ผญาภาษิตที่สะท้อนถึงระบบครอบครัว
เป็นคำสอนที่แสดงถึงคู่ของบุคคลที่ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติต่อกันในสังคม บุคคลในสังคมถ้าตั้งใจปฏิบัติตามความสัมพันธ์ต่อกันในครอบครัว ความสงบสุขย่อมจะเกิดขึ้นในแต่คู่ของบุคคลนั้น ในปัญหาเช่นนี้ สุภาษิตอีสานจะนำมาสอนในกรณีที่เป็นหลักจรรยาบันของสังคมในครอบครัว ซึ่งจะเน้นให้บุคคลทำหน้าที่ของตน
การดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมของมนุษย์จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์เป็นตัวนำทางให้สมาชิกของสังคมดำเนินชีวิตไปตามครรลองที่สังคมต้องการ เครื่องมือในการนำทางดังกล่าวจึงถูกกำหนดมาในรูปแบบบรรทัดฐานทางสังคม ค่านิยมที่ได้รับการถ่ายทอดมา ว่าคนเรามีการตัดสินที่จะเลือกแนวทางในการปฏิบัติของตนเองตามปัจเจกชน ชาวอีสานให้ความสำคัญกับคำถามที่ว่า”เราควรจะเลือกมีชีวิตอยู่อย่างไร” และควรทำอย่างไร และควรเว้นอะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนมีอย่างละเอียดตั้งแต่เรื่องของมารยาท การเลือกคบคนอย่างไรจึงจะดี และควรเลือกคนอย่างไรมาเป็นคู่ชีวิตของตนเอง และจะปฏิบัติต่อคนประเภทต่างๆอย่างไร เช่น กับพ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย ลูกเขย ลูกสะใภ้ และต่อพระสงฆ์ ควรจะวางตนอย่างไร เป็นหน้าที่ของจริยธรรมจะชี้บอกทางให้ และสังคมชาวอีสานยังมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ เป็นชุมชุนที่ยึดถือระบบญาติมิตรมาก เพราะความจำเป็นทางสังคมก็ดี ทางสิ่งแวดล้อมก็ดีล้วนแต่เป็นปัจจัยเกื้อกูลกันและกันให้ชาวอีสานต้องทำอย่างนั้น และชาวอีสานชอบแสวงหาความสงบสันติทางสังคม ดังจะเห็นอิทธิพลของสุภาษิตอีสานซึ่งเท่าที่พบจากวรรณกรรมคำสอนต่างๆพอประมวลจริยธรรมของบุคคลต่างได้ ๖ ประการคือ
๑ ) บิดามารดาตามนัยแห่งสุภาษิตอีสาน
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกๆสุดจะพรรณนา ความรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดประดุจดวงตาดวงใจก็ไม่ผิด พ่อแม่ทุกคนย่อมตั้งอยู่ในคลองธรรมและปฏิบัติต่อลูกหลาน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ลูก อุตสาห์เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต ให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียนความรู้ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีสติปัญญาแนะนำเกี่ยวกับการอาชีพ สำหรับลูกผู้ชายเมื่อมีอายุครบบวชพ่อแม่ก็จัดการบวชให้ พ่อแม่ย่อมเอื้ออาทรรักและห่วงใยลูก สิ่งใดไม่ดีพ่อแม่ก็แนะนำห้ามปราม มิให้กระทำชั่วพยายามให้ตั้งอยู่ในคุณความดี จัดหาคู่ครองที่สมควรหรือจัดแต่งงานให้ตามจารีตประเพณีและหากมีทรัพย์ก็มอบให้ลูกครอบครองแทนตนต่อไป พ่อแม่มีพระคุณต่อลูกถึงจะด่าลูกๆบ้างก็เพื่อความหวังดีของท่าน ดังคำกลอนสุภาษิตว่า
