วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ผู้หญิง ตัดสินผู้ชายจากอะไร

Zubzip_8436ผู้หญิง ตัดสินผู้ชายจากอะไร

คุณดูเป็นยังไง

เขา จ้องมองเธอที่หน้าอกตลอดเวลา หรือเปล่า เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ขันไม๊ หรือเป็นพวกที่ทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด และเชื่อเถอะครับ เธอจะสังเกตุท้งหมดในสิ่งที่คุณเป็นตั้งแต่นัดแรกเลยละครับ

คุณเหมือนแฟนเก่าไม๊

เธอ มักจะเปรียบเทียบทุกอย่าง กับคนรักที่ผ่านมาของเธอ "สิ่งที่ผู้หญิงต้องการ จะมีพื้นฐานมาจาก ประสพารณ์ของชีวิตคูที่ผ่านมาในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ในทางที่ดี หรือว่าในทางที่ไม่ดี" Kauffman ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอพูดถึงแฟนเก่า ตั้งใจฟังให้ดีนะครับl.

คุณยังฝังใจกับอดีตหรือเปล่า

เธอต้องการทั้งหมดของคุณ หัวใจทั้งดวงของคุณ ไม่เหลือที่ให้ไว้กับความรู้สึกที่ผ่านมาในอดีต

รู้จักพูดและรู้จักฟัง (มากกว่าพูด)

แม้ ว่าตามปกติแล้ว ผู้หญิงจะเป็นคนที่พูดมากกว่า ร้อยละ 80 ของบทสนทนาระหว่างคุณกับเธอ ดังนั้นพยายามให้แน่ใจนะครับ ว่าร้อยละ 20 ที่คุณมีโอากสได้พุดนั้น มีสาระสำคัญ โดยเฉพาะกับความสัมพันธ์ของคุณ

ความใจกว้าง

ผู้หญิง นะครับมีความสามารถพิเศษในการที่จะโยงเรื่องหนึ่ง ไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง เช่นการที่คุณให้ tip และ การพนันว่าแมวจะจมน้ำตายหรือเปล่า ไปสุ่การสัดว่าคุณเป็นคนที่มีจิตใจอย่างไร

เข้าใจเธอ และชื่นชมในความเป็นเธอ

ถ้า คุณไม่สามารถรับรู้คุณค่าในความเป็นเธอ ไม่สามารถที่จะเข้าในความคิด หรือแม้กระทั่งอะไรคือความทะเยอทะยานของเธอ ผมว่าคุณสอบตกแล้วละครับ เริ่มต้นใหม่ดีกว่าครับ พูดคุยกันให้มากขึ้น ถามเธอให้มากขึ้น และตั้งใจฟังอย่างแท้จริง

คุณเปิดกว้างเรื่องความสัมพันธ์

แต่คุณยังไม่คิดว่ามันยังไม่จำเป็นเอาละครับ ถ้าคุณตกข้อนี้ข้อเดียว ข้ออื่นไม่ต้องพูดถึงแล้วครับ

คุณรักษาสัญญาหรือเปล่า?

ถ้าจากประสพการณ์ที่ผ่านมา คุณดูไม่น่าเถือเอาสียเลย แล้วเธอจะไว้ใจคุณกับชีวิตที่เหลือได้อย่างไร . .

ที่มา  http://www.artsmen.net

10 วิธีปราบแฟนนอกใจ

T210611_03P_r10 วิธีปราบแฟนนอกใจ จะ ทำอย่างไร ถ้าจับได้ว่าแฟน "นอกใจ" การนอกใจ ไม่ได้แปลว่าเค้าหมดรัก ลองอ่าน ทางนี้ ถ้าจับได้ว่าแฟนของคุณ แอบปันใจ ให้คนอื่น ต่อให้เป็นใครก็ทำใจได้ยาก หากจับได้ว่า แฟนหนุ่มสุดรัก แอบปันใจ ให้คนอื่น เฮ้อ ! แถมเรื่องแบบนี้นี่แหละ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ ทำให้ความรักของคู่รัก บางคู่ต้องอับปางลง

ลอง ถ้าต้องเจอสถานการณ์ เลวร้ายแบบนี้ แต่คุณยังรักเค้าอยู่ ขอเตือนคุณผู้หญิงทั้งหลาย ว่า อ๊ะ ! อย่านะ อย่าปล่อยให้อารมณ์หึงหวง อยู่เหนือเหตุผล เพราะไม่แน่ว่า เรื่องร้าย อาจจะกลายเป็นดี ทำให้คุณและเค้า เข้าใจกัน ยิ่งกว่าเดิม (ก็ได้นะ)

เรา มีคำแนะนำดี ๆ กับ10 วิธีการปฎิบัติตัวที่ ถูกต้อง ที่รวบรวมมาจาก "ผู้มีประสบ การณ์" (ที่ขออนุญาต ไม่เอ่ยนาม) มาดูกันว่าทำอย่างไร เค้าจึงสามารถฟันฝ่ามรสุม ปัญหารักแบบนี้มาได้

1.อย่าโวยวาย
เริ่ม จาก นับ หนึ่ง สอง สาม ในใจ. แล้วนิ่ง เฉยไว้ก่อน อย่าปล่อยให้อารมณ์หึง ทำให้ คุณหุนหันพลันแล่น ตีโพยตีพายไปก่อน หรือปล่อยให้ความเสียใจ ทำให้คุณ ตัดสิน ใจอะไรผิด ๆ เรื่องแค่นี้อาจเป็นความ ผิดพลาด ชั่วครั้งชั่วคราว ยิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ ไว้ก่อนยิ่งดี

2.ห้ามใช้วิธีรุนแรงโดยเด็ดขาด
พยายาม ทำตัวเป็นนางเอกเข้าไว้ (อย่าเป็น นางร้ายซะเอง) ข่มใจไว้ อย่าลุกขึ้นอาละวาด หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เพียงเพราะต้องการ แก้แค้นให้สาสม กับที่คุณเจ็บปวด เพราะ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซ้ำร้ายมันอาจทำให้ ปัญหาลุกลามใหญ่โต

3.คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
ถ้า เค้าจะนอกลู่นอกทาง ไปตื่นเต้นกับ ของใหม่ ก็ปล่อย ๆ ไปบ้าง แต่ที่สำคัญคือคุณ ต้องแสดงให้เค้าเห็นว่า เราเป็นผู้หญิงที่มี คุณค่า และเหมาะที่จะเป็นภรรยา และแม ่ของลูกมากที่สุด ของดี ใคร ๆ ก็อยากได้ จริงไหม ทำดีต่อเค้า ให้มาก เพื่อพิสูจน์ว่า คุณยอมรับเค้าได้ในทุกเรื่อง

4.อย่ามัวแต่ระแวง
การนอก ใจ แม้จะร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้น "ฆ่าคนตาย" นะจ๊ะ ถ้าต่อจากนั้น คุณเอาแต่ จ้องจับผิดว่าเค้าจะไปไหน ทำอะไร กับใคร คอยเช็คไปซะทุกเรื่อง มันก็ยิ่งทำให้เค้า เบื่อหน่าย และรำคาญ (แทนที่จะสำนึกผิด) แค่แสดงให้เค้ารู้ว่าเรารู้ แต่นิ่งเฉยไว้ ปล่อยให้สำนึกผิดเองได้ผลกว่า

5.ไร้ประโยชน์ที่จะฟื้นฝอย หาตะเข็บ
จำ ไว้ว่าการขุดคุ้ยอดีต ที่เป็นแผลของ อีกฝ่าย เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทั้งไม่ได้ ประโยชน์ และรังแต่จะตอกย้ำให้ สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น กลายเป็นชนวน ของการทะเลาะเบาะแว้งกันไปปล่าว ๆ และยิ่งตอกย้ำว่าคุณยังฝังใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

6.การให้อภัย
แม้ ว่า"การให้อภัย" จะเป็นสิ่งที่ทำยากที่สุด อย่างหนึ่งในชีวิตคนเรา แต่ถ้าการที่เราเลือก ที่จะคบใครสักคน และจะประคองความรัก ไปให้ตลอดรอดฝั่ง ก็ควรยกโทษให้กับคนที่ เรารัก เพราะเค้าเองก็เป็นแค่คนธรรมดา คนหนึ่ง ที่ทำผิดพลาดได้เสมอ

7.อย่าประชดชีวิต
ควร วางตัวเองให้มีคุณค่า อย่าคิดประชดคนรัก ด้วยวิธีเดียวกัน คือหันไปหาคนอื่นบ้าง เพราะ วิธีนี้จะทำให้เค้าเป็นฝ่ายเลือก ที่จะไปหาคนอื่น การใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง ใช้ไม่ได้ผล กับความรักนะจะบอกให้

8.เอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น
อย่า ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ทำตัวให้ดูดี ดูสวยเข้าไว้ เอาแบบที่รียกว่า แม้แต่คนรักของคุณยังตาค้าง ผมที่ยุ่ง ๆ ฟู ๆ ก็จัดการซะให้เรียบร้อย เช็ด คราบน้ำตาทิ้ง แล้วหันมาเอาใจใส่ให้สวยปิ๊ง ดีกว่าเป็นไหน ๆ เราไม่ใช่ของตายของใคร นะเออ

9.หันหน้าเข้าหากัน
สาเหตุ ของการนอกใจ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหา ระหว่างคุณและเค้า ซึ่งคุณเองอาจมีข้อบกพร่อง ในบางสิ่ง ควรหันมาพูดคุยกัน เพื่อปรับความ รู้สึกเข้ากับอีกฝ่าย รวมทั้งให้เวลาและเอาใจใส่ คนรักให้มากขึ้น

10.ไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปประจาน กับคนอื่น
ปัญหา นี้เป็นเรื่องของคนสองคน ระหว่างคุณ และเค้า ทางที่ดีอย่านำความผิดของเค้าไป โพนทะนา หรือประจานให้เพื่อนหรือบุคคล ใกล้ชิดฟัง เพราะจะทำให้คนรักของคุณ รู้สึกเสียหน้า และเข้าหน้าคนใกล้ชิดของคุณ ไม่ติดแล้ว แม้ว่าต่อไปเค้ากับคุณจะคืนดีกัน หรือไม่ก็ตาม

วิธี ง่าย ๆ แต่ทำใจ ปฎิบัติยากข้างต้น นอกจากจะสามารถแก้ไขเรื่องร้าย ให้กลับกลาย เป็นดีแล้ว เมื่อปัญหาคลี่คลาย คุณจะพบว่าความดี และความอดทนของคุณ จะทำให้เค้าและ คุณ เข้าใจกันและกันมากขึ้น

ใน ทางตรงกันข้าม ฮึ่ม! ถ้าทำขนาดนี้แล้ว เค้ายังไม่เห็นความดีของคุณหล่ะก็ ขอแนะนำว่า คุณเองก็ควรเริ่มเล็ง ๆ ที่จะเปิดโอกาสให้คนอื่น ๆ ที่ดีกว่าบ้างก็ดี ยังไงก็ "อย่ารักคนอื่น มากกว่ารักตัวเองนะจ๊ะ" ...

