ผญาภาษิตสอนชาย
คำสอนที่มักจะเน้นให้ผู้ชายได้รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบต่อสังคมตนเองและครับครัว ซึ่งจะออกมาในรูปแบบสิ่งที่ควรทำ คือวิชาความรู้ การเลือกคู่ครองที่ดี การครองเรือนที่ดีงามควรมีหลักอย่างไรบ้าง สามีที่ดีควรมีคุณธรรมอย่างใด ตลอดถึงผู้เฒ่า ก็ควรกระทำตนอย่างไรบ้างจึงจะนำมาซึ่งความเคารพรักจากลูกหลาน นี้คือคำสอนที่มุ่งถึงจริยธรรมขั้นมูลฐานที่จะทำให้บุรุษได้ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนให้มีความสุขได้ พอสรุปได้เป็นประเด็นดังต่อไปนี้ คือ
๑ ) ผู้ชายควรมีหน้าที่รับผิดชอบในครอบครัวทุกด้าน ผู้ชายควรแสวงหาวิชาความรู้ มีสติปัญญา ตลอดถึงเอาใจใส่ในกิจการบ้านเมือง และช่วยปกป้องประเทศชาติให้ปลอดภัยจากศัตรู ควรมีศีลสัตย์ยึดมั่นในทานศีล คำนึงถึงหลักอริยสัจสี่ ศีลห้า ศีลแปด และละเว้นการประพฤติชั่วต่างๆ เมื่อยังหนุ่มไม่ควรเพลิดเพลินกับการเล่น ควรหมั่นศึกษาวิชาการต่างๆ รีบสร้างฐานะ รู้จักประหยัดอดออมไว้ใช้ในยามแก่เฒ่า หรือยามเจ็บไข้ ไม่ควรหมกมุ่นในเรื่องชู้สาว ควรเป็นคนขยันทำงานทุกชนิด
๒) เป็นผู้ชายควรรู้จักงานด้านศีลปะด้านต่างๆ เพื่อนำมาประกอบอาชีพ วิชาที่ควรเรียนคือ ช่างเงิน ช่างทอง ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างกลึง สานแห ตาข่าย กระบุง ตะกร้า ดนตรี หมอยา หมอเส้น ตลอดถึงศึกษาวิชาธรรมของพระพุทธเจ้า ฮีตบ้านครองเมือง เป็นผู้ชายควรบวชเรียนในพระพุทธศาสนา มีความรักเมตตาต่อผู้อื่นและดูแลเลี้ยงดูบุตรตามจารีตประเพณี รักบุตรให้เท่ากันทุกคนไม่ควรมีอคติต่อกัน และควรกตัญญูต่อบิดามารยกย่องท่านไว้เหนือหัว
ให้พากันเข้า โรงเรียนเขียนอ่าน หลานเอย อย่าได้คึดขี้คร้าน ความฮู้ให้หมั่นหาฯ
(ให้พากันเข้าโรงเรียนเขียนอ่าน หลานเอ๋ย อย่าได้คิดเกียจคร้าน ความรู้ให้ขยันหา) สอนให้ลูกหลานขยันหมั่นเพียรในการศึกษา ในวัยหนุ่มก็ใจหมั่นหาวิชาความรู้เก็บเอาไว้เมื่อถึงคราวจำเป็นมาวิชาความที่ได้ศึกษามาจะทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ดังสุภาษิตว่า
ให้พากันศึกษาฮู้ วิชาการกิจชอบ ฮีบประกอบไว้ ไปหน้าสิฮุ่งเฮืองฯ
(ให้พากันศึกษารู้วิชาการทุกอย่าง รีบประกอบไว้ไปข้างหน้าจะรุ่งเรือง) คนจะสามารถยกระดับจากคนจนมาเป็นคนรวยได้ก็ด้วยวิชาการ เพราะวิชาสามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์ได้ จากคนยากจนก็มีเกียรติศักดิ์ศรีได้เพราะวิชา หรือเป็นเจ้าคนนายคนเพราะการศึกษาเล่าเรียนมามาก ถ้าหากว่าบุญวาสนาช่วยอาจจะได้เป็นใหญ่โตถึงขั้นนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี และกาลข้างหน้าแสวงหาทรัพย์สินได้มากมาย ดังสุภาษิตนี้คือ