พ่อแม่ฮักลูกเต้าเสมอดังดวงตา เถิงซิมีคำจาด่าเซิงคำฮ้าย
เผิ่นหากหมายดีด้วยดอมเฮาจั่งฮ้ายด่า ความปากว่าบ่แพ้หัวใจนั้นหากบ่นำ
ยามเฮามีความต้องเจ็บเป็นไข้ป่วย เผิ่นบ่ป๋าปล่อยถิ่มเฮาไว้ถ่อเม็ดงา
มีแต่แหล่นซ้วนหน้าหาของกินมาฝาก ยากนำลูกน้อยๆความเว้าจ่มบ่เคย 5 นุ่ม
วรรณธรรมชาวอีสานมีระบบเครือญาติสูงซึ่งจะพบว่าบรรดาลุง ป้า น้า อา และพี่ นับเป็นญาติชั้นสูงอาวุโส ควรรู้วางตนให้สมกับเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้อง มีเมตตาธรรมไม่ถือตัวโอ้อวดมีอะไรก็ช่วยสงเคราะห์เป็นที่พึ่งพาอาศัยของญาติพี่น้องลูกหลานได้ หากลูกหลานและญาติพี่น้องถูกใคร่รังแกก็อาศัยเป็นที่พึ่งพากันในยามทุกข์ยากได้ ดังคำโบราณว่า
ฝูงเฮาผู้เป็นลุงป้าอาวอาน้าพี่ ให้มีใจฮักพี่น้องวงศ์เชื้อลูกหลาน
คนใดมีทุกข์ฮ้อนอ้อนแอ่วมาหา ซ่อยอาสาเป่าปัดให้ส่วงคลายหายเศร้า
การครองย้าว เอาศีลธรรมเป็นที่เพิ่ง ตามเปิงฮีตบ้านปางเค้าเก่ามา
ไผมีงานหนักหนาให้หาทางซดซ่อย บรรดาลูกหลานส่ำน้อยดีใจล้ำอุ่นทรวงฯ
คุณปู่ ย่า ย่อมเป็นที่รักและเคารพของลูกหลาน เปรียบประดุจด้วยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานดังคำโบราณอีสานว่า
อันปู่ย่านั้นหากฮักลูกหลานดั่งเดียวหลาย ทั้งตายายก็ฮักลูกหลานหลายดั่งเดียวกันนั้น
ลูกหลานเกิดทุกข์ยากไฮ้ได้เพิ่งใบบุญ คุณของปู่ย่าตายายหากมีหลายเหลือล้น
ควรที่ลูกหลานทุกคนไหว้บูชายอยิ่ง เปรียบเป็นสิ่งสูงยกไว้ถวยเจ้ายอดคุณ
บุญเฮาหลายแท้ที่มีตายายปู่ย่า เพราะว่าเพิ่นเป็นฮ่มให้เฮาซ้นอยู่เย็น ฯ
แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่ญาติตนเองก็ยังมีความนับถือกัน ซึ่งจะมีทั้งคนที่มีคุณธรรมในชุมชนของตนเองก็ยังได้รับการเคารพ โดยถือกันว่าเป็นแนวทางของการปฏิบัติต่อท่านผู้สูงอายุ ธรรมเนียมของชาวอีสานมักจะเคารพผู้อาวุโสในด้านต่างๆอาจเป็นด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และชาติวุฒิเป็นต้น ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่จะควรเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกหลานทั้งในด้ายความประพฤติและด้านจิตใจ ดังคำโบราณอีสานว่า