ข้อมูลจาก Ladytip.com

วิธีมัดใจหนุ่มแต่ละวัน

T180511_05C_rวิธีมัดใจหนุ่มแต่ละวัน

หนุ่มวันอาทิตย์
ต้อง ยกให้เป็นหนุ่มมั่นแห่งปีเลยล่ะ เพราะเขามีความเป็นผู้นำ และความทะเยอทะยานสูง จึงไม่แปลกที่เขาจะกลายเป็นดาวเด่นในกลุ่ม หนุ่มวันนี้น่ารักตรงที่ชอบเทคแคร์ และปกป้องดูแลผู้หญิงของเขา ที่สำคัญเอาอกเอาใจเก่งที่เป็นหนึ่งเลย
how to get love
เขา รักอิสระสุดๆ ไม่ยอมผูกมัดตัวเองไว้กับใครง่ายๆ หรอกนะ แต่ถ้าเขาเกิดรักใครแล้วล่ะก็ รับประกันได้เลยว่า รักเดียวใจเดียวแน่นอน เพราะฉะนั้นสาวขี้หึงและจอมงอแงจึงไม่อยู่ในสายตาของเขา ถ้าอยากกุมหัวใจเขาให้ได้ ต้องทำตัวให้เป็นสาวมั่นไม่ธรรมดาซะก่อน คือดาวเด่นที่ดูแลตัวเอง รับรองสยบเขาได้แน่นอน

หนุ่มวันจันทร์
โอ๊ะ โอ เราเจอหนุ่มช่างฝันตัวจริงซะแล้ว ก็หนุ่มวันจันทร์น่ะ เขาทั้งอ่อนหวานน่ารัก แล้วก็เป็นคนติดบ้านยิ่งกว่าใคร แถมเรียบร้อย สุภาพ และรักสันโดษอีกต่างหาก เขาชอบแต่งบ้านและรักต้นไม้เป็นพิเศษ แล้วยังเป็นหนอนหนังสืออีกด้วย
how to get love
หนุ่ม วันจันทร์ขอบายสาวเจ้าชู้เป็นอันดับแรก ส่วนหนึ่งเพราะเขาขี้หึงไม่แพ้ใคร ดังนั้นสาวที่เขาจะชอบ ต้องเป็นสาวที่มีความรู้สึกมั่นคง มองโลกในแง่ดี ไม่ก้าวร้าว และที่สำคัญที่สุด ต้องเข้ากับที่บ้านของเขาได้ โดยเฉพาะกับคุณแม่ของเขานั่นล่ะ

หนุ่มวันอังคาร
เป็น หนุ่มสังคมตัวฉกาจเชียวนะจ๊ะ เขาชอบเฮฮา และเป็นขาดื่มเลยล่ะ หาเขาได้ตามผับหรือปาร์ตี้สุดเหวี่ยงสักงาน แถมยังรักการผจญภัยและความตื่นเต้นเป็นที่หนึ่ง นอกจากนั้นหนุ่มวันนี้ยังชอบออกกำลังกายให้ดูมาดแมนอยู่เสมอ เรียกว่าเสน่ห์เหลือเฟือเชียวล่ะ
how to get love
เขา เป็นคนเข้มแข็งและชอบคุ้มครองสาวที่เขารัก ในขณะเดียวกันเขาก็ชอบให้คนที่เขารัก เอาอกเอาใจเขา เพราะฉะนั้นจงสวมบทสาวน้อยผู้บอบบางให้เขาได้ปกป้องดูแล และหัดทำตัวเป็นสาวใจกว้าง ไม่จุกจิกจู้จี้จุกจิก แต่คอยเอาอกเอาใจเขาตลอดเวลา รับรองได้เลยว่า งานนี้ไปไหนไม่รอด

หนุ่มวันพุธ
อารมณ์ ดี รักต้นไม้และสนใจเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กัน เขารักการเจรจา สื่อสาร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แถมยังเป็นหนุ่มที่มีความมั่นคงทางความคิด เพราะเขาจริงจังกับเรื่องโดยเฉพาะเรื่องความรัก เขาต้องการและเป็นรักเดียวด้วยนะ
how to get love
เขา ชอบสาวฉลาด ไม่สวยไม่ว่า แต่ต้องเป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างและเป็นกำลังใจให้เข้าได้ตลอดเวลา หนุ่มวันพุธมักเริ่มต้นความรัก ด้วยการเป็นเพื่อน แต่เขาจะแพ้ความดีและความจริงใจ สาวไหนอดทนรอได้ รับรองเขาเทใจให้แถมมั่นคงสุดๆ

หนุ่มพฤหัสบดี
สาว ที่มองหาหนุ่มโรแมนติก ไม่ควรมองข้ามหนุ่มวันนี้เด็ดขาด แถมหนุ่มวันพฤหัสยังเป็นหนุ่มที่มีเสน่ห์ในเรื่องอารมณ์ขันอีกด้วย เขาจะยิ้มหรือหัวเราะแบบเปิดเผยสุดฤทธิ์ นอกจากนั้นยังเป็นหนุ่มที่รักการเดินทาง เป็นชีวิตจิตใจเพราะเขาน่ะ หลงเสน่ห์อิสระเสรีแห่งโลกกว้างเข้าซะแล้ว
how to get love
เพราะ ความรักอิสระของเขานี่แหละ ทำให้เขาไม่ยอมลงจอดที่ไหนเป็นหลักแหล่งเลย ดูเหมือนโปรยเสน่ห์เอาไว้ซะทั่ว แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนรักใครยากแต่รักจริง สาวๆ ที่จะเข้าตาเขาจึงต้องใจกว้าง ไม่ตามใจเขาแจ ค่อยๆ เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเขา แบบเพื่อนที่รู้ใจ อย่าทำให้เขาจับได้เด็ดขาดว่ากำลังรุกอยู่
หนุ่มวันศุกร์
และ แล้วก็ถึงคิวของหนุ่มเจ้าสำอางค์ มีรสนิยม เพราะหนุ่มวันศุกร์น่ะ เป็นหนุ่มที่ทันสมัยและโฉบเฉี่ยวบาดใจ หาเขาได้ตามร้านเสื้อผ้าชั้นนำ ร้านทำผมหรือตามจุดนัดพบสุดฮอต นอกจากนั้นเขายังรักงานศิลปะและดนตรีอีกด้วย ไม่แน่ใจว่าเขาอาจเป็นหนุ่งหนุ่มที่สาวๆ กำลังกรี๊ดกันสุดฤทธิ์ก็เป็นได้นะจ๊ะ
how to get love
ต้อง ทำใจหน่อยนะถ้าหลงหนุ่มวันนี้เข้า เพราะเขาเสน่ห์แรงจนคู่แข่งเยอะไปหมด เพราะฉะนั้นการเปิดใจให้เขารู้ไว้ก่อนเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุด แต่ต้องมีชั้นเชิงและมั่นใจเป็นพิเศษนะ ประมาณว่าฉันง้อเธอนะ แต่ฉันก็ยังเปิดโอกาสให้หนุ่มอื่นอยู่ด้วยล่ะ ทำตัวให้เจ๋งเข้าไว้ แล้วเขาจะหันมาล่าเราในไม่ช้านี้

หนุ่มวันเสาร์
ชอบ เก็บตัว ขี้อาย ไม่กล้าคุยกับสาวๆ เขาชอบอยู่ในที่ๆ เรียบหรู ดูดี ที่ไหนมีคนวุ่นวาย เขาขอเซย์กู๊ดบาย แล้วนอนเล่นเกมอยู่ที่บ้านดีกว่า นอกจากนั้นเขายังเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้ หนุ่มเงียบขรึมที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด ก็มีแววว่าจะใช่เขาด้วยเหมือนกันนะ
how to get love
ก็ ขี้อายซะขนาดนี้ ถ้าจะรอให้เขาเป็นฝ่ายบุก เห็นทีจะรอเก้อ เพราะฉะนั้นสาวๆ ต้องใจกล้า เป็นขาลุยเข้าไปเองเลย แต่อย่ากระโตกกระตากนะจ๊ะ แค่ทำทีขอคำปรึกษาหรือเป็นเพื่อนกันไปก่อนเพราะถ้าเขาตกใจ อาจมีสิทธิ์วิ่งหนีไปได้ ก็หนุ่มวันนี้น่ะ เขาเทใจให้สาวน้อยแสนอ่อนหวานเท่านั้นนี่นา

อ่านใจหนุ่มในฝันจากโหงวเฮ้ง

T060711_04P_rอ่านใจหนุ่มในฝันจากโหงวเฮ้ง

รูป หน้าหนุ่ม ๆ แบบไหน ที่วางใจได้ ใครเจ้าชู้ ใครที่รักเดียวใจเดียว และมองอย่างไรถึงจะรู้ว่าเขาเลี้ยงเราได้ทั้งชีวิตรึเปล่า? เรามีคำตอบให้ ณ ที่นี้แล้ว!

