คำพูดที่หนุ่มๆไม่อยากได้ยิน(จริงไหมน๊ะ)
แน่นอนว่าย่อมมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ผู้ชายไม่อยากได้ยินจากแฟนสาว เช่น "ไปช็อปปิ้งกันเถอะ" แต่เอ๊ะผู้ชายบางคนก็ชอบช็อปฯ ระเบิดระเบ้อเหมือนกันนี่นา แต่อาจซื้อแบบรวดเดียวจบ ไม่ได้เดินทอดน่องดูโน่นดูนี่แบบสาวๆ หรือ "คุณทำตัวอย่างกะพ่อของคุณเลย" โอ้โห เล่นเอาไปเปรียบกับบุพการีเลยนะ แต่หนักสุดได้แก่ "ทำไมคุณถึงทำตัว เหมือนกับพ่อของฉันล่ะ" นี่สิเจ็บสุด
ในเมื่อโลกนี้มีคำพูดอยู่มากมาย เหตุนี้จึงเป็นธรรมดาที่ ฝ่ายชายย่อมไม่อยากได้ยิน อะไรระคายหูจากปากของเกิร์ล เฟรนด์ แหงล่ะซี(10 things you never want her to say) ซึ่งคำพูดยอดแย่เหล่านั้นมีดังต่อไปนี้เช่น...
1. "ฉันกำลังคิดว่า..."
ถ้าเธอบอกอีกฝ่ายในอารมณ์จริงจังว่า สิ่งที่เธอพูดเนี่ยเป็นเรื่องซีเรียสนะ งั้นพนันได้เลยว่า ต้องเป็นหัวข้อเกี่ยวกับ จะแต่ง-ไม่แต่ง หรือจะรับผิดชอบฉันหรือเปล่า...แหงเลย หรือไม่คงเป็นเรื่องที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่แน่ๆ เพราะผู้หญิงน่ะชอบสงสัยในสิ่งที่ไม่เข้าท่าในสายตาผู้ชายเรื่อยแหละ เป็นต้นว่า ทำไมคุณถึงรักฉัน? หรือ คุณเคยคิดถึงอนาคตบ้างไหม? ดังนั้น ถ้าไม่อยากสร้างความไม่สบายใจให้แฟนหนุ่มละก็ อย่าเพิ่งเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมาดีกว่า
2. "เป็นผู้ชายหน่อยสิ"
ไม่มีอะไรทำให้หนุ่มๆเจ็บปวดเท่ากับการพูดดูถูกความเป็นลูกผู้ชายเชื่อดิ ถ้าเมื่อไหร่ที่แฟนสาวพูดอะไรที่เป็นการหยามหน้า หรือข่มขู่, ถากถางกันละก็ ระวังแฟนหายแล้วจะเป็นแม่นางคานนิเวศน์นะ
3. "พ่อแม่ของฉันอยากพบคุณจัง"
ประโยคนี้ส่อความหมาย 2 ประการ คือ หมายถึง ก. ถึงเวลาแล้วที่เขาควรไปรู้จักกับพ่อแม่ของฉันสักที หรือ ข. ได้เวลาที่พ่อแม่ของฉันจะพิจารณาเขาอย่างจริงจังแล้วล่ะ
เหตุนี้สิ่งที่ฝ่ายชายควรทำก็แค่หวังว่าพ่อของเธอจะไม่ฟันธงว่า เขาเป็นคนไม่ดี แล้วใช้มีดตัด ความสัมพันธ์ของพวกเราฉึ่บฉั่บในทันทีเป็นใช้ได้
4. "ฉันปวดหัวอยู่นะ"
แปลง่ายๆก็คือ คืนนี้ฝ่ายหญิงไม่ขอมีกิจกรรมแอ็กชั่นบนเตียงแต่อย่างใดทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องมาสะกิดสะเกาให้เกิดอารมณ์หน่อยเลย...ขืนได้ยินแบบนี้หนุ่มๆคงคิดสิว่า คืนนี้แห้วแน่ แต่แหมกะจิตกะใจจะเอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกครั้งทุกวัน ผู้หญิงก็ระบมกันพอดี ทางที่ดีถ้าเธอบ่นปวดหัว หายาให้เธอไม่ดีกว่าเหรอ แต่ถ้าเธอบอกว่ามียาหรือทานยาแล้ว อีกฝ่ายก็หันมาเอาอกเอาใจด้วยการบีบนวด ออดอ้อนเธอเข้าสิ ผู้หญิงพอได้พักบวก กะเจอลูกอ้อนจากดาร์ลิ่งเดี๋ยวก็เชื่องเป็นลูกแมวได้
5. "นั่นไม่ใช่วิธีที่แฟนเก่าของฉันทำซะหน่อย"
เฮ้ย! เอาไปเปรียบเทียบได้ไงเนี่ย ที่จริงคู่เลิฟไม่ควรคุยจ้อถึงแฟนเก่าต่อหน้าคนรักปัจจุบัน นอกจากเขาจะถาม เพราะชวนให้ทะเลาะเบาะแว้งกันมากกว่าที่จะสร้างความสมานฉันท์ กลมเกลียวนะซี อย่างน้อยก็แสดงล่ะว่า ยังไม่ลืมวันวานที่ขมไปแล้ว แต่เอ คิดอีกทีเธออาจปักใจเกลียดแฟนเก่าเลยต้องพูดเตือนคนใหม่ ไม่ให้ทำอะไรซ้ำรอยเดิมก็ได้ แต่ที่แน่ๆ แม่คนนี้ไม่น่ายกคำพูดนี้ขึ้นมาเลยพับผ่าสิ