เป็นผู้เฒ่าให้ฮักลูกหลานเหลน เป็นขุนกวนให้ฮักการเมืองบ้าน
สมสถานเบื้องเฮิงฮมย์ถ้วนทั่ว อย่าได้ฮักผิ่งพุ้นซังพี้บ่ดี
อันว่าเฒ่าบังเกิดสามขานั้นฤา หมายถึงคนวัยสูงผู้ควรถือหน้า
ย้อนว่าเอาตนเข้าถือศีลฟังเทศน์ เถิงกับสักค้อนเท้าไปด้วยใส่ใจ
ชาติที่เฒ่าบ่ฮู้วัตรคลองธรรม ปาปังแถมซู่วันเวียนมื้อ
เถิงว่าวัยชราเฒ่าหัวข่าวแข้วหล่อน อายุฮ้อนขวบเข้าบ่มิผู้นับถือ แท้แหล่ว
๒ ) ครู และ อาจารย์
๓ ) สามีและภรรยา
ภรรยาคือชื่อว่าเป็นช้างท้าวหลังธรรมเนียมชาวอีสานเรียกว่าธรรมเนียมของภรรย169 เป็นการสอนในการครองเรือนให้มีความสุขที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับสามีภรรยาที่ต้องมีความรักใคร่ต่อกัน การประพฤติหลักของอีตผัวคองเมียนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะธรรมดาทัศนะคติของคนสองคนที่มาเป็นคู่ครองกันนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามอุปนิสัยบางคนแข็งกระด้างบ้างคนอ่อนน้อม ดังนั้นปราชญ์อีสานจึงสอนว่าการเป็นสามีภรรยากันนั้นมันง่ายแต่จะครองรักอย่างไรจึงจะมีความสุขได้ ตามความเชื่อของคนไทยโบราณสอนว่าสามีเป็นช้างเท้าหน้าภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง เพราะสมัยโบราณนั้นผู้หญิงก็มีความเชื่อเช่นนั้นเป็นทุนอยู่เดิมเหมือนกันดังจะเห็นได้จากวรรณกรรมของอีสานทุกเรื่องจะอบรมสั่งสอนลูกหญิงให้เชื่อฟังผู้เป็นสามีแต่ฝ่ายเดียว อาจเป็นด้วยเหตุก็ได้ที่ทำให้หญิงไทยชาวอีสานเป็นช้างเท้าหลังตลอดมา แต่ในภาวะทุกวันนี้ทัศนะให้เรื่องเหล่านี้เริ่มเสื่อมลงไปตามภาวะเศรษฐกิจและบ้านเมืองที่เจริญมากขึ้นสิทธิสตรีก็เสมอกับชายทุกประการ แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงก็คือหญิง สุภาษิตอีสานจะสอนให้ผัวเมียได้รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับสถานภาพของตน คือเมื่อเป็นสามีภรรยากันจะต้องรู้จักให้เกียรติกัน เคารพญาติทั้งสองฝ่าย ให้มีความขยันมั่นเพียรในการทำมาหากิน ให้รักเดียวใจเดียวชื่อสัตย์ต่อกัน ดังคำกลอนสุภาษิตโบราณอีสานสอนในเรื่องหน้าที่ของภรรยาไว้ ๕ ประการว่า
๑) กิจการบ้านให้ทางเมียเป็นใหญ่ให้เมียเป็นแม่บ้านการสร้างซ่อยผัว
๒) ให้มีจาจาเว้าแถลงนัวเว้าม่วนอย่าได้ซึมซากฮ่ายคำเข้มเสียดสี
๓)ให้เมียเคารพชาติเชื้อสกุลฝ่ายทางผัวอันว่าญาติกาวงศ์วานทางฝ่ายผัวให้ค่อยยำเกรงย้าน
๔) ให้ฮู้จักทำการเกื้อบริวารเว้าม้วนสงเคราะห์ญาติพี่น้องเสมอก้ำเกิ่งกัน
๕) สินสมสร้างศฤงคารทรัพย์สิ่งผัวมอบให้เมียฮู้ฮ่อมสงวน
