จะทำอย่างไร เมื่อเขานอกใจ
จะทำอย่างไร @ เมื่อเขานอกใจ (แม่บ้าน)
เรื่อง : รศ.สุพัตรา สุภาพ
การนอกใจกันเป็นเรื่องทำให้ครอบครัวแตกแยกล่มสลายได้ จนยากที่จะทำใจแผ่เมตตาให้อภัยกันง่าย ๆ เพราะเมื่อรู้ว่าคู่ของเรามีคนอื่น ก็ต้องโกรธแค้นแทบจะฆ่ากันตายไปข้างหนึ่ง (ถ้าไม่กลัวติดคุกจนแทบเป็นบ้า) ส่วนมากพอรู้ว่าเขาเป็นอื่น จะบอกว่า "รับไม่ได้ ทนไม่ไหว"
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีวิตคู่ให้ข้อคิดเรื่องนอกใจกัน (ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิง) อย่างน่าทึ่งว่า…
1. มีนอกใจกันบ้าง
และคนนอกใจมักจะเป็นชายมากกว่าหญิง ผลก็คือผู้หญิงกลัวเขาจะนอกใจ บางคนเลยคอยตามล่าตามล้างกลัวเขาเป็นอื่น พอหวงห่วงห้อยตามเขามาก ๆ เขาเลยเป็นอื่นจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดมีอะไรกับใคร
2. ต้องรับรู้
แม้จะไม่อยากรู้ หรือทำใจไม่ได้ก็ตาม ก็คนเป็นผัวเมียกันมักจะพอดูออกว่าเขาเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป เช่น เคยสนใจเราก็ไม่ใส่ใจเท่าที่เคย จนเราหงุดหงิดโมโหโกรธาเอาง่าย ๆ หรือเขาดูดีผิดปกติ (ก็คงพยายามปกปิดที่ไปมีกิ๊กนั่นแหละ) ให้เราตายใจ
Dr.Frank S.Pittman นักจิตวิทยาชื่อดังเตือนใจผู้เป็นภรรยาว่า ถ้าผู้ชายมีอาการแปลก ๆ (ไม่ได้แปลว่าบ้า) แถมไม่ค่อยพูด ทั้ง ๆ ที่เคยพูดอะไรให้ฟังบ่อย ๆ ซึ่งที่เป็นเช่นนี้เขาอาจกลุ้มใจเรื่องงาน เลยหาทางชดเชยไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน จนอยากฟาดฟันให้เดี้ยงกันไปข้างหนึ่ง หรือภรรยานอกใจสามีอาจจะอยากหาคนมาเอาใจ เพราะไม่ได้จากที่บ้าน
Dr.Pittman บอกว่า น่าจะให้อภัยมากกว่าคับแค้น โดยคนนอกใจต้องขอให้คู่ให้อภัย แม้จะทำใจยากก็ควรจะทำถ้ายังอยากอยู่ด้วยกันต่อไป หรือไปหาผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ปัญหาให้เท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าปล่อยให้คาราคาซัง โดยเฉพาะถ้าเราเป็นคนผิด
3. ไม่จำเป็นต้องเลิกกันเสมอไป
เลิกทำไมให้คนอื่นดีใจเปล่า ๆ คิดแก้แค้นแม้จะสะใจแต่ใช่ว่าเป็นสิ่งดีเสมอไป การหย่าร้างเลิกรากันอาจเป็นทางแก้ปัญหาที่ไม่เคยแก้ได้ก็ได้
Dr.Harold Taylor นักจิตวิทยาชื่อดังเสริมในเรื่องนี้ว่า สามีภรรยาควรจับเข่าคุยกัน (กลัวคุยไม่ไหวเพราะอยากหักเข่ากันมากกว่า) เป็นการคุยว่าเรื่องเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรถึงจะไม่มีปัญหาในอนาคต นี่คือโอกาสที่คุยกันได้
4. ยังรัก
ส่วนมากคนที่นอกใจมักจะรักคู่ของตัวน้อยลง หรือเริ่มไม่รักเขาหรือเธอแล้ว แต่มีเหมือนกันที่ยังรักกันอยู่แต่อดเจ้าชู้หรือหาเศษหาเลยไม่ได้ให้เจ็บปวดกัน เรื่องนี้มีคำพังเพยว่า คนเราจะรักคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ เพราะตอนนั้นกำลังหลงอีกคน แต่ยังห่วงใยและรักคู่ของตัวอยู่