ยามเมื่อเจ้าหนุ่มน้อย ให้ฮีบฮ่ำเฮียนคุณ ยามเมื่อบุญเฮามี สิใหญ่สูงเพียงฟ้า
ไปภายหน้า สิหาเงินได้ง่าย ใผผู้ความฮู้ตื้น เงินล้านบ่แกว่นถงฯ
(ยามเมื่อเจ้ายังหนุ่มเยาวัย ให้รีบศึกษาให้ชำนาญ ยามเมื่อบุญเรามี จะได้เป็นเจ้านายคนไปข้างหน้า จะหาเงินได้ง่าย ใครผู้มีความรู้น้อย เงินล้านก็ไม่มี) ความรู้ที่ศึกษามากยิ่งดี เมื่อกาลข้างหน้าจะไม่ลำบาก มีอะไรก็ไม่เท่ามีวิชาติดตัว ดังสุภาษิตว่า
ใผผู้มีความฮู้ เฮียนเห็นมามาก บ่ห่อนทุกข์ยากเยิ้น ภายท้ายเมื่อลุนฯ
(ใครผู้มีความรู้ ศึกษามามาก ไม่ค่อยลำบากในอนาคตข้างหน้า) คนเราจะได้ดีหรือไม่ดีอยู่ที่ว่ามีการศึกษามากหรือไม่ ดังนั้น จริยธรรมของย่าจึงต้องสั่งสอนให้ลูกหลานชาวอีสานได้ตระหนักถึงคุณค่าของการศึกษาให้มาก ดังสุภาษิตนี้ว่า
ให้เจ้าเอาความฮู้หากินทางชอบ ความฮู้มีอยู่แล้วชิกินได้ชั่วชีวังฯ(ปรี/ภาษิตโบ/52
สิได้เป็นขุนขึ้น ครองเมืองตุ้มไพร่ สิได้เป็นใหญ่ชั้น แนวเชื้อชาตินาย แท้ดายฯ
(ให้เจ้าเอาความรู้หากินทางสุจริต ความรู้มีอยู่แล้วจะหากินไต้ตลอดชีวิต จะได้เป็นขุนขึ้นปกครองเมืองรักษาไพร่ จะได้เป็นใหญ่เพราะวิชาความรู้) ความรู้ให้ทั้งเกียรติยศชื่อเสียงและเงินทองอย่างมากมาย ดังสุภาษิตนี้คือ
อันว่าเงินคำแก้ว ไหลมาเอ้าอั่ง มีแต่มูลมั่งได้ สินสร้อยมั่งมี
(อันว่าเงินทองจะหลั่งไหลมามากมาย เหมือนร่ำรวยมาแต่เดิมทรัพย์สินมากมายเพราะวิชาการที่ได้ศึกษามา) สุดท้ายย่าก็ต้องสรุปว่า การงานทุกอย่างอย่ามัวแต่ขี้เกียจ ให้รู้จักตื่นนอนแต่เช้าให้เร่งรีบทำกิจการทั้งปวงให้สำเร็จ อย่าคอยแต่จะพึ่งพาอาศัยคนอื่น ดังสุภาษิตนี้ คือ
อย่าสิได้ขี้คร้าน มัวแต่นอนหลับ ความกินสิเพพังเสีย เวทนามีมั้ว
อย่าได้มัวเมาอ้าง เอาเขามาเพิ่ง หลานเอย ให้เจ้าคึดต่อตั้ง ความฮู้แห่งเฮา ฯ
(อย่าได้เกียจคร้าน หลงแต่นอนหลับ การทำมาหากินจะลำบาก ความทุกข์จะประดังเข้ามา อย่าได้หลงอ้างแต่ผู้อื่น เอาเขามาพึ่งอาศัย หลายเอย ให้เจ้าคิดพึ่งปัญญาของตนเองจะดีกว่า) และสั่งสอนให้รู้จักพึงพาตนเอง อย่าได้คอยแต่จะให้คนอื่นเขามาช่วยเหลือนั้นไม่ดี ดังสุภาษิตนี้คือ
อย่าสิหวังสุขย้อน บุญคุณคนอื่น หลานเอย
สุขกะสุขเพิ่นพุ้น บ่มากุ้มฮอดเฮา ดอกนาฯ
