๒.๗ สะท้อนภาพการเมืองการปกครอง
บั้นพยากรณ์หรือกาลนับมื้อส่วย111 เป็นคำสอนที่มุ่งเตือนสติให้ตั้งมั่นอยู่ในหลักของศีลธรรม ถ้ากาลเวลาล่วงผ่านไปจิตใจของมนุษย์นั้นย่อมเปลี่ยนแปลงไป และท่านได้มุ่งสอนคล้ายกับปัญหาของพระเจ้าปัสเสนทิโกศลมาทูลถามกับพระพุทธเจ้า แต่ของภาคอีสานท่านเรียกว่ากาละนับมื้อส่วย(เสื่อมถอย,หย่อนยาน)ทั้งคลองศีลธรรมและจารีตประเพณีต่างๆก็จะเสื่อมถอยไปด้วย เพราะมนุษย์มองไม่เห็นคุณค่าของศีลธรรมแต่กลับไปเชิดชูวัตถุแทน ดั่งนั้นท่านนักปราชญ์จึงได้แปลงสารเพื่อให้พี่น้องชาวพุทธได้หันกลับมาสู่หลักธรรมของพระพุทธเจ้า ดังนี้คือ
๑) บัดนี้กาละนับมื้อส่วยหลายปีเป็น อันต่างมาแล้ว
พระหากเทเทศน์ไว้ ภายสร้อยศาสนา
หมายถึงกาลเวลาผ่านไปหลายปีก็จะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นก็จะมีการเสื่อมถอยหย่อนยานบั้นปลายศาสนา
๒) ฝูงหมูหญิงชายส่วยสิบสาม สิมีลูกลือแล้ว
ชายและหญิงจำถูกกิเลสเข้าครอบงำแล้วจะมีลูกก่อนวัยอันควรอย่างดาดดื่น
๓) นักปราชญ์ถมแม่น้ำนทีกว้าง ขาดเขิน
หมายถึงนักปราชญ์ไม่กล่าวสอนธรรมหรือโลกจะขาดธรรมะหรือมีดร.เต็มบ้านเต็มเมืองแต่ประชาชนไม่ได้ความรู้จากเขาเลย
๔) แม่นว่าสังฆะเจ้าทรงธรรม ในสูตรก็ดี
ยังเล่าแปลงจ่ายเชื้อเงินด้วง คั่วขาย
แม้ว่าพระสงฆ์ก็ยังมีการชื่อขายแลกเปลี่ยนเงินตราเหมือนชาวบ้าน(ชื่อหวย)
๕) ลางเหล่ายังจำมั่นคำสอน พุทธบาทก็มี
สังฆะสมณ์สิ่งนั้นมีน้อย บ่หลาย
บางหมู่คณะก็ตั้งมั่นในคำสอนของพระพุทธจ้าแต่ว่ามีน้อย
๖) โจราได้ทะวาวคำ ม้าขี่ก็มี
หมายถึงข้าราชการปล้นชาติจะมีรถยนต์นั่งฟรีน้ำมันฟรี
๗) นักปราชญ์เป็นงาวง่วงถือกระเบื้อง คั่วขอ
คนหลักเป็นคนใบ้ใจเบา คิดบ่ถืก
หมายถึงคนดีๆจะทำตัวเหมือนคนใบ้ไม่สนใจใคร คนดีจะท้อใจเพราะสังคมไม่รับรองและคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี มีแต่ความวางเฉยต่อเหตุการณ์บ้านเมือง
๘) หินแฮ่ไหลล่องแก้งโฮฮ้อง สนั่นเมือง
หมายถึงคนไม่รู้หลักการบริหารแต่ได้ดีเพราะการประจบเจ้านาย
๙) กบเขียดฮ้องประสงค์อ่าน โคลงสาร
ฝูงหมู่งูเพาพิษเงือกสิกลัว เกรงย้าน
ถึงเวลาแล้วประชาชนจะขับไล่ไปเอง(ประท้วง)
๑๐) หินอยู่น้ำไหลล่อง ตามกระแสร์
เขาก็ไลสาครไปอยู่นอน ในบ้าน
หมายถึงผู้ที่เคยมีหลักหนักแน่นก็จะเป็นไม้หลักปักขี้ควาย
๑๑) ปลาบึกขึ้นหนีสาคร ค้างหาด
คึดสิขึ้นอยู่ลี้ปลายไม้ สิ่งแลน
ปูปลาฮู้เปิดน้ำหนีหน่าย วังปลา
คนดีๆมีศีลธรรมจะพากันหลีหนีไป
๑๒) เขาก็แยงภูผาเถื่อนพนา เนาค้าง
สระบ่มีน้ำ เอาไปทำไว้สู่แห่ง
อุแอ่งหม้อหมางน้ำว่า สิหนี