การดูลักษณะใบหน้าคน หรือที่เราเรียกกันว่า "โหงวเฮ้ง" นั้น คือ ศาสตร์ชนิดหนึ่งที่ต้องมีทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติด้วยการสังเกต แต่เพื่อจะเจาะลึกว่าคุณผู้หญิงอย่างเราควรเชื่อหรือไม่เชื่อใจผู้ชายคนไหน ในแวบแรกที่เห็น เราจึงไปขอคำแนะนำจาก อ.รุ่งนภา อังคะสิริกุล ผู้เขียน "โหงวเฮ้ง ศาสตร์การอ่านคนจากใบหน้า" เจ้าของเว็บไซต์ Ngowheng.com

อ.รุ่งนภาแนะนำสำหรับคนที่ไม่เคยศึกษามาก่อนเลย จะต้องมาเริ่มกันจากความหมายซึ่ง "โหงวเฮ้ง" แปล ว่า การดูลักษณะ 5 ประการ หากจะพูดถึงองค์ประกอบบนใบหน้าก็จะได้แก่ ตา จมูก คิ้ว และปาก นอกจากนี้ ยังดูความสมดุลด้วย เช่น หากเป็นคนตาโต คิ้วต้องหนา จมูกโต ริมฝีปากหนา และกว้าง หูใหญ่ นี่คือลักษณะที่สมดุลดี สำหรับลักษณะขององค์ประกอบต่าง ๆ เราอาจดูโหงวเฮ้งคนได้คร่าว ๆ ดังนี้


หู บ่งบอกต้นชีวิต

หมาย ถึงชาติกำเนิด ลักษณะของใบหูที่ดีต้องมีเนื้ออิ่มเต็ม มีวงขอบหูที่แบ่งด้านในกับด้านนอกเป็นสัดส่วนชัดเจน ติ่งหูมีเนื้ออิ่มเต็ม มีกระบังหูและรูหูไร้ตำหนิ นี่แสดงว่ามีชาติตระกูลดี ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว คนที่มีหูแนบไปกับใบหน้าจะเป็นคนที่จริงจัง วางแผนด้านการเงินดี ติดโลภไปบ้าง แต่ดีกว่าคนหูกางและบางซึ่งเก็บเงินไม่อยู่ (หากหูกางแต่หนาก็ถือเป็นหูที่ดี) ส่วนคนที่มีใบหูยาวเท่ากับคิ้วจนถึงปลายจมูกพอดีถือว่าเป็นใบหูแห่งโชคลาภ ส่วนติ่งหูถือเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรักและกามารมณ์มากที่สุด คนที่มีติ่งหูเนื้ออิ่มเต็มเป็นสัญลักษณ์ว่ารักความโรแมนติก เจ้าชู้ ส่วนติ่งหูหนาใหญ่แสดงถึงพลังทางเพศที่สูงและเจ้าชู้เช่นกัน

จมูก ชี้ชัดเรื่องความรัก

ดั้ง จมูก แทนอำนาจ การงาน ปลายจมูกแทนการเงิน ส่วนปล้องตรงกลางจมูกแทนความรัก ทั้งสามส่วนรวมกันเรียกว่าสันจมูก หากสันจมูกตรงนั้นหมายถึงเจ้าตัวมีวาสนา ได้คู่ดี หรืออาจได้คู่ รวย สวย หล่อ คนที่มองไม่เห็นรูจมูกนั้น แสดงว่าตระหนี่ถี่เหนียว หากจมูกงองุ้มเข้าไปแปลว่าเป็นคนหายใจเข้าออกเป็นเงินเป็นทองกลับกัน คนที่เรามองหน้าและเห็นรูจมูกได้ชัดเจน จมูกเป็นกระดูกไม่สมส่วนกับใบหน้าจะชี้ว่าไม่รอบคอบด้านการเงิน หากมีไฝแดงอยู่ที่ปล้องจมูกจะช่วยส่งเสริมในด้านความรักกับเพศตรงข้าม

ปาก กองประชาสัมพันธ์

ปากคือตัวแทนด้านสติปัญญา ในการดูโหงวเฮ้งเกี่ยวกับปากจะดูลักษณะสามประการ ได้แก่ น้ำเสียง รูปปาก และฟัน

น้ำเสียง

ผู้ชาย เป็นเพศที่เสียงสำคัญมาก เพราะเสียงคือพลังในการต่อสู้ชีวิตและบ่งบอกถึงสุขภาพภายใน สำหรับผู้ชายที่ต้องเป็นช้างเท้าหน้านั้น เสียงควรกังวาน สดใส พูดจาไม่กรรโชก และไม่ควรมีเสียงแตกพร่าซึ่งชี้ว่าสุขภาพไม่ดี ส่วนผู้ชายที่เสียงเหมือนผู้หญิงก็จะมีชะตาชีวิตที่ไม่ดีเช่นกัน เสียงที่ดีต้องฟังได้ศัพท์จับได้ความ ไม่ใช่เสียงอู้อี้ หรือเสียงที่ไม่แสดงความชัดเจนออกมา

รูปปาก

เสมือน กองประชาสัมพันธ์ การดูปากสามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ปากที่ดีจะเป็นรูปกระชับและมีหยักตรงกลาง มุมปากช้อนขึ้น ถ้าเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นคนมุมปากตก นั่นอาจเป็นเพราะเขามองโลกในแง่ลบ ชอบพูดให้คนอื่นเสียหาย หรือพูดนินทาส่อเสียดให้ร้าย ในขณะที่ผู้มีปิยวาจาดีมักจะมีรูปปากสวย

ฟัน

หาก เราอยากรู้ว่าหนุ่มคนนี้ จะมีการเงินที่ดีไปถึงบั้นปลายชีวิตรึเปล่าต้องดูที่ฟัน ผู้ชายที่มีฟันดี เรียงกันเป็นระเบียบเหมือนเม็ดข้าวโพด ไม่เก ไม่หลอ แสดงว่ามีระเบียบวินัยทางการเงิน จัดแจงเก็บเงินได้ เพราะแม้ว่าผู้หญิงสมัยนี้จะไม่รอให้ผู้ชายเลี้ยง แต่อย่างน้อยเค้าก็ต้องไม่เบียดเบียนคนรัก

คิ้ว ม่านของดวงตา

ดวง ตา หมายถึงพระจันทร์ และคิ้วก็คือเมฆซึ่งต้องดูโหงวเฮ้งคู่กับดวงตา ถ้าตาโตคิ้วก็ต้องหนา หรือหากตาเล็กและคิ้วหนา หรือตาโตแต่คิ้วบาง ก็คือไม่สมดุลไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง หากคิ้วไม่สมดุลก็จะบ่งบอกถึง การควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ใจร้อน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

ดวงตา หน้าต่างของจิตใจ

ดวง ตาที่ดีที่สุดจะต้องเป็นตาที่ดูมีเมตตา เป็นมิตรกับผู้อื่น ส่วนอันดับสองคือตายิ้มหรือตารับแขก ในขณะที่บางคนอาจเป็นตรงกันข้ามคือมีแววตาเป็นศัตรูกับผู้อื่นคนกลุ่มนี้นอก จากปากจะไม่ยิ้มแล้ว ยังมองผู้อื่นแบบไม่เป็นมิตร มองด้วยความสงสัย หรือเป็นคนที่ใช้ปลาย หางตามองคน ส่วนตาที่ไม่ซื่อสัตย์ เวลาคุยด้วยแล้ว มักจะไม่มองตา หลบสายตา หรือลอกแลก

กลุ่ม ดวงตาของคนเจ้าชู้ทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย จะเป็นคนที่มีดวงตาหวานซึ้ง ตาเซ็กซี่ และตาง่วงนอน แม้ว่าตาเหล่านี้ไม่ได้แปลว่าไม่ดี แต่บ่งบอกถึงความมีเสน่ห์กับเพศตรงกันข้าม อย่างที่เราสังเกตได้ว่าเรามักจะเห็นคนตาหวานหล่อหรือสวย ทั้งที่นี่คือดวงตาของคนที่ ไม่รู้จักพอในเรื่องความรัก รักง่ายหน่ายเร็ว ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม ส่วนหางตาหมายถึงพลังทางเพศสูงไฝในบริเวณนี้จะเสริมด้านความรัก ถ้าเป็นผู้หญิงก็มีแนวโน้มจะได้คนรักเด็กกว่า

ส่วน ผู้ชายจะเป็นคนเจ้าชู้มาก นอกจากอุปนิสัยแล้ว แววตายังสื่อถึงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน หากคนที่เราคุยด้วยมีแววตาเปลี่ยนแปลงหลายอารมณ์ นั่นคือเค้าไม่สามารถควบคุมจิต พอจิตใจไม่นิ่งก็จะควบคุมชะตาตัวเองไม่ได้ เพราะตาคือประตูของชีวิต

อย่าง ไรก็ดี แววตาที่บ่งบอกเรื่องอารมณ์ก็เป็นแขนงหนึ่ง ความจริงก็คือคุณไม่สามารถแก้แววตาได้ เพราะพันธุกรรมและกันบึ้งของจิตใต้คุณเป็นตัวกำหนด

องค์ประกอบอื่น ๆ ที่สามารถร่วมได้

รูปร่าง

หาก มีหน้าใหญ่ ตัวต้องโต ขา แขน มือ เท้า และลำคอก็ต้องใหญ่ คือให้ใหญ่สมส่วน ผู้ชายร่างเล็กก็ไม่เป็นไรหากมีรูปร่างสมส่วน เช่น ถ้าผู้ชายเตี้ย หน้าต้องกลม คอสั้น นิ้วมือนิ้วเท้าสั้นและป้อมเหมือนนิ้วเด็ก อันนี้จะเป็นลักษณะของผู้ชายที่ประสบความสำเร็จ เพราะความสมดุลนั้นบ่งบอกถึงการควบคุม อารมณ์ และจิตใจ อย่างเช่น เสมอต้นเสมอปลาย เคยขยันอย่างไรก็ยังขยันอยู่อย่างนั้น มีระเบียบวินัยในการทำงานและการเก็บเงินด้วย

หน้าผาก

หน้า ผากจะบ่งบอกถึงสติปัญญา ผู้ชายต้องมีหน้าผากกว้าง เพราะจะแสดงว่ามีความเป็นผู้นำของครอบครัว กว้างในที่นี้คือเท่ากับหนึ่งฝ่ามือ เหมือนกับที่เรียกว่าหัวเถิก ซึ่งจริง ๆ แล้วผู้ชายยิ่งเถิกยิ่งดี ซึ่งเขาควรเปิดหน้าผากเอาไว้รับโชคทางด้านการงาน

