๓. วรรณกรรมเรื่องพระยาคำกอง(สอนไพร่)93
เป็นวรรณกรรมคำสอนที่ท่านนักปราชญ์ได้ประมวลความรู้จากจารีตประเพณีและวัฒนธรรมตลอดถึงคติความเชื่อของท้องถิ่นเข้ามาไว้ด้วย และหลักการปกครองบ้านเมืองให้มีความสงบสุขกวีผู้ประพันธ์ได้สรุปวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจน เพื่อเป็นข้อบัญญัติในการอบรมสั่งสอนให้รู้จักจารีต และสั่งสอนให้ชาวบ้านรู้จักการพึ่งพาตนเองด้วยการรู้จักประกอบอาชีพเป็นต้น วรรณกรรมเรื่องนี้มีลักษณะเป็นเทศนาโวหาร หรือโคลงโลกนิติของภาคกลางอยู่บ้าง เนื้อเรื่องนั้นท่านแบ่งเป็นตอนๆไปดังนี้คือ
๑) สอนพวกเสนา มนตรี อำมาตย์ ขุน โดยสรุปได้ดังนี้คือ
๑.๑) ให้อยู่ในทศพิธราชธรรม
พระได้เตินเสนามุนตรีอมาตย์ทั้งค้าย
เตินให้มาฟังแจ้งคองเมืองตั้งแต่ง
ทานศีลฮีตเค้าจ้อมเจ้าอย่าได้ไล เจ้าเอย
จาคะตั้งตกแต่งมโนมัยแลนา
บ่ให้มีโกรธรแข็งเคียดเค็มเป็นร้าย
ใจใสคือแก้วแยงเงาคือแว่ร แท้นอ
จำคำขมเคียดค้อยให้หนีเว้นหลีกไกล
ขันตีตั้งมโนมัยแข็งขมแท้ดาย
๑.๒) เป็นสนมให้ใส่ใจในระเบียงของวังจะไปทางไหนต้องได้รับอนุญาต
อันหนึ่งนั้นสนมนาถน้อยแฝงฝั่งบัวนางก็ดี
คองเวียงวังให้ใส่ใจจำไว้
จักไปใสแท้สนมนางบนบอก แท้เนอ
เมื่อบ่อนุญาตให้ ตนเจ้าอย่าลื่นความ
๑.๓) อย่าดื่มสุรา ยาฝิ่น จนลืมหน้าที่ของตนเอง
อย่าได้พาโลพ้น กินสุรายาฝิ่น แท้เนอ
กินเหล้าแล้วไลถิ่มเวียกงาน แท้แล้ว
๑.๔) ไม่เก็บของที่ตกหล่นในบริเวณวัดมาเป็นของตนเอง
อันหนึ่งของเพิ่นตกเฮี่ยแท้ ในเขตสังโฆ
อย่าได้จับบายเอา บาปเวรซิตำต้อง
๑.๕) ไม่ประพฤติผิดเป็นชู้กับนางสนมกำนัน
อัปษรสาวใช้ในโฮงผาสาทเฮานี้
เว้นกาเมผิดให้ได้กรรมสร้างโทษมี
๑.๖) ไม่ใส่ร้ายให้สามีภรรยาเขาแตกแยกกัน
ผัวใผเว้นเมียโตคณิงฮ่ำเอาถ้อน
ใยเยาะผัวเมียแตกม้างแนวนั้นโทษหลาย
๒) สอนหญิง(ภรรยาของอำมาตย์ราชมนตรี)โดยสรุปดังนี้คือ
๒.๑) ไม่เล่นชู้ ไม่ดื่มสุรา ไม่พูดจาหยาบคาย
หญิงใดมีผัวแล้วเสนาชายอื่น
อย่าไปกล่าวเล่นชู้แลงเช้าม่ายชายแท้เนอ
อย่าไปกินเหล้าแปลงเพศมายา
จาสะหาวความยอกกันแปงลิ้น
๒.๒) เคารพสามี ไปที่ไหนต้องขออนุญาตจากสามีก่อน
จักไปใสแท้ให้ถามผัวดูก่อน
เมื่อผัวบ่อนุญาตให้เมียนั้นอย่าไป
คืออย่าไปทำให้ยศศักดิ์ผัวต่ำแท้เนอ
เฮ็ดให้ผู้อื่นเพิ่นย้องแนวนั้นจิ่งดีเจ้าเอย
