ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งครับในอีกหลายร้อยล้านคนที่ตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาแฟนมาครอบครอง เรื่องบุพเพอาละวาดหน่ะหรือ? คงมีแต่ในนิยาย หรือการ์ตูนตาหวานสารพัดวิธีจีบสาวเสี่ยว ๆ ถูกงัดมาใช้ไม่เว้นแต่ละวัน"อยู่เฉย ๆ เถอะเดี๋ยวเขาก็มาเอง" คำแนะนำจากพี่สาวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เหมือนตัดรำคาญที่เห็นข้าพเจ้าพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนไม่หยุดหย่อน แต่การอยู่เฉย ๆ รอเขามาเอง กลับไม่มีบันทึกอยู่ในสารบบความนึกคิดของข้าพเจ้า บร้า... อยู่เฉย ๆ แล้วเขาจะมาเองได้ไง มาให้นั่งรอโอกาสดี ๆ เข้ามาแล้วค่อยไขว่คว้า สู้เราสร้างโอกาสขึ้นมาเองไม่ดีกว่าเหรอ?
อาจด้วยความที่เป็นผู้ชายอกสามศอกครึ่งด้วยกระมังครับ จึงเห็นว่า การนั่งรอลมเพลมพัดสักวันจักมีสาว ๆ เข้ามาในชีวิตเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ไม่ได้หล่อเหมือนโดม ปกรณ์ ลัม คือเคน ธีรเดช นี่หว่า ไม่ออกไปจีบแล้วเมื่อไหร่จักมีแฟน ทั้งที่การจีบหญิงสำหรับเด็กชายที่เรียนโรงเรียนชายล้วนมาตลอด ๑๒ ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยข้าพเจ้าก็เหมือนคนโสดทั่วไปที่รังเกียจฤดูเทศกาลต่าง ๆ ไม่ว่าจักเป็นวันวาเลนไทน์ วันคริสตมาส วันกีฬาสี วันปีใหม่ บลา ๆ ๆ ที่เขาไปกันเป็นคู่ ๆ กระทั่งโรงหนังหรือสวนสนุก เห็นเขาเดินจับมือกันแล้วก็เสียวแปล็บในใจ ไหงเราต้องมาดูหนังกับเพื่อนผู้ชายฟระ? เมื่อไหร่ฉ๊านจะมีแฟนซะที อี อี อี....? ถึงวันนี้ยังระลึกถึงความรู้สึกวันนั้นได้อย่างชัดเจน
คราวหนึ่งถูกเพื่อนรักทิ้งกลางเวหา คาสะพานลอยมาบุญครอง เพียงเพราะปะเจอหญิงที่หมายปองแบบไม่ได้ตั้งใจ "เอาเหอะ... กรูเข้าใจ ๆ ว่าหญิงในดวงใจหน่ะมันหายากยิ่งกว่าเข็นเข็มขึ้นภูเขา ยิ่งกว่างมครกในมหาสมุทร เป็นกรู... ก็คงทำเหมือนมรึงนี่แหละ" คงพอนึกภาพความยากเย็นในการหาแฟนสมัยนั้นออกใช่ไหม?
ผลงานจากความพยายามอย่างยิ่งยวดย่างเข้าปีที่ ๒๒ ก็ยังคงกิน "แห้ว" อยู่อย่างสม่ำเสมอ
ทุกอย่างที่เห็นคนอื่นทำแล้วเท่ สาวแอบปลื้ม นี่ลงทุนทำทุกอย่าง ไปเรียนกีต้าร์เอาไว้โชว์หญิงก็ทำมาแล้ว (ภายหลังพบว่า เป็นความคิดที่โง่บัดซบ เพราะกว่าพวกเธอจะปลื้มนี่ ต้องสามารถเล่นกีตาร์ได้โดยไม่ต้องดูคอร์ด เป็นร้อยเพลง แถมเธอปลื้มแล้ว จะเอาเป็นแฟนหรือเปล่า นี่ยังต้องขอคิดดูก่อน การเล่นกีต้าร์เป็นมิได้อยู่ในตัวเลือกของเธอทั้งหลายเลย)
"แล้วเธอ... ก็เข้ามา เปลี่ยนหัวใจ ที่เคยอ่อนล้าให้มีหวัง..." เพลงของบอยด์ โกสิยพงษ์ แว่วขึ้นมาในห้วงความคิดความรู้สึกมันประมาณนั้นจริง ๆ ท่ามกลางความปั่นป่วนเชี่ยวกรากของการเรียนอย่างหนักหน่วง เพื่อให้จบทันเพื่อน ๆ หรืออย่างน้อยจบทันรุ่นน้องรุ่นถัดไปก็ยังดี (มัวไปโต๋เต๋เรียนแม่ม ๓ คณะก็งี้แหละ) รุ่นน้องห่างกัน ๓ ปีคนหนึ่งหน้าตาพริ้มเพราก็เข้ามาในชีวิต...ถ้าจำไม่ผิด มีแฟนคนแรกตอนอายุ ๒๒ ครับ น้อง ๆ ที่อายุยังไม่ถึง ๒๒ ยังไม่ต้องรีบร้อนครับ ยังมีเวลาอีกเยอะตอนนั้นก็งง ๆ เอ๋อ ๆ เอ๊ะ... เธอมายังไง? มาถึงวันนี้ชัดแล้วครับ "บุพเพอาละวาด" แน่นอน