ใน ทางกลับกัน ผู้หญิงที่หน้าผากกว้างจะเป็นผู้หญิงที่ต้องแบกภาระ เป็นช้างเท้าหน้า ต้องเหนื่อยไปตลอดชีวิต กลุ่มนี้ควรจะแต่งงานหลังจากที่อายุ 30 ไปแล้ว เพราะมักจะมีความคิดอ่านเหมือนผู้ชายและมีความกระด้างอยู่ในตัว เชื่อมั่นในตัวเองสูง โอกาสหย่าร้างจึงสูงตาม คืออาจจะเก่งในเรื่องการทำงานแต่ไม่ฉลาดเรื่องการครองเรือนจึงมักจะไม่สม หวังด้านความรัก ต้องรอให้อายุมากขึ้น เพื่อจิตใจจะได้พร้อม หรือไม่ก็ควรไว้ทรงผมแบบปิดหน้าผาก

ผิว

ไม่ เกี่ยวกับสีผิว แต่ต้องดูที่ความขรุขระของผิว ผู้ชายที่มีผิวขรุขระมักจะเป็นคนที่เข้มแข็ง สู้ชีวิต ขยัน กล้าสู้กับความยากลำบาก ตรงกันข้ามกับผู้ชายที่ผิวเนียนอิ่มเอิบดูแล้วสบายตา เหมือนผู้หญิง เขาจะชอบออดอ้อนฉอเลาะ ไม่เป็นผู้นำครอบครัว และอาจกลายเป็นลูกแหง่ของเราแทน

ผู้ชาย ควรจะมีเอกลักษณ์แบบผู้ชาย แต่หนุ่ม ๆ สมัยนี้เปลี่ยนไป เรียกได้จะเป็นตุ๊ด ก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิง พอเป็นเช่นนี้วิถีชีวิตของเค้าก็จะเปลี่ยนเพราะหยินหยางที่อยู่ในร่างกายไม่ มีความสมดุล ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้ ซึ่งอาจจะระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้

สาว ๆ ที่อยากเลือกคู่ ตามตำราโหงวเฮ้งบอกว่า บวกกับบวกอาจกลายเป็นลบ และลบกับลบอาจกลายเป็นบวกได้ ผู้ชายหล่อไม่ได้แปลว่าเขามีน้ำใจ ส่วนผู้ชายที่ไม่หล่อแต่รู้จักทำมาหากินอาจจะไม่สร้างความกลุ้มใจกับแฟนหรือ คนรักเลยก็ได้

เทคนิคในการหา...คู่แท้

sex เซ็กส์ sexy xxx ความรัก เพื่อน การดูแลความสัมพันธ์

เคย มั้ย...ไม่ว่าจะจริงจังกับรักครั้งนี้แค่ไหน แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็จบลงด้วยคำว่า "เลิกรา" จนบางครั้งคุณก็รู้สึกท้อแท้ และสิ้นหวงในความรัก ขณะที่อีกใจคุณก็เชื่อว่าคู่แท้ของคุณต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่ปัญหาคือ เมื่อไหร่คุณจะเจอ "คู่แท้" ซะที วันนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" ขอเอาใจคนที่หัวใจมีรัก ด้วยเทคนิคการหา "คู่แท้" ฉบับย่อมาฝาก

1. หยุดที่จะมองหา
          เคยมั้ยที่คุณต้องเสียเวลามหาศาลไปกับการมองหาบางสิ่งบางอย่างที่สูญหายไป แต่ไม่ว่าหายังไงก็หาไม่เจอซะที เราขอแนะนำให้คุณหยุดมองหา เพราะบางครั้งยิ่งมองหาคุณกลับยิ่งหามันไม่เจอ ทฤษฎีนี้ก็เช่นเดียวกันกับการมองหาคู่แท้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพยายามที่จะมองหาใครบางคน ดูเหมือนเขาจะยิ่งไกลออกไป ดังนั้น คุณควรหยุดที่จะพยายามมองหา และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

2. อย่าพยายามที่จะทำตัวให้เป็นที่โปรดปรานของคนอื่น
          นี่เป็นข้อเท็จจริงสำหรับผู้หญิงทุกคน ที่พยายามจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้คนอื่นมีความสุข จนบางครั้งต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ดังนั้น คุณต้องหันมาถามตัวเองก่อนว่าคุณต้องการคนที่เขารักคุณที่อะไร ในสิ่งที่คุณเป็น หรือสิ่งที่เขาอยากให้คุณเป็น

3. อย่าทำลายหรือลดศักดิ์ศรีของตัวคุณเอง
          หลายครั้งที่ผู้หญิงหลายคนพยายามถือคติสั้นหรือเอวต่ำเข้าว่า ด้วยการใส่บราเสริมหน้าอก และสวมกระโปรงสั้น ๆ เพียงเพราะพวกเธอหวังว่าสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เธอกลายเป็นที่ดึงดูดใจของหนุ่ม ๆ ซึ่งแม้ว่าจะปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ว่า รูปลักษณ์ภายนอกสามารถทำให้หนุ่ม ๆ หันมามองหรือสนใจคุณได้ แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าหนุ่ม ๆ เหล่านั้น เป็นคนที่ใช้และเหมาะสมกับคุณ

4. หมั่นพัฒนาหรือปรับปรุงตัวเอง
          เพื่อให้ตัวเองดูดีที่สุดเสมอ เพราะคุณไม่จำเป็นที่จะต้องดูดีเพื่อใคร หรือในสายตาใคร และคุณจะพบว่าแค่คุณหมั่นดูแลตัวเองอยู่เสมอ ก็จะมีหนุ่ม ๆ เข้ามาหาคุณเอง

5. หยุดที่จะตั้งกรอบหรือสร้างกฎเกณฑ์ของคนที่จะมาเป็นคู่แท้ของคุณ
          การจดบันทึกสิ่งที่ต้องการล่วงหน้าไว้ อาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการไปจ่ายตลาด แต่ชีวิตคู่ของคุณมีสิ่งที่เหนือขอบเขตของลักษณะบุคลิกเฉพาะตัวเท่านั้น เพราะบางคนอาจวาดฝันว่าคู่แท้ของคุณต้องมีฐานะร่ำรวย สูงและหนักตามที่คุณจินตนาการไว้ แต่ในความเป็นจริง คุณต้องถามตัวเองว่าจะยอมเสียชีวตคู่ไปเพียงเพราะคู่แท้ของคุณมีความสูง น้อยกว่าที่คุณขาดไว้เพียงไม่กี่นิ้ว

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

ความผูกพัน

ความผูกพัน

วันนี้...เราอาจ รู้สึกผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง จนคิดว่าเราขาดไม่ได้
...แต่เวลาจะทำให้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป
... สักวันเราจะรู้ว่า... สิ่งที่เราผูกพันในวันนี้.
..เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่...ทั้งหมดของชีวิตเรา
วันหนึ่ง...หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่ เราคิดว่าเราพึงใจ...ปรารถนา...ต้องการ...ขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพัน กับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก..
เมื่อ เวลาหนึ่งผ่านไป จะสอนเราได้เองว่า
...ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลา หนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้น ๆ อย่าได้ไปยึดติด
อย่าได้ไปใช้ ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง...
คิดเสียว่า...เราโชคดี...ที่มีโอกาสได้ผูกพัน กับสิ่งที่เรารัก
ความผูกพัน...ก็ เหมือนกับความรัก...
หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก
หากเรารัก ใครคนใดคนหนึ่งมาก
เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก
แต่ความผูกพันที่ ว่า... ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเอง ไว้กับสิ่งนั้นๆ
...เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง
เปรียบ เสมือน เรามีแก้วนำอยู่หนึ่งใบ
ในยามเช้า...เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่ม นม
พออากาศร้อนหน่อย...เราอาจต้องการน้ำเย็น ๆ
บางครั้งที่เราไม่ สบาย...เราอาจต้องการน้ำอุ่น
ใจเราก็ เหมือนกับแก้วน้ำ...
ต้องเติมสิ่งต่าง ๆ ในเวลาที่แตกต่างกัน...ตามความเหมาะสม
หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้ว น้ำ
แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน
เราก็จะพบว่า ...แก้วใบนั้น...ก็จะร้าว...แล้วเริ่มแตก ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...

ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดในช่วงเวลาหนึ่ง...ไม่ผิด
ถ้า เราค่อยๆปรับใจ...ปรับตัวของเราเอง...ให้กลับคืนใน เวลาที่ควร
เพราะ อย่างน้อยที่สุด...เราก็มีโอกาส...ได้ผูกพัน...
ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาส ...ได้รัก นั่นเอง
ถ้าคุณมีความสุข ที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่น ...คือ...ความรัก
ถ้าคุณเศร้า...เหงา...คิด ถึงเค้า...อยากเจอ...อยากพูดคุย ...คือ...ความรัก
ถ้าคุณร้อนรนที่เค้า อยู่กับใครๆที่ไม่ใช่คุณ ...คือ...ความใคร่ เป็นเจ้าของ
ถ้าคุณเมามาย ...เค้าลูบหลังไหล่...ดูแล ...คือ...ความรักที่บริสุทธิ์ใจ
ถ้าคุณเมา มาย...เค้ากอดและสัมผัสร่างกาย ...คือ...ความใคร่จากเค้า
ถ้าคุณเข้าหา ...แต่เค้าหนี... ...คือ...ความใคร่ ที่หมดเยื่อใยแล้ว
ถ้าคุณหนี...แต่ เขาวิ่งตามมา... ...คือ...ความรักที่ยังไม่มีจุดจบ
ถ้าคุณร้องไห้...ให้ กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ
...คุณคือ...คนโง่...และบ้า อย่างน่าอาย
แต่ถ้าคุณพอใจ...จงรัก...และมอบความรักให้กับเค้า แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม
จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้...ดีกว่าที่จะมา นั่งเสียใจในวันหน้า
จงภูมิใจที่มีความใคร่...เสน่หา เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป...