(อย่าได้หวังความสุขจากคนอื่น หลายเอย สุขก็สุขของเขาไม่มาถึงเราหรอก) สอนให้ลูกหลานช่วยเหลือตนเองให้ได้ก่อน ถึงว่าสภาพบ้านเมืองของอีสานจะแห้งแล้งก็อย่าได้แล้งน้ำใจ ให้หมั่นทำบุญเอาไว้ และย่ายังสอนให้รู้จักฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อขัดเกลาจิตใจให้ดีอีกทางหนึ่งดังสุภาษิตนี้ว่า
บัดนี้ย่าสิพาพวกเจ้า ตกแต่งกองบุญ
มื้อนี้เป็นวันศีล เวียกเฮาเซาไว้
ย่าสิพาไปไหว้ ยาครูสังฆราชเจ้า
ไปตักบาตรแลหยาดน้ำ ฟังเจ้าเทศนาฯ
(บัดนี้ย่าจะพาพวกเจ้า ตกแต่งกองบุญ วันนี้เป็นพระงานทุกอย่างหยุดไว้ก่อน ย่าจะพาไปไหว้อาจารย์พระครูและสังฆราชเจ้า ไปตักบาตรและกรวดน้ำอุทิศ และฟังเทศนาธรรม) ย่ายังสอนให้รู้ลูกหลานรู้ว่าความดีหรือบุญนั้นมีหลายอย่าง คือบุญเกิดจากการให้วัตถุเป็นทานก็มี เรียกว่า ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน และศีลมัย บุญนั้นสำเร็จจากการรักษาศีล ตลอดถึงบุญที่สำเร็จจากการเจริญภาวนา เรียกว่าภาวนัยมัย เพื่อทำทางให้ถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ดังสุภาษิตนี้ว่า
ไปฮักษาศีลสร้าง ภาวนานำเพิ่น
ให้พวกเจ้าพี่น้อง จำไว้ย่าสิสอน
เพิ่นว่าวันศีลนั้น ให้ทำบุญตักบาตร
คันผู้ใดอยากขึ้น เมืองฟ้าให้หมั่นทานฯ
(ไปรักษาศีลสร้าง ภาวนาเหมือนคนอื่น ให้พวกเจ้าพี่น้อง จำไว้ย่าจะสอน ท่านว่าวันศีลนั้นให้ทำบุญตักบาตร ถ้าหากใครอยากขึ้นสวรรค์ให้หมั่นทำทาน)
ให้หมั่นทำขัวข้วม ยมนาให้ม้มฝั่ง
หวังนิพพานไจ้ไจ้ ปานนั้นจิ่งเผื่อพอฯ
(ให้ขยันทำทานเปรียบเหมือนทำสะพานข้ามฝั่ง หวังจะถึงฝั่งพระนิพพาน)
ให้เจ้าคึดต่อไว้ ฮีตฮ่อมทางเทียว
ทางไปนีระพาน ยืดยาวยังกว้าง
อันว่าหนทางเข้า นีระพานพ้นโศก
มีแต่บุญอ้อยต้อย หลานน้อยให้ค่อยทำฯ หน้า 6
(ให้เจ้าคิดต่อไว้ถึงทางเดินไปพระนิพพาน มันยืดยาวนักอันว่าทางจะไปพระนิพพานนั้นมีแต่บุญเท่านั้น ให้พวกหลานขยันทำบ่อยๆ) และสั่งสอนลูกหลานให้รู้จักบุญคุณของพ่อแม่และย่าตลอดถึงคุณพระรัตนตรัย ก่อนจะหลับนอนให้ลูกหลานเก็บดอกไม้มาแต่งเป็นขัน ๕ เพื่อกราบไหว้ก่อนนอน ดังสุภาษิตว่า
คันธชาติเชื้อ ดวงดอกบุปผา
มาบูชา พระยอดคุณจอมเจ้า
บูชาเถ้า อัยยิกาจอมย่า
บูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมพร้อมพร่ำสงฆ์ฯ
ยามเนานอนนั้น คะนิงคุณพ่อแม่
คุณอี่นายย่าเถ้า คุณเจ้าแต่ประถม
คุณพระโคดมเจ้า องค์พุทธโธดวงยอด
เทียนธูปไต้ บูชาแล้วจิ่งนอน ฯ /8
อันนี้ก็เพื่อกุศลเจ้า อัยยิกาเถ้าย่า