หมายถึงผู้มีอำนาจฝ่ายปกครองจะโกงกินบ้านเมืองทำให้ประชาชนเดือนร้อน
๑๓) เอี่ยนก็มาเปิดน้ำสิหนีจาก วังตม
เขาก็ไปแปงฮวงฮังอยู่เทิง ปลายไม้
หมายถึงประชาชนเบื่อละอาจริงๆ
๑๔) งูเงือกพร้อมหนีเขื่อน ชลธา
เขาสิเนาภูผาบ่อนมัน บ่มีน้ำ
หมายถึงลูกหลานชาวบ้านขาดการเหลียวแลจากรัฐบาลจะหนีเข้ากรุง
๑๕) มาลาฮ้างฮามสูญ เสียกลิ่น
หงษ์คำก้มกราบไหว้ประนมน้อม หมู่กา
หมายถึงคนดีจะทำลายศักดิ์ศรีตนเองไปหลงกราบไหว้งอนง้อคนชั่ว
๑๖) หมากพร้าวมาเปิดต้นตกล่วง ลงดิน
มันบ่ยินดี ดอมผู้เฮ็ดบุญเป็นการค้า
หมายถึงผู้มีศีลจะลดตัวลงไปเป็นลูกน้องของคนชั่วที่วางตัวเป็น
๑๗) ครกมองฮ้างหมางเมิน ข้าวเปลือก
ซ้าหลอดมาเปิดเบี้ยแถมซิ้น ใส่ใน
หมายถึงคนจะหันหลังให้วัฒนธรรมของตนเอง
๑๘) จวงจันทร์หล้างของแพง ทางเทศสเภาพุ้น
มาคั่นหิ้วหูซ่า เที่ยวขาย
หมายถึงของปลอมจะเต็มบ้านเต็มเมือง
๑๙) มณีนีลเศร้าเสียแสง สรรพฮูปมีแล้ว
หินแฮ่เป็นหน่วยแก้ว พิลาเข็มค่าสิแพง
ยูงยางต้น ลำงามสิตายแดด
ขอนดอกไหลล่องน้ำ สั่งมาปิ้นป่องใบ
หมายถึงคนดีจะไม่ได้ดีแต่คนชั่วกลับได้ดีเพราะนายมันชั่ว
๒๐) ไก่น้อยให้ กินนมนำกา
หมาน้อยไห้ กินนมนำเสือโคร่ง
หมายถึงชาวบ้านจะพากันขอกินผู้แทนๆ(ชื้อเสียง)ก็จะไปถอนทุนคืนเหมือนไก่ถูกกากิน หมาน้อยถูกเสือกัน
๒๑) หมากน้ำเต้าหน่วยแห้ง สิจมลงทางลุ่ม
หินอยู่ใต้น้ำ สิฟูขึ้นดังสโน
หมายถึงคนดีจะไม่มีคนเลือกแต่จะไปเลือกเอาคนชั่วมาปกครองบ้านเมือง
๒๒) เขาสิฆ่ากันตาย คือขอนไฮ่
มีแต่โลภอยากได้ บ่มีเอื้ออ่าวศีล
หมายถึงผู้ถูกเลือกจะฆ่ากันเองเพราะผลประโยชน์ไม่ลงรอยกัน
๒๓) มณีนิลเศร้าเสียแสง สลับเพศ
หินแฮ่เกิดเป็นหน่วยแก้วพิลาเข้ม ค่าแพง
หมายถึงคนดีจะถูกเจ้านายชั่วเอาคนชั่วมารับความชอบแทน
๒๔) บัวขี้แบ้บานเกิด กลางหนอง
บัวทองเกิดหัวสวน บ้านเก่าเฮาบ่อนเคยยั้ง
หมายถึงคนดีๆทนระบบไม่ไหวก็ลาออกไป
๒๕) ฝนตกโฮ่งไหลลงโฮม โคกโท้โล้
ที่ลึกมาแล่นตื้นไปห่ง แต่บ่อนเขิน
หมายถึงคนได้ดียิ่งได้ดีหรือคนรวยยิ่งรวยคนจนยิ่งจน(ปลาใหญ่กินปลาเล็ก)
๒๖) กาดำดั้นบินไป ลี้ลอบ
ภูใหญ่ผาแผ่นล้านตัวเต้า ต่ำปู
หมายถึงคนชั่วรอบรู้โวหารเก่งคนใหญ่คนโตยอมสยบให้
๒๗) คนเล่าพากันสร้างตันป่อง ชลธี
ปลาก็บินบนแยงเมฆพะโยม ยังฟ้า
หมายถึงการโกงกินจะมีอยู่ทุกวงการ
๒๘) หนูซิงตะบะให้แมวบักดำ ก้มขาบ
หมาจอกมาเห่าช้าง เป็นน่าอยากหัว
หมายถึงประชาชนเจ้าของประเทศจะถูกข้าราชการผู้เป็นลูกจ้างของตนข่มเหง
๒๙) หมาจอกขึ้นวอทอง คนหามแห่
คันคากมันอยากได้ฉัตรกั้น แข่งฝน
หมายถึงคนชั่วจะได้รับการยกย่อง
๓๐) ขี้กระเดือนฮู้บินบน อากาศ
หินก้อนล้านฟูน้ำ ล่องไหลแท้นอ