ohozaa.com

ความรักกับการขับรถ

ความรักกับการขับรถ

ขับรถเป็น ก็เหมือนมีความรักเป็น
คนขับรถทุกคน ไม่ได้ถือว่าเป็นคนขับรถเป็นทุกคน
บางคนขับได้แต่ขับ ไม่เป็น บางคนใช้กฏ กติกา มารยาทครบ
แต่ก็ยังเกิดอุบัติเหตุ
คน ขับรถดีนั้น อย่าได้หมายว่าชีวิตนี้จะไม่ประสบอุบัติเหตุเลย
เราไม่ชน เขา เขาก็ชนเรา
คนมีความรักก็เหมือนกัน เราไม่หักอกเขา
เขาก็หักอกเรา เราหักอกเขา เราก็เจ็บ
ไม่มีใครที่ทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวดโดย ที่ตัวเองไม่รู้สึกอะไรเลย เช่นกัน
เขาหักอกเรา เขาก็ไม่ได้สุข สนุก สบายใจ เพียงแต่เขาเลือกสิ่งที่ดี
ที่สุดสำหรับตัว เขา
ซึ่งสิ่งสิ่งนั้นมันไม่ใช่การเลือกที่จะมีเราเคียงข้างอยู่ด้วย
บางครั้งเรารู้ว่าเราขับรถตรงเลนแล้ว หยุดเมื่อเจอไฟเหลืองด้วยซ้ำ
ทำไมยังโดนชนได้
นั่นเพราะว่าคันข้าง หลังที่ตามเรามาเขาคิดว่าไฟเหลือง
ก็ยังต้องเร่งคันเร่ง เขากำลังรีบร้อน ในขณะที่เราใจเย็น
เช่นกันตรงกันข้าม บางขณะเขาใจเย็น แต่เรากำลังรีบร้อน
ความรักก็เหมือนกัน บางทีก็ต้องรีบ แต่บางครั้งก็ต้องใจเย็น ๆ

เมื่อขับรถเป็นใหม่ ๆ
ความรักก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย
ฉัน ระวังไปเสียทุกเรื่อง จะเลี้ยว จะเปลี่ยนเลน จะเดินทางไกล
เมื่อมีความรักใหม่ ๆ ฉันดูแลจิตใจ ยอมรับ และเข้าใจ
คอยอยู่ ใกล้ ๆ และมีเวลาให้คนที่ฉันรัก ชอบเสมอ
ฉันเตรียมพร้อมเสมอ

ความรักระยะแรกมักเดินไปได้สวย
เหมือนรถแล่นอยู่ในเลน
เปลี่ยน น้ำมันเครื่อง ตรวจลมยาง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันกลับมองข้ามเรื่องง่าย ๆ
เช็กเบรก ตรวจและบำรุงรถ เท่าที่ฉันจะทำได้
ไม่ใส่ใจในรายละเอียด เล็กน้อย
แต่เมื่อคิดว่าตัวเองขับรถเป็นแล้ว
ก็ปล่อยให้ความรักเกิด แผลเป็น
บางครั้งฉันปล่อยให้
ประมาท และประสบอุบัติเหตุง่ายขึ้น
แผล เป็นความรักเรื้อรัง รักษาไม่หาย

ที่เปรียบความรักเหมือนการขับรถ เพราะอยากเตือนทุกคนให้ระวัง
"เราไม่ชนเขา เขาก็ชนเรา"
หากขับรถ ก็ควบคุมให้รถยับเยินน้อยที่สุด
และทำให้เราเจ็บตัวน้อย ที่สุด
หากมีความรัก คงต้องควบคุมตัวเราให้ช้ำน้อยที่สุด
อุบัติเหตุ ความรักเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครอยากให้เกิด
เพราะเมื่อ รัก ชอบ ใครแล้ว
หัวใจจะถูกแบ่งที่ว่างให้เขาคนนั้นเข้าไปนั่งประจำที่

หากความรักสะดุด และต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่ที่เดิม ที่เราเคยอยู่ เขาก็ไม่สามารถแบ่งให้ใครได้
ที่ที่เดิม ที่เขาเคยอยู่ เราก็ไม่สามารถให้ใครมานั่งแทนที่ได้
" หัวใจมันจะมีที่ว่าง ที่ไม่มีใครมาแทนที่ใครได้"

" รถที่เคยถูกชนมาแล้ว ไม่ว่าชนหนัก ชนเบา
ก็ไม่มีอู่ ไหนซ่อมให้เหมือนเดิมได้ "

-ขอขอบคุณ darayaki

ทำไมต้องทะเลาะกันทุกวัน

ทำไมต้องทะเลาะกันทุกวัน

เรื่องผัวๆ เมียๆ ยอดฮิต คงหนีไม่พ้นเรื่องทะเลาะกัน เช้า-เย็น จนถึงขั้นลงไม้ลงมือ คนโบราณเลยเปรียบเทียบคู่สามี-ภรรยา ดัง “ลิ้นกับฟัน”

ความ ใกล้ชิดผูกพันมีทั้งข้อดี คือ ทำให้เข้าใจอุปนิสัยของแต่ละฝ่าย ช่วยเหลือเกื้อกูลอุปถัมภ์ค้ำจุน แต่ก็มีข้อเสีย คือ ทำให้ละเลยการถนอมน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่ง

เมื่อมีเหตุให้ต้องทะเลาะกัน ลองวิธีนี้อาจได้ผล

ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่ทะเลาะด้วย หรือพูดง่ายๆ มีสติตั้งมั่นตั้งค่ายให้แข็งแรง อย่าให้อารมณ์โกรธปะทุออกไปได้ ต้องนิ่ง อดทนต่อคำเสียดสีต่อว่า

ใช้ปัญญาวิเคราะห์แจกแจงว่าอีกฝ่ายโกรธด้วยเหตุผลกลใด เพราะบ่อยครั้งที่โกรธก็มาจากเหตุ “เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง” คือ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือ “ตีความผิด” หรือ “เข้าใจผิด” การค้นหาสาเหตุจะทำให้เราเอาใจเขามาใส่ใจเรา และพยายามทำความเข้าใจกับความไม่พอใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่า ควรเอามาเป็น “เรื่อง” หรือไม่

ประเมินสถานการณ์ว่า จะพูดจาหารือกันได้หรือไม่ ถ้าได้ก็เอ่ยขอเลยว่า ขอเวลาสัก 2-3 นาที ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อทำความเข้าใจ และขอให้ฟังให้จบก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดอะไร ที่สำคัญหลีกเลี่ยงการต่อว่าให้ร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง

เปลี่ยนวิธีการหารือใหม่ หากพิจารณาสถานการณ์แล้วพบว่า อารมณ์ไม่เอื้ออำนวย พูดอย่างไรก็ไม่ได้ผล อาจกลายเป็นการ “ต่อความยาว สาวความยึด” ให้เปลี่ยนเป็น “เขียนให้อ่าน” แทน “คำพูดจา” เพราะการเขียนจะทำให้อธิบายได้ครบถ้วน ไม่หลุดประเด็น และการอ่านจะทำให้ผู้อ่านมีสติไตร่ตรองรอบคอบมากขึ้น

ทอดอารมณ์เพื่อจะได้มีเวลาคิด เมื่อ อีกฝ่ายได้อ่านแล้ว ทิ้งช่วงเวลาสักวันครึ่งวันเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีเวลาทบทวนขบคิดและอารมณ์ โกรธเบาบางลง เมื่อดูท่าทีอ่อนลงแล้วค่อยขอพูดคุยด้วยจิตไมตรี หลีกเลี่ยงการต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่ง เน้นคำ “ขอโทษ” ถ้าหากทำให้เข้าใจผิด ใช้ความอ่อนน้อสอบความแข็ง ใช้เมตตานำทางฝ่าคลื่นมรสุม

ปิดท้ายด้วยการเชิญชวนทำกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ อาทิ ดูหนัง รับประทานอาหารกันนอกบ้าน ชอปปิ้งท่องเที่ยว ไปทำบุญ เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศและสร้างความใกล้ชิด หรือแม้แต่ “กิจกรรมพิเศษ” ตามประสาคู่ผัวตัวเมียก็ยิ่งดี เพราะถือเป็นการต่อท่อโดยตรงตามคำโบราณ “จิตประสานกายสัมพันธ์”
First Magazine