แม่ศรีเรือนตามที่ปรากฏในคำสอนชาวอีสานนั้นยังมีอีกนัยหนึ่งคือการใช้จ่ายทรัพย์ที่สามีหามาได้นั้นจะต้องคิดถึงความคุ่มค่าของสิ่งที่จะชื่อให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมากที่สุด ดังคำสอนที่ว่า
ควรที่จับจ่ายซื่อของจำเป็นสมค่าอย่าได้จับจ่ายใช้หลายล้นสิ่งบ่ควร
คันแม่นทำถึกต้องคองผัวเมียโบราณแต่งจักลุลาภได้ชยะโชคเจริญศรี
สถาพรพูนผลซู่อันโฮมเฮ้าจักงอกงามเงยขึ้นอุดมผลสูงส่งเงินคำไหลหลั่งเข้า
เจริญขึ้นมั่งมีบริบูรณ์ศรีสุขทุกข์บ่เวินมาใก้ล
นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นศรีภรรยาที่พึ่งยึดถือปฏิบัติตนในการครองเรือน การจะครองเรือนให้มีความผาสุขได้นั้นจะต้องมีทั้งจรรยามารยาทอันดีงามต่างๆเข้ามาประกอบด้วยคือประกอบพร้อมทั้งทางกาย วาจา และน้ำใจของภรรยา ซึ่งจะพบมากในคำกลอนโบราณของอีสานที่มักจะสั่งสอนลูกสาวของตนที่จะแยกครอบครัวออกไปจากพ่อแม่ ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าข้อวัตรปฏิบัติสำหรับผู้เป็นภรรยา ดังคำสอนนี้ คือ
แนวแม่หญิงนี้บ่มีผัวซ้อนนอนนำก็บ่อุ่นแม่หญิงซิตั้งอยู่ได้เป็นใหญ่ใสสกุลก็เพราะคุณของผัวคว่ามาแปลงสร้างแม่หญิงนี้ซิมีคนย้านนบนอบยำเกรงก็เพราะบุญของผัว แม่หญิงซิมีคนล้อมบริวารแหนแห่ ก็ย้อนผัวแท้ๆอย่าจาอ้างว่าโต ผัวหากโมโหฮ้ายใจไวเคียดง่าย ให้นางเอาดีเข้าใจเว้าอย่างแข็ง อย่าได้แปลงความส้มขมในให้ผัวขื่น ให้เอาดีขื่นไว้ใจเจ้าให้อ่อนหวาน อุปมาเปรียบได้ดั่งอ้อมันหากอ่อนตามลม ธรรมดาว่าอ้อลมมาบ่ห่อนโค่น เพราะว่ามันบ่ตั้งขันสู่ต่อลม คือดังสมเสลานัอยสอยวอยงามยิ่ง ก่อผัวซิฮักกล่อมกลิ้งแฝงผั้นบ่มาย เพราะนางเป็นคนดีได้ใจบุญสอนง่าย บ่เป็นคนบาปฮ้ายใจบ้าด่าผัว มีแต่ทำโตน้อมถนอมผัวโอนอ่อน บ่แสนงอนดีดดิ้นศีลห้าหมั่นถนอม หาแต่แนวมาล้อมศีลธรรมคำขอบ เว้านอบน้อมต่อผัวนั้นซู่วัน
อันนี้ชื่อว่าเป็นหญิงมั่นในคองพุทธบาท เทวดากะซิย่องผิวเนื้อผ่องใสหัวใจเจ้าเป็นหญิงสมชื่อ ถือคุณผัวขึ้นไว้เพียงแก้วหน่วยตา ธรรมดาคนนี้อับจนก็ตามซ่าง ให้ถือคุณผัวขึ้นไว้เมื่อหน้าหากซิมีเจ้าเอย อันหนึ่งในนาถน้อยตื่นก่อนผัวตน ให้ปรนนิบัติผัวบ่อนนอนหมอนมุ้งยามยุงบินเข้าสมเสลาให้เจ้าไล่ คันเดิกซอกไซ้ให้นอนใกล้หม่อผัว เจ้าอย่าได้กลังเกรงย้านผ้าห่มคลุมหัว ให้ผัวนางนอนอยู่สบายหายฮ้อน นางจงนอนลงถ้อนดอมผัวกลั้วกลิ่น ให้ผินหน้ามาบีบคั้นขาเส้นนวดเอ็นเจ้าเป็นผู้ฮู้ดูหล่ำดอมผัว ให้เข้าครัวหาอาหารข้าวปลาวางตั้ง