หมายความว่าคนไม่มีความรู้ทั้งไม่มีศีลธรรมจะครองบ้านครองเมือง
๓๑) พระสงฆ์เจ้าบ่มีสอน ธรรมสวากข์
มีแต่ความขี้คร้านฉันแล้ว ก็เหล่านอน
หมายความว่าพระสงฆ์ไม่เอาธุระในพระศาสนา
๓๒) ฝูงคนเฒ่าศีลธรรม บ่มีเชื่อ
เชื่อแต่คนขี้เหล้า มาเว้าแจกเงิน
หมายถึงคนเฒ่าคนแก่จะไม่มีศีลธรรม
๓๓) ความเดือนฮ้อน คนก่อให้มันเป็น
มีแต่อัปปรีย์เป็น ให้หมั่นเห็นเลิงพ้อ
หมายถึงคนจะเกิดเดือดร้อนเพราะบาปที่ตนก่อ
๓๔) คนสิตายถ้อนเข้าเหลือสาม ฮ่มโพธิ์ศรี
เขาจึงมีใจคิด เฮียกหาพระไตรแก้ว
หมายถึงเมื่อคนขาดศีลธรรมเข่นฆ่ากันเองตายมากขึ้นคนเหลือน้อยจนจะสูญพันธุ์ คนจึงใฝ่หาศีลธรรม
๓๕) ต่อจากหั่น พระยาธรรมสิมาซ่อย
หินอยู่พื้นสิจมลง คือเก่า
บักน้ำเต้าหน่วยแห้ง สิฟูขึ้นดั่งเดิม
หมายถึงเมื่อคนประพฤติแล้วธรรมก็คุ้มครอง คนชั่วจะถูกเกลียดชัง คนดีจะเป็นที่ยอมรับคือได้รับการยกย่อง สรรเสริญ
๓๖) ทุกสิ่งเชื้อที่เกิดอยู่ เมืองมนุษย์
เขาสิมีความสุข ทุกข์บ่มีมาใกล้
หมายถึงว่าทุกชีวิตไม่ว่าคน,สัตว์ ต้นไม้ เขาจะไม่เบียดเบียนกันจะมีแต่ความสุขความเจริญตลอดไปเพราะการรักษาศีลธรรม
คำสอนของท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ 112 (สิริจันโท จันทร์) ผู้เป็นนักปราชญ์ชาวอีสานอีกรูปหนึ่ง และเป็นนักเทศน์เอกในยุคนั้น วรรณกรรมเรื่องนี้ได้สะท้อนถึงความเชื้อต่างๆที่ท่านเจ้าคุณได้นำเอาปัญหา ๑๖ ข้อที่พระเจ้าปัสเสนทิโกศลนำมากราบทูลพระพุทธเจ้ามาแต่งเป็นคำสอนตามแบบของอีสานได้อย่างลึกซึ่งกินใจที่หมายถึงความเจริญและเสื่อมของจิตใจของคนเมื่อล่วงถึงสามพันปี ดังนี้คือ
คำที่อาจารย์เจ้าโบราณเพิ่นชี้บอกมานั้น คือว่าสังกาสล้ำเข้าเขตสามพันปี
จักเกิดมีโภยภัยพยาธิเดิมมาต้อง แม่นว่าครองสมณ์สร้างในธรรมพุทธบาทก็ดี
ก็บ่ตั้งเที่ยงหมั่นในแห่งสิกขาบท ศิษย์บ่ฟังคำครูซิเสื่อมทราบเพม้าง
แม่นว่าองค์กษัตริย์ไท้ทะรงเมืองตุ้มไพร่ก็ดี ก็บ่ตั้งเที่ยงมั่นในฮีตคลองธรรมคนบ่ยำเกรงย้านครูบาพ่อแม่ จักเกิดเป็นเหตุฮ้ายขี่ยุคโพยภัย จักเกิดเป็นกังวลเข้านาตายแล้ง
จักเกิดเป็นอุบาทว์ฮ้อนปูปลาน้ำเขินขาด ความสุขหาบ่ได้ความฮ้อนแล่นจ่นมา
จักเป็นเศิกกันบ่มั้วโจรมารทุกประเทศ ฝูงไพร่น้อยความฮ้อนยิ่งกว่าไฟว่านา
อันนี้เป็นคำเถ้าอาจารย์ตั้งแต่เก่า
สอนถึงความเจริญในยุคนี้ว่า
ทางไกลเป็นทางใกล้ทางรถไฟรถยนต์แล่น แม่นจักเดินทางน้ำเฮือยนต์จอดทุกท่า
เขาหากดาแต่งไว้คอยถ่าผู้ซิไปแท้แหล้ว อันที่ในเมืองบ้านทางเดินดูสะอาด
มีแต่ไฟตามได้ชูแสงใสสว่าง ตั้งหากดูสล้างไฟฟ้าเพิ่นต่อสายเจ้าเอย
คือว่ากลางคืนเป็นกลางวัน ตั้งฮุ่งเฮืองจนแจ้ง