Dr.Avodah K.Offit นักจิตวิทยากล่าวว่า จากที่เขาศึกษาวิจัยมาพบว่า สามีภรรยาที่นอกใจกัน รวมทั้งพวกเจ้าชู้เป็นนิสัย ก็ยังผูกพันครอบครัวไม่อยากเลิกรากันไป ที่เขานอกใจเป็นแค่อาการชดเชยทางอารมณ์ที่มีปัญหาค้างคาใจแต่เด็ก เช่น พ่อแม่เข้มงวดคอยสั่งให้ทำอะไรอยู่เรื่อย พอมีคู่เลยพยายามไม่ให้คู่มามีอิทธิพลเหนือตัว และการนอกใจจึงเป็นเครื่องแสดงว่า "ชีวิตเป็นของเรา เราเป็นเจ้าชีวิตของเราเอง"
อีกฝ่ายเลยอยากฆ่าให้หายแค้น ก็ขนาดไม่ได้มีใครมาบังคับอะไรมากนักก็ยังนอกใจได้ ที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะภรรยาน้อยไม่เรียกร้องอะไรหรือมีกฎเกณฑ์อะไรมากเท่าภรรยาหลวง หากภรรยาน้อยมีกฎเกณฑ์มากเท่าไร เขาก็จะตีตัวออกห่างเพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าเมียน้อยเริ่มเป็นเมียหลวงเข้าไปทุกที
5. หันมาดูตัวเอง
นักสังคมวิทยาและนักจิตวิทยาแนะนำว่า ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่อาจจะทำให้เราไม่สบายใจ เราต้องทำใจกว้าง ๆ ประดุจถนนสายมหึมา ที่เขาเป็นอย่างนั้นเป็นความผิดของใคร เราหรือเขา ส่วนมากคนเจ้าชู้จะคิดว่า ภรรยาแย่เขาถึงเป็นอื่น ถ้าเขาคิดแบบนี้เขาจะไม่รู้สึกผิดและนอกใจไปเรื่อย ๆ (น่าฆ่าให้ตายเป็นของแถม)
นอกจากนี้ การนอกใจมีสาเหตุมากจากการหวังเกินความเป็นจริง เพราะไปคิดว่าการมีคู่คือหลักประกันความสุข หากวันไหนไม่มีความสุขก็จะกล่าวโทษอีกฝ่าย
6. เปลี่ยนบรรยากาศ
เป็นการหาทางไปให้พ้นจากบรรยากาศเดิม ๆ ที่น่าหดหู่ เช่น ไปเที่ยวตามลำพังเพื่อรำลึกความหลังครั้งยังหวานชื่น ชีวิตจะได้ดีขึ้น รวมทั้งเวลามีปัญหาต้องอดทนที่จะแก้อย่างจริงใจ โดยไม่คิดแต่เอาชนะคะคาน หรือห้ำหั่นกันให้เสียหาย เป็นการยอมรับ เป็นการทำใจให้อภัย แม้อยากจะด่าหรือต่อว่าให้หายคาใจ แต่ถ้ายังอยากอยู่ด้วยกันก็คงต้องแผ่เมตตาให้อภัยเพื่อจะได้เริ่มต้นกันใหม่ เพราะนี่คืออุบัติเหตุชีวิตที่เกิดขึ้นได้ ขอแค่มีใจต่อกันที่จะร่วมกันแก้ไข
Maslow ให้ข้อคิดเรื่องปัญหาในครอบครัวว่า การนอกใจกัน จะให้หายง่าย ๆ คงยาก ขอแค่พยายาม (กัดฟัน) ทำใจเรื่องที่เขานอกใจคงจะดีขึ้นภายใน 3-6 เดือน (นานไปไหม) และส่วนมากมักจะเอาใจกันมากกว่าเก่า โดยเฉพาะคนที่นอกใจ เช่น ซื้อข้าวของให้ พาไปเที่ยว ออกไปกินอาหารนอกบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม คนที่นอกใจต้องรู้จักทำตัวให้ดีขึ้น เพื่อเห็นแก่ครอบครัวและตัวเองจะได้ไม่ต้องมีอันเป็นไปก็เข้าทาง อย่าทำตัวเจ้าชู้ไม่มี พ.ศ. ซ้ำซากไง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 35 ฉบับที่ 506 กรกฎาคม 2554