หากได้สอนสั่งให้ ความฮู้แก่หลานฯ
(เทียนธูปจุดตกแต่งตามเรามี พร้อมทั้งยกมือไหว้อย่าได้ลืม ก่อนจะหลับนอนนั้นให้คำนึงถึงคุณพ่อแม่ คุณย่าเฒ่าสามอย่างนี้มีมาก่อนสิ่งใด และคุณพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสนดาเอกของโลก จุดเทียนธูปบูชาแล้วจึงค่อนนอน อันนี้เป็นทางแห่งความดีของลูกหลาน ย่าสอนให้ความรู้แก่หลานๆ) ย่าเป็นเสมือนหนึ่งผู้ส่องแสงสว่างให้ลูกหลานได้ปฏิบัติตาม ทั้งสอนให้ขยันในการศึกษา ให้รักษาศีล และทำบุญ และสอนให้รู้ว่าบุญนั้นส่งผลให้ในรูปแบบใดหรืออานิสงส์ของบุญมีลักษณะให้ผลอย่างไร ความกตัญญูต่อพ่อแม่มีอานิสงส์อย่างไร ดังสุภาษิตย่าสอนหลานดังนี้คือ
๓) เป็นชายควรเลือกเนื้อคู่ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้เป็นภรรยา กล่าวคือหญิงที่ทำอาหารอร่อย มีความชื่อสัตย์ต่อสามี หญิงที่มีลักษณะเป็นคนมีบุญวาสนา เจรจาอ่อนหวาน หญิงที่มีลักษณะว่ามีบุตรมากและเลี้ยงลูกดี หญิงที่เก่งการเรือน คำสอนเรื่องการเลือกคู่สมรสได้บอกลักษณะหญิงดีหรือชั่ว ถ้าเลือกหญิงกาลกิณีจะเป็นผลร้ายแก่ตนเอง และสังคมญาติด้วยดังคำสอนดังนี้คือ
อันหนึ่งครั้นจักเอาหญิงให้เป็นนางใภ้ร่วมเฮือน
หญิงใดฮู้ฉลาดตั้งการสร้างก็จิ่งเอานั้นเนอ
อันหนึ่งรู้ฮีตเฒ่าสอนสั่งตามคอง
การเฮือนนางแต่งแปลงบ่มีคร้าน
หญิงนี้ควรเทาแท้เป็นนางใภ้ร่วมเฮือนแล้ว
๔) เป็นชายนั้นไม่ควรเป็นคนดื้อ มือไวใจบาป ชอบเล่นการพนัน และคบชู้กับเมียเพื่อนให้เป็นคนรู้จักกลัวบาปกรรม ไม่ควรประพฤติชั่วด้วยการวาจาและใจ ไม่โกง ไม่ลักลักขโมยของคนอื่นและ เมื่อได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้วไม่ควรดูหมิ่นพวกไพร่ เพราะถ้าเขาเหล่านั้นไม่สนับสนุนบ้านเมืองก็เจริญไม่ได้ ทุกคนควรพึงพาอาศัยกันและกัน ให้มีความสามัคคีต่อกัน ศรัทธาในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นแก่นสารในการดำรงชีวิต
สตรีในฐานะมารดา เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในครอบครัว นั่นคือ การเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนบุตรธิดา รวมทั้งการให้ความรัก ความอบอุ่นแก่บุตรธิดา สุภาษิตได้ชี้ให้เห็นว่าหน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ของมารดาแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นหน้าที่ของบิดามารดาต้องช่วยกัน ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า
พ่อแม่บ่สอนลูกเต้า ผีเป้าจกกิตตับกันไต