เสน่ห์ที่ผู้ชายมองหา ไม่ได้อยู่แค่หน้าตาของผู้หญิง

เสน่ห์ที่ผู้ชายมองหา ไม่ได้อยู่แค่หน้าตาของผู้หญิง

ความรัก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
เชื่อไหมว่า...ร้อยทั้งร้อยของผู้ชายถูกใจสาว ๆ ในแวบแรกจากรูปลักษณ์ภายนอก อย่างเสื้อผ้า ใบหน้า และทรงผม ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คุณสาว ๆ พยายามปรุงแต่งตังเองให้ดูดีเสมออยู่แล้ว แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญไม่แพ้เรื่องรูปร่างหน้าตา (อาจจะสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำนะ) เป็นสิ่งที่คุณผู้ชายเขาแอบสังเกต และเป็นตัวชี้วัดได้ด้วยว่าสาวคนนี้สวย "จริง" หรือไม่ จะมีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันดีกว่าค่ะ
ท่วงท่าการเดิน
ท่วงท่าการเดินเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณผู้ชายชอบมอง โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่เขาเดินอยู่ข้างหลังคุณ หนุ่ม ๆ หลายคนแอบกระซิบมาว่าชอบดูเวลาผู้หญิงใส่ส้นสูงแล้วเดินได้อย่างสง่ามั่นใจ มองเพลินจนเธอเดินลับสายตาไปเลยล่ะ
น้ำเสียงการพูดจา
เสียงหวาน ๆ ที่เจี้ยวแจ้วก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ผู้หญิงได้ไม่น้อย ผู้ชายชอบผู้หญิงที่ไม่จีบปากจีบคอหรือว่าบีบเสียงให้ดูน่ารักเวลาพูด พูดด้วยเสียงของคุณเอง ไม่ดังเกินไม่เบาเกิน และไม่กระชากเสียงด้วยนะคะ
ความฉลาดเฉลียว
ผู้หญิงที่สวยด้วยความคิด พูดจาฉลาดเฉลียวน่าฟัง ไม่ตามน้ำเป็นตัวของตัวเอง อย่างนี้สิเค้าเรียกว่าสวยด้วยสมองของจริง!
ความสามารถในการสื่อสาร
ต่อให้หน้าตาสะสวยขนาดไหน แต่ถ้าพูดจาวกวนเข้าใจยากก็ทำให้เสน่ห์ของผู้หญิงลดลงไปได้กว่าครึ่ง ผู้ชายปลื้มสาวที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวยาก ๆ หรือเรื่องความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนออกมาได้เข้าใจง่ายและน่าฟัง เจอผู้หญิงแบบนี้เมื่อไหร่ เธอพูดอะไรมาเขาก็ตั้งใจฟังหมดแหละ
ผู้หญิงเต้นสวย
ไปเที่ยวด้วยกันแล้วมีช่วงเวลา แดนซ์ ออน เดอะ ฟลอร์ เมื่อไหร่ คุณผู้ชายแทบทุกรายจะแอบเก็บรายละเอียด ว่าท่วงท่าการเต้นของคุณเป็นอย่างไร ผู้ชายชอบผู้หญิงเต้นสวยนะ ขอแบบไม่เยอะ ไม่เว่อร์ ไม่ยั่ว (..มาก ยั่วเล็กน้อยแต่พองามถือว่าผ่าน) เห็นแล้วอยากไปเต้นด้วยจัง
รักการผจญภัย ไปไหนไปกัน
หนุ่ม ๆ ส่วนใหญ่มักเป็นคนประเภทเอาท์โกอิ้ง ไปไหนไปกันอยู่แล้ว หากเจอผู้หญิงแนวลุย ๆ หน่อย ไม่ห่วงสวยจนเว่อร์ เขาจะปลื้มนักล่ะ
ผู้หญิงขี้เขิน
เขินบ้างขวยบ้างแต่พองาม ยิ่งเวลาอยู่กันสองต่อสองหากสาว ๆ ออกอาการประหม่าให้เห็นบ้าง หนุ่ม ๆ เขาจะรู้สึกว่าสาวคนนี้น่ารักน่าทะนุถนอมจัง
ผู้หญิงกับเสียงหัวเราะ
ผู้ชายนั้นบางครั้งแค่ได้ยินเสียงหัวเราะของสาว ๆ โดยที่ยังไม่เห็นหน้า เขาก็รู้สึกได้แล้วว่าเธอคนนี้ช่างมีเสน่ห์จริง ๆ หนุ่ม ๆ เองเขาก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่าเสียงหัวเราะมันทำให้ผู้หญิงดูเซ็กซี่ขึ้นมาได้จริง ๆ นะ
กลิ่นกายของสาว ๆ
ข้อนี้ไม่ได้แจงว่าคุณจะต้องใช้น้ำหอมกลิ่นไหนให้ถูกใจคุณผู้ชาย มันอาจจะเป็นกลิ่นตัวของคุณที่หอมสะอาด ๆ เหมือนเพิ่งอาบน้ำ กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หนุ่ม ๆ เขาบอกมาว่าเวลาที่เข้าไปกระซิบใกล้ ๆ แล้วได้กลิ่นหอม ๆ กรุ่นมาจากซอกคอแล้วรู้สึกอยากจะสวมกอดแล้วสูดกลิ่นให้ชื่นใจจริง ๆ
อื้อหือ...เรื่องเสน่ห์นี่เป็นอะไรที่มากกว่าแค่รูปร่างหน้าตาจริง ๆ นะเนี่ย อย่างนี้นี่เองที่เคยได้ยินหนุ่ม ๆ หลายคนบอกว่า ชอบผู้หญิงมีเสน่ห์มากกว่าผู้หญิงสวยน่ะ โอเค...รู้อย่างนี้แล้วจะลองกลับไปทำตัวให้มีเสน่ห์ดูบ้างนะคุณผู้หญิง :P

http://albumvote.postjung.com/itf59.html

9 สมุนไพรเพื่อผู้หญิง

9 สมุนไพรเพื่อผู้หญิง

เพราะผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นของคู่กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ความสวยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความสวยเฉพาะภายนอกนะคะ ต้องสวยทั้งภายในและภายนอกนี่สิ ถึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบจริง

เพราะผู้หญิงไม่เหมือนกับผู้ชาย ไม่มีต่อมลูกหมากให้อักเสบ ไม่ต้องทรมานใจจากศีรษะล้าน แต่ก็ใช่ว่าผู้หญิงจะไมมีปัญหาอะไรเลย อย่างเรื่องของวัยทองยังไงล่ะคะ ทั้งอาการร้อนวูบวาบ ปวดศีรษะ ฯลฯ แต่โชคดีที่อย่างน้อยเราสามารถเยียวยาอาการดังกล่าวได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งสมุนไพร 9 ชนิดนี้จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น
1. Black Cohosh - สำหรับผู้หญิงที่มีอาการร้อนวูบวาบ และเหงื่อออกตอนกลางคืน
จากงานวิจัยล่าสุดพบว่า สมุนไพรชนิดนี้สามารถช่วยลดอาการร้อนวูบวาบ และอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนของหญิงวัยทองได้ดี เชื่อกันว่าการออกฤทธิ์ของสารใน Black Cohosh คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย
2. Chaste Tree Berry - สำหรับอาการปวดประจำเดือน
ผู้หญิงที่ได้เข้าร่วมทดลองกิน Chaste Tree Berry กว่า 52% ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาการระคายเคือง หงุดหงิดง่าย และปวดศีรษะในช่วงก่อนมีประจำเดือนหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้กิน Chaste Tree Berry นอกจากนี้ สมุนไพรดังกล่าวยังช่วยให้รอบเดือนมาเป็นปกติอีกด้วย
3. Cranberry - สำหรับการป้องกันการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ
หลายคนคงคุ้นชื่อสมุนไพรชนิดนี้เป็นอย่างดี แครนเบอร์รี่มีผลยับยั้งการยึดเกาะของเชื้อโรคกับผนังทางเดินปัสสาวะและ กระเพาะปัสสาวะ จึงป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ แต่สำหรับผู้ที่เป็นแผลในทางเดินอาหารไม่ควรรับประทานนะคะ เนื่องจากแครนเบอร์รี่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
4. Dong Quai - สำหรับสุขภาพโดยรวม
อีกหนึ่งสมุนไพรที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นโสมสำหรับผู้หญิง เพราะตังกุยช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีรอบเดือนเป็นปกติ และคลายกังวลได้ดี เนื่องจากมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนอ่อนๆ
ชาวจีนโบราณนิยมใช้ตังกุยในการเพิ่มธาตุหยินให้ร่างกายอีกด้วย
5. Flaxseed - สำหรับสุขภาพของหัวใจ
Flaxseed อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นชนิด omega3 ที่ ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งการลดลงของระดับคอเลสเตอรอลนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้
6. Feverfew - สำหรับการปวดศีรษะ
Feverfew สามารถ ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการปวดศีรษะ ลดความถี่ของการปวดศีรษะ และลดอาการอักเสบที่เกี่ยวกับการหดตัวของหลอดเลือดได้ แต่คุณผู้หญิงที่กำลังตังครรภ์และผู้ที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดไม่ ควรกิน Feverfew นะคะ
7.Turmeric – ป้องกันการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
ขมิ้นมีสาระสำคัญคือ Curcuminoids ซึ่ง เป็นสารต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ขมิ้นกำลังเป็นที่นิยมและประสบความสำเร็จในการเป็นยารักษามะเร็ง เนื่องจากสามารถป้องกันการแบ่งตัวของมะเร็งได้
8.Green Tea - ต้านมะเร็ง
จากวิจัยพบว่า ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านมะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ เพราะสาร Epigallocatechin gallate (EGCG) จะ ไปขัดขวางการเจริญเติบโตของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ทั้งยังจะไปจับกับโปรตีนบางชนิดในเซลล์ปกติเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนเป็นเซลล์ มะเร็ง
9.Ginger - ระงับอาการคลื่นไส้
สำหรับผู้หญิงที่มีอาการคลื่นไส้ระหว่าง ตั้งครรภ์ ขิงเป็นสมุนไพรที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เป็น อย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถช่วยระงับอาการคลื่นไส้เนื่องจากเมารถ หรือจากการได้รับยาต้านมะเร็งได้อีกด้วยขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก นิตยสารเปรียว

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

เทคนิคการเข้าหาผู้ชายแบบเนียนๆ

เทคนิคการเข้าหาผู้ชายแบบเนียนๆ

วันนี้จะพาคุณผู้หญิงที่ยังโสดทั้งหลายไปจีบผู้ชายกัน อ๊ะ..อ๊ะ…แค่จีบนะคะยังไม่ได้ให้รีบร้อนเอามาเป็นแฟนอย่าใจร้อนกันนะ 55555+ เพราะการที่เราเจอผู้ชายในสเปกและทำให้เค้ารู้จักเราแล้วยังต้องดูอีกว่าเค้ามีแฟนหรือภรรยาแล้วหรือยัง ไม่งั้นอาจเกิดเป็นโศกนาฎกรรมเกี่ยวกับความรักขึ้นมาทีหลังได้ เทคนิคเล็กๆน้อยๆในการที่จะให้ผู้ชายที่เราหมายตาได้รู้ว่าเรามีตัวตน มันก็ไม่ยากเพียงแต่ทำให้เนียนเป็นธรรมชาติหน่อยนะคะจะได้ไม่ดูเป็นการอ่อยจนเกินงาม

ถ้าคุณไปเจอผู้ชายในสเปกที่ร้านขายหนังสือ ดูสักพักว่าเขาสนใจหนังสืออะไรอยู่ พยายามทำทีเหมือนเรากำลังหาหนังสือประเภทนั้นๆเหมือนกัน เมื่อเข้าใกล้เป้าหมายพอสมควรถ้าเห็นเขากำลังเอื้อมมือจะหยิบหนังสือให้คุณทำแบบเดียวกันโดยให้มือเราไปกระทบโดนเค้าแล้วหันไปเอ่ยปาก”ขอโทษค่ะ” ด้วยเสียงนุ่มๆพร้อมทั้งยิ้มแต่พองาม แล้วลองชนเค้าคุยเกี่ยวกับหนังสือที่เค้าและคุณกำลังสนใจเหมือนกัน และอาจจะเลยเฉไฉถามไปว่าเค้าทำงานอยู่แถวนี้รึเปล่า เริ่มต้นได้ก็คุยไปถึงเรื่องอื่นๆได้โดยที่พยายามจับจุดให้ได้ว่าเค้าสนใจอะไรบ้างที่เหลือก็แล้วแต่คุณแล้วค่ะจะทำให้เค้าอยากรู้จักคุณมากขึ้นกว่านี้ได้หรือเปล่า อ้อ…..คุณต้องมั่นใจว่าเสื้อผ้าหน้าผมของคุณต้องดูดีด้วยนะถ้าเป็นยายเพิ้งละคงไม่มีใครอยากสานสัมพันธ์กับคุณแน่ๆ และอย่าทำท่าให้เค้ารู้ว่าคุณอยากรู้จักเค้ามากแค่ไหนเป็นอันขาด ทำให้เค้ารู้สึกว่าที่คุณคุยกับเค้าเพราะเหมือนเจอเพื่อนที่สนใจและคุยถูกคอในเรื่องเดียวกัน ถ้าเค้าสนใจคุณเค้าจะเป็นฝ่ายรุกเอง