กับทั้งขั้นน้ำพร้อมวางตั้งจั่งคือผ้าเซ็ดมือพร้อมบรบานทุกสิ่ง อันว่ากินข้าวนั้นอย่าได้เฮ็ดมูมมาม นิ้วมืองามของเจ้าอย่าฟั่งงมกินต่อน บ่วงและซ้อนตักแล้วค่อยกิน ยามเมื่อกินข้าวให้ผัวลงมือกินก่อน ยามซินอนให้ไหว้ผัวแล้วจึงนอน ปรนนิบัติได้จั่งซี้ซิลุลาภได้เงินแก้วมั่งมูล คันว่าผัวหากเดินดั้นมาแต่ทางไกล ขอให้นางฮีบฮับต้อนเตรียมท่าผ่อผัว อย่าได้ทำคือบ้าผัวมาบ่อยากเบิ่ง ผัวมาฮอดบ้านอย่าเฮ็ดบึ้งตึงสีหน้าบ่บาน ผัวซิพาลหาเรื่องคำแข็งโกรธด่า ห่าว่าเป็นแม่ฮ้างปานเสียแก้วมืดมัว ตนตัวน้องซิเสียศรีหมองหม่น เพราะคนซิเว้าชาวบ้านกล่าวขวัญ ขอให้นวลนางน้องตรองดูให้มันถี่ ให้นางยินดีดอมเผ่าผู้ผัวแก้วแห่งตน ให้นางนำไปเลี้ยงสนองคุณปู่ย่า ให้ระวังปากอย่ากล้าใจพร้อมพร่ำกาย อย่าได้เป็นหญิงฮ้ายเกเรหลงเพศ ปากกล่าวต้านสูงพ้นลื่นคน มันซิผิดหูเฒ่าสองคนปู่ย่าทั้งมวลพี่น้องลุงป้าฝ่ายผัว ขอให้นางฮักยิ่งล่ำผัวแก้วแห่งตน ผัวหากขวนขวายเลี้ยงแลงงายซู่ค่ำนางเอย คำปากหวานจ้อยๆนำผัวแก้วซู้วัน ขอให้พันธนังติดอย่าหน่ายซังแหนงเว้น อันหนึ่งขึ้นขั้นไดอย่าเอาตีนทึบ อย่าได้สืบความเพิ่นมาจาตาบ่เห็นอย่าได้เว้าว่าแน่ ขอให้เจ้าเว้าแต่ในทางที่ดี เขาบ่มีความผิดอย่าได้ป้อยด่า อย่าอวดอ้างตีนถีบตีนทำ ในคำสอนห้ามไว้หลายวาท อย่าได้กวาดเฮือนเย้ายามกลางค่ำกลางคืน อย่าเอาฟืนจี่หัวก้อนเส้า อย่ากินข้าวเขาะเช้าเขาะแลงอย่ากินแกงผักที่ติดก้นขี้หม้อ ไม้ค่อล่ออย่าได้เอามาหนุ่น อย่ากินปูนเขาะก้นขี้เถ้าอย่าได้คัวเอาเสื้อเช็ดปาก อย่าตากผ้าไว้เทิงหลังคา ยามซินอนให้ภาวนายกมือไหว้พระ อย่าได้เลอะละเอาอาหารเก่ามาให้ผัวกิน อย่ายินดีนอนสูงกว่าผัวของเจ้า เก็บของเข้าเหมิดแล้วจั่งนอน เถิงตอนยามเช้าให้เตรียมขันน้ำขันท่าทั้งผ้าเช็ดหน้าเตรียมไว้อย่าให้ถามเป็นหญิงนี้ยามเมื่อห่วนๆก้องกลองตีใกล้ซิฮุ่ง ให้ฮีบลุกนึ่งข้าวเอาไว้ใส่จั่งหัน ลุกมาหาไต้คีไฟให้ค่อยย่อง มีเงินทองให้ทำบุญสร้างศิลทานเช้าค่ำ บุญซิซ่วยนำให้ลุลาภได้สุขถ้วนซุ่ยาม ธรรมดาคนนี้ควรไปมาหาสู่ ถามข่าวมวลพี่น้องวงศ์เชื้อชาติตนยามขัดสนหรือไข้เจ็บเป็นเอ็นอุ่น เจือจุนญาติพี่น้องหายฮ้อนเพิ่งเย็น ฯ
นี้คือคุณสมบัติของสตรีชาวอีสานที่ปฏิบัติต่อสามีและบุคคลๆ ตลอดถึงมีความขยันและเอาใจใส่ในพระพุทธศาสนา และให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรมพร้อมทั้งเป็นผู้มีจิตใจอันเป็นบุญเป็นกุศล นี้คือกุลสตรีตามทรรศนะของคำสอนอีสาน จะพบว่าเป็นยอดหญิงอย่างแท้จริง ถ้าทำได้อย่างนี้