(พ่อแม่ไม่สั่งสอนลูก ผีกระสือล้วงกินตับไต)
แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากมารดาเป็นผู้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมากกว่า ดังนั้นมารดาจึงมีบทบาทหน้าที่ให้การเลี้ยงดูบุตรเหมือนแม่ไก่ โดยธรรมชาติของแม่ไก่เมื่อหาอาหารมาได้มันจะเรียกลูกๆของมันมากินอาหาร และเมื่อยามมีภัยหรือยามที่มีอากาศหนาวเย็นมันก็จะให้ความอบอุ่นและคุ้มครองลูกๆของมันเป็นอย่างดี ดังที่สุภาษิตกล่าวไว้ว่า
ขอให้เลี้ยงลูกธรรมเนียมดั่งแม่ไก่ ใหญ่เมื่อหน้ายังสิได้เพิ่งพิง
(ขอให้เลี้ยงลูกเหมือนแม่ไก่ เมื่อลูกเติบโตขึ้นก็จะได้พึ่งพิง)
เป็นญิงนี้ธรรมเนียมดอมไก่ โตหักฟักโตหักได้ดอมเลี้ยงใหญ่สูง
(เป็นหญิงนี้ให้เหมือนแก่ ฟักไข่และเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่)
นอกจากนี้ มารดาต้องประพฤติตนให้อยู่ในกรอบของความดีงามทางจริธรรมแก่บุตรธิดาของตนเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตร ซึ่งความประพฤติของมารดามีอิทธพลต่อการมีคู่ครองของบุตรด้วย การที่บุตรจะเป็นคนดีในสายตาของสังคมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการอบรมสั่งสอนของมารดา ถ้ามารดาสอนแต่สิ่งที่งามให้แก่บุตร ย่อมเป็นเครื่องแสดงว่าเป็นคนดีด้วย ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า
เบิ่งช้างให้เบิ่งหาง เบิ่งนางให้เบิ่งแม่ เบิ่งแท้ๆให้เบิ่งฮอดปู่ย่าตายาย
(ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูแน่ๆให้ดูถึงปู่ย่าตายาย)
กล่าวได้ว่า มารดาโดยทั่วไปมีจริธรรมตามที่ควรจะเป็นต่อบุตรธิดาของตนเอง ตลอดถึงผู้ที่เป็นบิดาก็มีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนบุตรธิดาของตนเหมือนกัน แต่หน้าที่หลักก็ย่อมตกอยู่ที่แม่ซึ่งเป็นฝ่ายที่รับภาระหนักมากกว่าพ่อ
พงศ์พันธุ์เซื้อตายายพ่อแม่ ควรที่นบนอบไหว้ยอไว้ที่สูง65/ศูนย์
ผลาบุญตามค้ำแนมนำยู้ส่ง ปรารถนาอันใดคงสิลุลาภได้โดยด้ามดั่งประสงค์
คันอยากได้คู่ซ้อนมีหมู่ปรึกษา ให้ปรึกษาขุนหมู่พงศ์พันธุ์เซื้อ
ให้ปรึกษาเฒ่าขุนกวนพ่อแม่ คันพ่อแม่บ่พร้อมเซาถ้อนอย่าเอา66/ศุน
พ่อแม่พร้อมมิตรหมู่มวลสหาย ครูอาจารย์ทั้งหลายผู้มีคุณล้น
ควรที่เฮาพากันได้หาทางสนองตอบ อย่าได้ทำถ่อยฮ้ายปองขี้ใส่คุณ 69/ศูน
บิดามารดาซ้ำถือศีลบ่ได้ขาด บ่ให้ผิดพลาดพลั้งพอดี้เม็ดงา
คันบ่มีสิ่งนี้เข้าฮ่วมถนอมกัน บ่มีวันลูกเฮาสิใหญ่โตปานนี้ 70/ศูน