ถ้าคุณผู้หญิงท่านอื่นๆไปเจอเค้าที่คุณถูกใจในที่อื่นๆก็พยายามทำแบบเดียวกับข้อที่เจอในร้านหนังสือ การที่คุณแสดงให้เค้าเห็นว่ากำลังสนใจในสิ่งเดียวกันเป็นการดึงดูดความสนใจจากเค้าได้อย่างดีทางนึง การพูดจาอ่อนหวานและคุยแบบสบายๆเป็นเสน่ห์อีกข้อของผู้หญิงเราค่ะ อย่าเอาแต่ตั้งคำถามเพียงอย่างเดียวในเรื่องที่คุยกับเค้าคุณควรจะโต้ตอบออกความเห็นบ้างนะคะ การเริ่มต้นนำพาไปสู่มิตรภาพและอะไรๆอีกมากมาย แต่ยังไงก็อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจนะคะว่าเค้าที่คุณหมายตาไว้ยังโสดสนิทจริงๆ ใช้เวลาในการคบหาให้นานหน่อยจะดีกว่ารีบร้อนแบบรวบรัดนะคะ เทคนิคเล็กๆสำหรับวันนี้ค่ะลองทำดูนะคะ

นางมารพิฆาตผู้ชาย

7สิ่งที่ทำให้หญิงเบื่อชาย

379_image7สิ่งที่ทำให้หญิงเบื่อชาย

1. ต่อมรับรู้อารมณ์ "เสื่อม"
ผู้ชายชอบยึดมั่นว่า ตัวเองนั้นเป็นเพศที่ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์ จึงเห็นว่า การแสดงอารมณ์ของผู้หญิงไม่ว่า จะเป็นอาการน้อยใจ หึง โกรธ คิดมากนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ จึงทำตัวเฉยเสีย ไม่สนใจ คิดไปเองว่า เป็นได้ ก็หายเอง ... อ้าว ! คุณคะ ถ้าเค้าไม่รักคุณ เค้าจะน้อยใจ จะหึง จะโกรธคุณเหรอคะ ... ระวังนะคะ ถ้าแฟนสาวของคุณเริ่มมีอาการ เฉยๆ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ยิ้ม รับง่าย ๆ ไม่ว่าคุณจะไปทางไหนล่ะก้อ ขอให้รับทราบได้เลยว่า เจ้าหล่อนหมดรักคุณไปเรียบร้อยแล้วค่ะ
2. ต่อมเสมอต้นเสมอปลาย "วาย"

ตอนจีบใหม่ ๆ เอาใจสารพัด เช้าถึง เย็นถึง จะทำอะไร จะไปไหนเนี่ย "อย่าลืมทานข้าวนะจ๊ะ" ... "อย่านอนดึกนะจ๊ะ" ... จะหันไปทางไหน ตามพันแข้งพันขา เรียกได้ว่า เป็นช่วงทองของคุณผู้หญิงเลยนะคะ เพราะหลังจากที่คุณตกลงปลงใจกับพ่อหนุ่มตัวดีเรียบร้อยแล้ว ขอให้พึงสังวรได้เลยว่า จะไม่ได้รับการปฏิบัติหรือ เอาใจเยี่ยงนี้อีกแล้ว เพราะต่อมความเสมอต้นเสมอปลายของพ่อตัวดีนั้น วาย ไปซะแล้ว
3. เริ่มแสวงหา "งู" มาเป็นสัตว์เลี้ยง

ก็เข้าใจนะคะว่า อาการเจ้าชู้ กับ ผู้ชายน่ะเป็นของคู่กัน แหม ... อยากให้เราปลง ทีเราหึง ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้หญิง ก็มาว่าเราไร้สาระ ... อดไม่ได้หรอกค่ะ ช่วงเดือนแรก ไปไหนมาไหน กินอะไร นั่งมองแต่เรา จนเราเขิลลลล ... แต่นาน ๆ ไปชัก สอดส่ายสายตาไปทั่ว ถ้าไม่เรียกให้รู้สึกตัว ก็มองตามไปนู่น แม่สาวสายเดี่ยวที่เพิ่งเดินสวนกันไป นี่มันอะไรกันจ๊ะ ไหนว่าไม่อยากให้หึง แล้วทำตัวหัวงูทำไม ?
4. ต่อมวิเคระห์เหตุผล ผิดปกติ

ไม่รู้ไปฝังหัวความเชื่อกันมาจากไหนกันว่า "ผู้ชายชอบใช้เหตุผล ผู้หญิงชอบใช้อารมณ์" ยันกันได้เลย ดิฉันว่า เหตุผลที่พวกผู้ชายเค้าว่า ก็แค่ เหตุผลที่เค้าคิดขึ้นมาเองมากกว่า ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผู้หญิงซื้อเสื้อผ้า ก็ว่า ... ไร้สาระ อ้าว !! ที่พวกคุณบ้า กอล์ฟ คอมพิวเตอร์ รถกระป๋อง นั้น มีสาระมาก ๆ ล่ะสิคะ คิดว่าคุณผู้หญิงบางท่าน บางครั้งต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องถามตัวเองว่า เอ๋ ?? นี่ชั้นไร้เหตุผล หรือ เค้าไร้สาระกันแน่นะ ทำไมล่ะคะ ต่างตนต่างมีงานอดิเรกที่ชอบ มีสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ การที่คุณจะตีค่าว่า สิ่งที่อีกคนนั้นเป็นสิ่งไร้สาระนั้น ไม่แสดงว่าคุณใจแคบไปหน่อยเหรอคะ ถ้าคุณผู้ชายทั้งหลายคิดว่าตัวเองเป็นเพศที่มีเหตุผลแล้วไซร้ ดิฉันว่าน่าจะลองคิดตริตรอง และเปิดใจกว้างกว่านี้อีกสักนิด .. จะน่ารักมาก ๆ
5. ชอบวางอำนาจ ใจร้อน

สงสัยจะเข้าใจคำว่า "ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง" ผิด ... จึงได้ชอบออกคำสั่ง ผมต้องเป็นผู้นำ สิ่งที่ผมคิดเนี่ย ถูกที่สุดแล้ว !! เอ๋ ?? เข้าใจไรผิดไปเปล่าคะ (O_o) สำนวนข้างต้นเนี่ย มาจากธรรมชาติของช้างที่ว่า เวลาเดิน ช้างจะยกเท้าหลังก่อน แล้วเท้าหน้าจึงก้าว ... ดังนั้นโบราณเค้าหมายความว่า ผู้หญิงน่ะ เป็นผู้นำ เจ้าค่ะ มีอะไรต้องฝังเพศแม่บ้าง เพศหญิงเนี่ย เป็นเพศที่มีความละเอียด รอบคอบ ค่อยคิดค่อยทำ ไม่บ้าเลือด นี่ไงล่ะคะ ผลสำรวจถึงได้ว่า ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย ก็ผู้ชายน่ะใจร้อน บางครั้งเลยเอาปากไปแหย่เท้า ผู้มีอำนาจ เลยซี้ม่องไปซะก่อนวัยอันควร ผู้หญิงเราบางครั้งก็ระอากับ อาการใจร้อน ยอมไม่ได้ของคุณ ๆ เหมือนกันนะคะ ... ขอบอก
6. ลำเอียง เข้าข้างตัวเอง

คิดว่าข้าเก่ง ... ข้าแน่ ... ผู้ชายชอบคิดเข้าข้างว่าตัวเอง เก่ง เจ๋ง ... แหม ไม่อยากจะพูดก็ต้องพูด เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายหลายคนเนี่ย มาจากการมีคู่คิด คู่เคียงที่ดีนะเจ้าคะ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง ก็ไม่อยากจะล้ำหน้า เดี๋ยวจะโดนใบแดงออกจากสนาม ... ก็ได้แต่ เป็นผู้สนับสนุน ปิดทองหลังพระ โดยไม่มีใครรู้ ... จนบางครั้งทำให้พวกหนุ่ม ๆ ลืมตัวไปว่า กว่าจะมีวันนี้ เพราะมีใครคอยช่วยหนุนหลัง คอยเป็นกำลังใจ ข้าได้ดี เพราะข้าเองนี่แหละ อันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ...
สมัยที่ บิล คลินตัน ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อครั้งไปเยี่ยมประชาชนที่รัฐๆ หนึ่ง ขณะนั่งในรถและกำลังเดินทางกลับ ก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ยืนโบกมือให้ และภรรยาของเขา ฮิลลารี่ คลินตัน ได้โบกมือตอบ จึงถามไปว่า
บิล : นั่นใคร ?
ฮิลลารี่ : อ๋อ แฟนเก่าชั้นเอง เค้าเป็นเจ้าของฟาร์ม อยู่ที่นี่
บิล : (หัวเราะ) นี่ถ้าคุณตกลงแต่งงานไปกับเค้า ตอนนี้คุณก็คงได้เป็นแค่ เมียเจ้าของฟาร์มล่ะสิ
ฮิลลารี่ : ไม่หรอก ถ้าชั้นแต่งงานกับเค้า ประเทศเราจะมีประธานาธิบดี ที่อดียเคยเป็นเจ้าของฟาร์มต่างหาก
บิล : !!???!!??!!
ว่ากันว่า ผู้นำหลายคนในโลกนี้ ล้วนประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากมีผู้หญิงเป็นแรงหนุนที่ดี แต่สงสัยว่าบรรดาคุณผู้หญิงเหล่านี้ จะเห็นว่า บรรดาผู้ชายล้วนหลงตัวเอง และไม่เห็นบุญคุณ สมัยนี้เราจึงเห็น ผู้หญิง หลายคนก้าวขึ้นมามีบทบาทในตำแหน่งผู้นำกันเอง ไม่ว่า จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ ผู้นำประเทศก็ตาม
7. ต่อมรัก "เพื่อน" แตก !!

