปนี่ ความทุกข์มันแอดว้านซ์ยิ่งกว่า จีเอสเอ็ม สองวัตต์ (ไปนึกภาพต่อกันเอาเอง) แต่เชื่อไหมว่า คนเราก็พยายามวิ่งเข้าหาทุกข์ที่กล่าวมานี่แหละ
ถ้าตาซิกมุนด์ ฟรอยด์ เขาก็บอกว่า เกิดจาก sexual drive หรือ แรงขับดันทางเพศ แต่ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าท่านทรงบอกว่า เพราะสัตว์โลก ประกอบด้วย อวิชชา-ความไม่รู้ หรือความโง่ ครอบงำ
เห็นทุกข์ก็บอกว่า เป็นความสุข เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่ง พอชวนให้เขามาทางธรรม เขาบอกว่า มันยังสุขอยู่เลย เวลากอดลูกแล้ว มันสุขอย่างบอกไม่ถูก นั่นละ ทุกข์อิ๊บอ๋ายเลย ก็เห็นเป็นความสุข นั่นละ ที่ท่านเรียกว่า "กรูโง่" คนทั่วไป มักคิดว่า ความสุข ก็เป็นอย่างหนึ่ง ความทุกข์ก็เป็นอย่างหนึ่ง ถ้าเราหาเงินไปมาก ๆ เงินก็จะซื้อความสุขได้ แล้วทุกข์ก็ไม่มี แต่พระสอนว่าว่า สุข กับ ทุกข์ มันอยู่ติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ หมายถึงว่า ถ้ายังมีสุขอยู่ ทุกข์ก็ยังมีเหมือนกัน และถ้าเราละสุขเสีย ทุกข์ก็ไม่ต้องละ หายไปเองยกตัวอย่างเช่น การกอดลูกแล้วมีความสุขนั้น สุขอยู่กี่นาทีครับ แลกกับการที่ต้องประคบประหงม เลี้ยงดูปูเสื่อ อย่างดี เป็นสิบ ๆ ปี นี่ละครับที่ท่านว่า สุขกับทุกข์มันอยู่ติดกัน สุขทางโลก เป็นสุขที่เจือด้วยทุกข์
อะ...แต่ถ้าไม่เห็นด้วย อย่างไรแล้ว ฉันก็จะหา "คู่แท้" หรือ soulmate ของฉันให้เจอ (ให้สมกับหัวเอ็นทรี่) ขอแนะนำให้ไปทำบุญครับ มีตัวอย่างมากมายหลายกรณีมาก จะยกให้ดูสักหนึ่งกรณี เพื่อนข้าพเจ้าคนหนึ่ง เคยปิ๊งสาวคนหนึ่งมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่เขาไม่ปิ๊งกลับ แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย นานมาก ช่วงหลัง ๆ มาเพื่อนข้าพเจ้าคนนี้ ก็หันมาสนใจธรรมะ ฝักใฝ่ธรรมมากขึ้น ปฏิบัติธรรมบ้างถ้ามีโอกาส ปรากฏว่า จู่ ๆ สาวคนนี้บินกลับมาจากเมืองนอก นัดเจอเพื่อนเก่า ๆ พอพบกันอีกที เหมือนบุพเพอาละวาดครับ เขาเกิดมาปิ๊งเพื่อนของข้าพเจ้า ทั้งเพื่อน ๆ ของเขา ก็เชียร์กันยกใหญ่ แหม....ไม่อยากจะเซด เพื่อนข้าพเจ้าก็โทรมาเล่าให้ฟังว่า ไม่น่าเชื่อเลย เธอดูสูงส่งเกินเอื้อมมาก และเมื่อคุยกันไป ก็พบว่า เธอสนใจปฏิบัติธรรมเหมือนกัน ข้าพเจ้าก็เลยแนะให้ไปทำบุญร่วมกันเสียเลย ชวนเขาไปเที่ยว ก็ชวนไปเที่ยววัด ไปทำบุญ ชวนไปปฏิบัติธรรม ทำสมาธิด้วยกัน แล้วก็บอกเขาอย่างที่เขียนมานี่ละ มันเหมือนบุญบารมีเราเริ่มไล่ตามเขาทันแล้ว แต่น่าเสียดาย เพื่อนข้าพเจ้า ไม่ได้เชื่อสิ่งที่ข้าพเจ้าแนะ สุดท้ายความสัมพันธ์ก็พังพินาศ ข้าพเจ้าก็ได้แต่ปลอบใจเขาว่า "เฮ้ย...ไม่รู้หรือว่า การไม่มีคู่ เป็นลาภอันประเสริฐ"