๒.๓) เคารพบุพการีของฝ่ายสามี
หญิงเคารพสกุลเชื้อผัวตัวตนจักเฮืองฮุง
ก็จิ่งสมต่อตื้อแพงล้านยอดหญิงได้แล้ว
๒.๔) สอนเรื่องการปรนนิบัติสามีของตนโดยเคารพ
ให้คอยบัวรบัติเจ้าผัวแพงเพียงเนต
ยินสนุกอยู่สร้างเงินล้านมั่งมีเจ้าเอย
บุญจักมาชูค้ำภายลุ้นให้เฮืองฮุ่ง
๒.๕) สอนเรื่องมารยาทของสตรี
แนวหญิงนี้อย่าได้ทำทางฮ้ายมิสสาจารทางชั่ว
ให้ค่อยผีกเว้นตมซิกลั้นเมื่อลุนแท้แล้ว
๓) สั่งสอนไพร่ฟ้าประชาชนโดยสรุปได้ดังนี้คือ
๓.๑) สอนในเรื่องศีลธรรมระหว่างสามีภรรยาให้รู้จักเคารพกันและดูแลบ้านเรือนของตนเองให้ดูสะอาดอยู่เสมอ
แนมท่ออย่ากล่าวต้านความหยอกใสใยแท้เนอ
มันจักเป็นทางผิดฮีตคองซิเภม้างหั้นแล้ว
อย่ามีโกธาเข้มจาความเล็วด่ากันเนอ
ให้แต่โสมภาพเพี้ยงบูฮาณตั้งแต่หลังฯ
คองเฮือนซานจักหม่นหมองสูญเศร้า
เฮือนซานย้าวแปงดีปัดกวาดแท้เนอ
อย่ามีฮกเฮื้องูเงี้ยวซิตอดตาย
๓.๒) สอนให้รู้จักทอผ้าใช้เอง และการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเป็นต้น
อักไหมและแค่งม้อนให้ยอตั้งแต่งดี
ฟืมด้งม้อนเพียดใหญ่อักไหมเจ้า
๓.๓) สอนให้รู้จักงานหัตถกรรมต่างๆ
แม่หญิงให้เฮียนความฮู้ขิดลายต่ำหูกแท้เนอ
เฮียนเลี้ยงม้อนทอผ้าต่ำไหม
ตัดเสื้อผ้าเฮียนหยิบปักแส่ว
ทั้งย้อมไหมหูกฝ้ายเฮียนเอ้แต่งสีเจ้าเอย ฯลฯ
๓.๔) สอนผู้ชายให้รู้จักเรียนรู้วิชาการเหล่านี้คือ
สร้างบ้าน ค้าขาย
ทำสวนไร่นา งานจักสานต่างๆ
ศิลปศาสตร์ ช่างเหล็ก ช่างเงิน ช่างปั่น ช่างหล่อ ฯลฯ
งานจิตรกรรมต่างๆ สอนดนตรี
เวชศาสตร์ โหราศาสตร์
๔) สอนในเรื่องโภชนาหาร
คือสอนวิธีประกอบอาหาร ปรุงอาหารของอีสานเช่นแจ่ว หมก แกงเอาะ
อันว่าปลาแดกปลาน้อยปลาใหญ่อย่าปนกันแท้เนอ
ให้ค่อยปุงแต่งดีจักแซบนัวกินได้
อันหนึ่งหมกปลาไว้หมกกบจ้ำแจมก็ดี
เอาขิงข่าต้มมาจิ้มแซบนัวเจ้าเอย
ใผเฮ็ดหยังกินแซบนั้นเอิ้นว่า คนมีบุญ
ฝีมือดีแต่งกินแกงก้อย ฯลฯ
๕) สอนศีลธรรม ให้รู้จักเมตตา และรู้จักให้ทานรักษาศีลห้าและศีลแปดเป็นต้น
ศีลห้าแปดนั้นโลกแต่งปางปฐมแท้ดาย
ในศีลทานเฮาหมั่นคณิงให้เห็นแจ้ง
ชายนั้นเว้นชั่วให้เฮ็ดแต่ทางดี
อย่าประมาทสีลทานชาติชายสกุลกล้าแท้แล้ว ฯ
ศีลห้าตั้งไว้ให้ใจตั้งต่อศีลแท้แล้ว
ปาณาเว้นเอาตนหนีหลีก
อย่าฆ่างัวควายข้างม้าคุณล้นยิ่งประมาณเจ้าเอย
วิหิงสาเว้นเบียนตนคนอื่น ฯลฯ