ไม่ใช่แค่น้องเขาแอบปลื้มเราก่อน แต่มีเพื่อน ๆ ช่วยกันเชียร์ ทั้งเพื่อนเราเพื่อนเขา คอยยุแยงตะแคงเสริมกันยกใหญ่ถ้าเราไม่ใช่จอมนักวางแผน บทจักได้มีแฟน มันต้องลงตัวด้วยเหตุมากกว่าหนึ่งแน่นอนครับ ทุกอย่างถูกจัดสรรอย่างดีเยี่ยม เราแทบไม่ต้องออกแรงเลย "บุพเพอาละวาด" ทำงานแทนหมดตอนนั้นยังแอบปลื้มไม่หาย มีเพื่อนคนหนึ่งชื่นชมตอนที่น้องเขาเดินผ่านไปว่า "เดี๋ยวนี้ลานXXคณะXXXเปลี่ยนไป" อยากอวดคนทั้งโลกเหลือเกินครับว่า "คนนี้ละแฟนกรู....กรูมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกะเค้าแว้วววว" (ตอนอยู่ในคณะไม่ได้แสดงตัวครับ)แต่แล้วด้วยการยุแยงตะแคงเสริมของเพื่อนเราเองนั่นแล ทำให้ความรักอันบริสุทธิ์งดงามปนเปื้อนมลทิน จนพาให้ความสัมพันธ์มาถึงจุดจบ การแต่งตัวเปรี้ยวของน้องเขามิใช่จักเป็นตัวตนที่แท้จริงอย่างที่เพื่อนเข้าใจ
อีตอนจบ ก็มิได้มีเหตุแค่หนึ่งอีกเช่นกัน เป็นอีกครั้งที่ทุกอย่างถูกจัดเต็มให้ต้องเลิกราก่อนหน้านั้นก็มีเหตุให้เกือบมีแฟนหลายรอบแล้ว แต่ด้วยความเซอะเบอะของเราเอง มารู้ทีหลังว่า เขาก็แอบปลื้มเรา อีตอนที่เขามีไปแฟนแล้ว โถ ๆ ๆ ก็นั่นเป็นดาวชั้นปี ใครจักกล้าไปอาจเอื้อมละครับ ก็แค่โทรไปคุยเล่นทุกวัน แต่การณ์กลายเป็นไม่มีใครกล้าจีบเธอเลย มีเราเข้าวินไปแต่ผู้เดียว!!!...??? (เป็นอุทาหรณ์สอนใจหนุ่ม ๆ นะครับ ผู้หญิงสวยจัด ๆ ไฮโซ ๆ ใช่จักมีคนจีบเยอะ//เธออาจมีออร่าจนผู้ชายไม่กล้าจีบกระมัง)เห็นไหมหล่ะครับ มันยังไม่ถึงเวลา เหตุมันก็มาไม่ครบ จัดสรรไม่ลงตัว นี่ถ้ามีเพื่อนเขาสักคนหนึ่งมาแอบกระซิบให้ "ควายเรียกพี่" อย่างข้าพเจ้ารู้สักนิด ป่านฉะนี้ มิต้องรอมาจน ๒๒ หนาวดอก มีแควนควงโต้ลมหนาวไปนานแล้วคนถัดมานี่เจอกันที่ทำงาน แปลกแต่จริง เธอข้ามน้ำโพ้นทะเลมาตั้งไกล เพื่อมาจุ้มปุ๊กอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมทำงานด้วยกัน เป็นแฟนกันท่ามกลางเสียงคัดค้านอึงมี่ระงมออฟฟิส แต่ก็ฝ่าฟันมาด้วยกันได้จนครบ ๔ ปี
เลิกร้างกันไปก็ด้วยความบ้าของเราอีกนั่นแหละเจ็บคราวนั้นสร้างบาดแผลเป็นรอยลึก ยากจักเยียวยา ต้องหยุดพักรักษาแผลใจไปนานเลยคนสุดท้ายนี่บุพเพอาละวาดแท้ ๆ แน่นอน เราอยู่เฉย ๆ ของเราแท้ ๆ บุกมาถึงออฟฟิสทีเดียว...อย่างกับละครหนังไทย ตอนแรกคุยกันไม่เห็นหน้าก็ยียวนกวนประสาท แต่แล้วพลังแห่งบุพเพอาละวาดก็พาให้มาพบหน้า และแอบชอบกันและกันตั้งแต่แรกพบ
"อยู่เฉย ๆ เถอะเดี๋ยวเขาก็มาเอง" รู้สึกถึงความเป็นจริงเป็นจังของคำแนะนำจากพี่สาวขึ้นมา ณ บัดเดี๋ยวนั้น..
ปล. ปัจจุบันเบรื่อแล้วค่ะ มาเองก็ไม่เอา 5555+
เคดิด จากเพื่อนร่วมก่วนส่งมา