ที่นี้ทำบุญอย่างไรดีหนอ ถึงจะไล่ตามเขา(คนที่เราหมายปอง)ทัน เพราะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ไอ้เราเพิ่งมาเริ่มทำบุญ เขาทำบุญมาแต่ไก่โห่แล้ว บางทีอาจตุนมาแต่ชาติก่อน ๆ และธรรมดาคนที่มีจิตเป็นกุศล งดงาม ก็มักจะชอบทำบุญเป็นวัตรอยู่แล้ว ไอ้เราก็เบี้ยน้อยหอยน้อย ขืนทำมาก ก็ไปเบียนเบียนตัวเองเอาเสียอีก เป็นอันไม่ได้บุญ
มีบุญอยู่ชนิดหนึ่งครับ ไม่ต้องใช้ตังค์ ทำได้ทุกเวลาด้วย บุญนั้นอยู่ที่ลมหายใจเรานั่นแล หายใจเข้า รู้อยู่ว่า หายใจเข้า หายใจออก รู้อยู่ว่าหายใจออก ทำจนสามารถระงับ ได้ บุญหนักยิ่งกว่า สร้างโบสถ์ร้อยหลัง ถ้าคู่ปรับเรา เขาเอาแต่ทำทาน เราอ้อมไปดักหน้าเขาเลยครับ ด้วยการเจริญสติ เจริญสมาธิ (แต่ขอโทษทีครับ ถ้าปฏิบัติ เพราะคิดหวังแอ้มเธอ ไม่ได้บุญนะครับ ต้องทำด้วยปราศจากความอยากครับ ไม่ใช่ไม่ให้อยากเสียเลยนะครับ ไม่อยากเลยนั่นเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว แต่หมายถึง ช่วงที่เราปฏิบัติอยู่ ให้ระงับความอยากเสียชั่วคราว)หรือถ้ากลัวไล่เธอไม่ทัน ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมเสียเลยครับ นั่นดูลมหายใจกันแทบตลอดเวลา ยกเว้นตอนหลับ ก็จะช่วยให้ไล่ตามเธอได้เร็วขึ้น
ถ้ามาดแม้นไล่ตามเธอไม่ทันจริง ๆ ก็จะมีคนมาชอบเรามากขึ้น จากที่เคยมีแต่ หมู เห็ด เป็ด ไก่ มาชอบเรา ก็จะเริ่มมี นางฟ้า เทพบุตร ตกสวรรค์ มาชอบเราบ้าง คราวนี้กลายเป็น บุญเยอะ เลือกได้ ครับถ้าจนแล้วจนรอด ก็ยังมีแต่ หมู เห็ด เป็ด ไก่ มาชอบเราอยู่ดี ไม่ถูกเป็คเลยสักคนเดียว บวชไปเลยครับ สิ้นเรื่องสิ้นราว เขาว่า กลิ่นอะไรก็ไม่หอมเท่า กลิ่นพรหมจรรย์ครับ กลิ่นศีลนี้หอมทวนลมนะครับ คราวนี้ พอบวช ๆ ไป พอใกล้จะข้ามโอฆะ ใกล้หลุดออกจากสังสารวัฎ มารจะเข้ามาทดลองใจครับ ส่งหนุ่มหล่อ ๆ สาวสวย ๆ มาล่อ เสร็จเราเลยครับ เราก็รีบลาสิกขา ออกมามีแฟนทันใด อิ อิ พญามารเห็นแล้ว เอาตีนก่ายหน้าผากเลยครับ เสียรู้ให้เราเสียแล้ว เหอ....เหอ....
เคดิพี่ดังตฤณ