หรืออีกกรณีนะ คุณเธอเล่นสาธยายความผิดของแฟนเก่าให้แฟนปัจจุบันฟังละเอียดยิบ นัยว่า หวังดีอยากสร้างความมั่นใจให้แฟนปัจจุบันนั่นแหละ แต่ความเอื้ออารีนี้ เขามักมองไม่เห็นและคิดว่า ฝ่ายหญิงอยากแก้แค้นมนุษย์เพศชายหรือเปล่าซะมากกว่า ถึงได้รื้อฟื้นเอาคนเดิมมาสับเละถึงขนาดนี้ จำไว้เหอะน้อง
ผู้หญิงเป็นคนช่างสงสัยในสายเลือด เธอมักอยากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร หรือรู้สึกอย่างไรตอนเนี้ย? โดยเฉพาะชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งในแง่ดี เธอใส่ใจกับความรู้สึกของแฟนนะ ก็ถ้าไม่รักคงไม่ อยากรู้ใช่ม้า แต่ผู้ชายสิจะคิดตรงกันข้าม เพราะไม่ชอบเปิดใจออกมาตรงๆ แต่ชอบ "เก็บ" อะไรบางอย่างไว้ในความเงียบมากกว่า บางทีผู้ชายไม่พูดฝ่ายหญิงอาจนึกว่าโกรธหรือไม่ชอบเธอซะเอง-เจอแบบนี้เยอะเลย เหตุนี้ใครว่ามีแฟนน่ะแฮปปี้ ขอเถียงขาดใจ เพราะถ้ามีแฟนไม่ดีก็ใช่ว่าจะอยู่กันได้ง่ายๆ
7. "ตอบมาสิว่าฉันสวยไหม?"
คำถามอีเดียดมากเลย แต่คนเราก็ต้องหลุดความหน่อมแน้มออกมาบ้าง จะให้มีสติแข็งโป๊กตลอดเวลาก็ไม่ไหว แต่รู้ไว้เหอะว่าผู้หญิงมักจับได้เสมอแหละว่าผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินแค่ไหน เหตุนี้ฝ่ายชายจึงไม่ชอบที่จะถูกจับได้ไล่ทันแหงล่ะ
8. "คุณสังเกตเห็นความแปลกใหม่ในตัวฉันมั้ย?"
หนุ่มๆรู้แหละว่ามีปัญหาแน่ถ้าตอบว่าไม่ แม้รู้ ทั้งรู้ว่าผู้ชายเยอะแยะเป็นคนไม่ช่างสังเกต เขาจึงคิดว่าคำพูดทำนองเนี้ยเป็นคำพูดที่ผู้หญิงไม่รู้จะถามไปหาอะไร เพราะถ้าเธออยากบอกก็บอกมาเลยดีกว่า ไม่เห็นต้องถามนี่นา เฮ้อ!อาซ้อ อาซิ้มก็เงียะ ชอบถามอะไรฟังแล้วไม่รื่นหูเหมือนหนูๆวัยเอ๊าะๆเลยพับผ่าสิ
9. "เพื่อนฉันหมั้น (หรือแต่งงาน) แล้วนะ"
พูดแบบนี้ก็เหมือนโยนหินถามทางนั่นแหละว่า แล้วเมื่อไหร่คุณมึง (ฝ่ายชาย) จะขอเดี๊ยนแต่งงานสักที รอจนเคี้ยวหมากแล้วนะ จะให้รอไปถึงไหนฟะ มิน่าจึงเป็นคำพูดที่ผู้ชายไม่อยากได้ยินเอาซะเลย แต่ถ้ารักจริงหวังแต่ง คาดว่าไม่น่าจะรอให้สาวพูดอะไรเป็นนัยๆออกมาก่อนหรอก พี่ยกขันหมากมาจองไว้ก่อนละกัน
10. "เราต้องพูดกันแล้วล่ะ"
ขืนได้ยินประโยคนี้ แสดงว่า ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เริ่มมีปัญหาระหองระแหงกันแล้วน่ะสิ ถ้าผู้หญิงงัดคำนี้ขึ้นมา เท่ากับเธออยากเจรจาให้เห็นดำเห็นแดงกันไป แต่เชื่อดิ ถ้าเหตุการณ์ไม่หนักหนาสาหัสจริง ผู้หญิงอยากรอมชอมมากกว่าตัดสวาทชัวร์ป้าด ก็หากยังรักกันอยู่ ก็ขอให้ใช้น้ำเย็นเข้าไว้
นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำอีกเยอะที่ผู้ชายไม่อยากได้ยินเช่น "เมื่อวานไปไหนมา?", "ทำไมเมื่อคืนกลับดึก?", "แล้ววันนี้จะกลับกี่โมง?"
คำพูดเหล่านี้ ฝ่ายหญิงอาจถามเพราะเป็นห่วง แต่ผู้ชายชอบตีความว่าทำไมต้องถามด้วย เอ๊ะเห็นกูเป็นเด็กหรือไงทุกทีแหละ เหตุนี้ ใครว่าพูดกับแฟนได้ทุกอย่าง เห็นจะไม่จริงละมั้ง.