ประการที่ 7 นี้เป็นสิ่งที่คุณผู้หญิงทั้งหลายต่างทราบกันดี ว่าผู้ชายของเรานั้น ล้วนรักเพื่อนมากมายขนาดไหน แล้วจะไม่ให้เราเบื่อได้ไงล่ะคะ ก็นัดเราอยู่ดี ๆ พอเพื่อนโทรมา กลับเลื่อนนัดเราซะได้ หรือไม่เวลาเราชวนไปไหน บอกไม่ว่างร่ำไป แต่พอเพื่อนโทรมากริ๊งเดียว ถึงกับแล่นออกไปในทันที ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ขนาดนี้ ทีหลังก็ให้เพื่อนนั่นแหละค่ะ มาพัดมาวี มาเอาอกเอาใจแทนแล้วกัน แหม ... พูดแล้วหงุดหงิดใจ
เอาแค่เบาะ ๆ แค่ 7 ข้อแล้วกันนะคะ เพราะเค้าว่าพูดหญิงน่าเบื่อแค่ 7 ข้อ เราก็เบื่อคุณผู้ชายแค่ 7 ข้อ พอหอมปากหอมคอ อย่าเคืองกันแล้วกันนะ...พ่อคุณ ไหน ๆ คุณก็ว่าพวกเราว่า ขี้บ่น อยู่แล้วนี่นา บ่นแค่นี้ก็อย่าถือเลย ถือว่าเป็นแค่อารมณ์เล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งแล้วกันจ๊ะ

คุณประโยชน์ของ ฟ้าทะลายโจร

คุณประโยชน์ของ ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculaga Wall. Ex. Ness

ลักษณะ : ฟ้าทะลายโจร เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ ๗๐ ซม. ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยม ใบมีสีเขียวเข้ม ขนาดกว้าง ๑-๓ ซม. ยาว ๓-๑๒ ซม. รูปร่างเรียวยาว ปลายแหลม ดอกขนาดเล็กสีขาว ด้านในมีกระสีม่วงแดง ฝักแขนคล้ายฝักต้อยติ่ง ทุกส่วนของฟ้าทะลายโจร มีรสขมจัด พืชชนิดนี้เป็นสมุนไพรพื้นเมืองของจีน มานานแล้ว โดยชาวจีนใช้ในการรักษาอาการเจ็บคอ ไข้ทอนซิลอักเสบ และในประเทศอินเดีย ใช้เป็นยาขมเจริญอาหาร รักษาอาการท้องร่วง

ส่วนที่ใช้เป็นยา : ใบ

รสและสรรพคุณยาไทย : รสขมจัด

คุณประโยชน์ด้านการแพทย์ : ใบฟ้าทะลายโจร มีสารกลุ่ม diterpene lactone หลายชนิด ที่สำคัญและมีปริมาณสูง คือ Andrographolide, 14-deoxy-11, 12-didehydro andrographolide, neo-andrographolide and deoxy andrographolide-19-B-D-glucoseฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มีการศึกษาสรรพคุณแล้ว พบว่า สามารถรักษาโรคอุจจาระร่วงและบิดมีเชื้อ ได้ผลใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบัน และฟ้าทะลายโจร ยังสามารถลดอาการไข้ และเจ็บคอในผู้ป่วยได้

การเตรียมยาและการใช้ : เป็นไข้ ใช้ใบสด ๒๕ กรัม หรือ ใบแห้ง ๓ กรัม ต้มนานราว ๑๕ นาที อาการท้องเสีย ใช้ใบสด ๒๕-๗๕ กรัม หรือใบแห้ง ๓-๘ กรัม ต้มน้ำดื่มวันละ ๒ ครั้ง หรือทำเป็นแคปซูลขนาด ๕๐๐ มิลลิกรัม รับประทานครั้งละ ๒ เม็ด วันละ ๔ ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน อาการเจ็บคอ รับประทานแบบแคปซูล เม็ดละ ๕๐๐ มิลลิกรัม ครั้งละ ๒ เม็ด วันละ ๔ ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน

คำเตือน : สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อรุนแรง มีไข้สูง หนาวสั่น ในเด็กเล็กและคนสูงอายุ และผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคหัวใจ ควรใช้อย่างระมัดระวัง บางคนอาจมีอาการแพ้ยา เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย ปวดเอว เวียนหัว ให้หยุดยาแล้วเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น

ขอขอบคุณ

บทความภาพและประกอบ

จาก

http://atcloud.com/stories/85356

10 สัญญาณอันตราย! จับไต๋"ผู้ชายจอมลวง"

10 สัญญาณอันตราย! จับไต๋"ผู้ชายจอมลวง"

เขาเป็นชายหนุ่มที่น่ารักจนเหลือเชื่อ แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่คุณอดคาใจไม่ได้ มีอะไรที่จะบอกถึงความจริงใจของชายหนุ่มได้บ้าง? อย่างแรกสัญชาตญาณของคุณนั่นแหละ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเราต้องฟังและเชื่อความรู้สึกของตัวเอง แต่ถ้ายังไม่แน่ใจเรามีสัญญาณบางอย่างที่บอกได้ว่า เขากำลังจริงใจหรือเปล่า
1. เขาชอบทวนคำถามซ้ำ

เวลาที่คุณถามว่า "คุณทำอะไรเมื่อคืนนี้" แล้วชายหนุ่มของคุณก็ทวนคำถามซ้ำว่า "เอ้อ ผมทำอะไรเมื่อคืนนี้น่ะหรือ" ผู้เชียวชาญบอกว่าผู้ช่ยมักทวนคำถามถ่วงเวลาและคิดหาคำตอบ เพราะความจริงนั้นเขาควรที่จะบอกออกมาได้ทันทีอยู่แล้ว ในอีกกรณีหนึ่งที่เป็นไปได้ก็คือ เขาเอาแต่ถามกลับว่า "อะไรนะครับ" ถ้าเขาไม่หูตึง เขาก็คงกำลังถ่วงเวลาเพื่ออะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน
2. เขาชอบให้คุณเล่าเรื่องของตัวคุณเอง

เขากำลังหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของตัวเองอยู่หรือเปล่า? จงระวังให้ดี ผู้ชายส่วนใหญ่ของพูดเรื่องของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังสร้างความประทับใจอยู่ ถ้าเขาบ่ายเบี่ยงทุกครั้งที่คุณถามบางอย่างเกี่ยวกับเขา มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน
3. หรือไม่ก็พล่ามมากกว่าที่คุณถาม
ในอีกทางหนึ่ง คนที่กำลังโกหกอยู่อาจวิตกจริตกับการไม่ซื่อสัตย์ของตัวเอง จนกระทั่งต้องให้รายละเอียดมากกว่าที่คุณถาม เพื่อที่จะได้ดูเหมือนบริสุทธิ์ใจ
4. เชื่อผมสิ

การป้องกันตัวเองแบบสุด ๆ อาจเป็นการแสดงออกถึงการรับผิดก็ได้ ฉะนั้น ด้วยคำพูดว่า "เชื่อผมสิ" หรือ "ผมพูดจริงนะ" ที่คุณกำลังเจอก็คือ คนที่กำลังทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นจากการโกหกของตัวเอง
5. เขาหลีกเลี่ยงการสบตา
คนโกหกมักมีแนวโน้มไม่มองหน้าคุณเวลาพูด นอกจากนี้ มือไม้ที่อยู่ไม่สุก การเขย่าขา ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของอาการปั่นป่วนใจ ในกรณีที่เพิ่งรู้จักกันสำหรับผู้ชายบางคน นี่อาจเป็นอาการของความอาย แต่มันก็เป็นสัญญาณที่คุณไม่ควรมองข้าม ถ้ามันเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ มันก็คงมีอะไรผิดปกติแน่
6. เขานิ่งผิดปกติ

ในทางตรงกันข้าม เป็นไปได้เช่นกันว่าคนโกหกจะไม่ค่อยขยับแขนขา หรือกระพริบตาน้อยครั้ง การใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อจำให้ได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปแล้ว อาจทำให้คนโกหกต้องจำกัดความเคลื่อนไหวของตัวเอง และมักมีการโน้มน้าวที่จะพูดผิดน้อยกว่าคนที่พูดความจริง เพราะเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเรียบเรียงเรื่องที่เล่านั่นเอง
7. เขาไม่ยอมให้คุณพบเพื่อนของเขา
การพบกับเพื่อน ๆ ของเขาเป็นวิธีหนึ่งที่จะประเมินได้ว่า โลกที่แท้จริงของเขาเป็นยังไงกันแน่ แต่ถ้านานวันผ่านไป และก็ยังบ่ายเบี่ยงที่จะให้คุณได้รู้จักเพื่อนของเขาอยู่ละก็ สัญญาณอันตรายชัด ๆ เลยล่ะ
8. คำพูดกับการกระทำไม่ไปด้วยกันเลย

ลองมองคำพูดปะจำวันของเขาให้ดี ๆ ถ้าเขาบอกว่าจบมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่มาทำงานเป็นช่างทาสี คุณก็คงต้องตรวจสอบกันซะหน่อยแล้วล่ะ เขาอาจเป็นช่างทาสีที่มีการศึกษาดีที่สุดในโลกก็ได้ แต่เขาอาจเป็นอย่างอื่นด้วยก็ได้นะ
9. เขาเตรียมการอย่างดีเสมอ
ถ้าเขาดูเหมือนจะเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไปไหนกันดี กินอะไรดี สิ่งที่คุณเจออาจมากไปกว่าคนชอบโกหก เขาอาจเป็นคนที่มีชีวิตอยู่กับโลกอันจอมปลอม หรือมีปัญหาในการไว้วางใจอย่างรุนแรง คนพวกนี้มักไม่ชอบการเปลี่ยนแผนอย่างปัจจุบันทันด่วน หรือไม่ชอบการทำโดยไม่วางแผน เพราะนั่นอาจทำให้เขาถูกจับได้
10. เขาถูกจับได้ว่าโกหกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

ถ้าคุณพบกับเชขาเพียงไม่กี่ครั้ง แล้วจับได้ว่าเขาโกหกคุณในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เรื่องว่าเขาทำอะไรตอนสุดสัปดาห์ มันก็ถึงเวลาที่จะชิ่งแล้วล่ะ เพราะถ้าโกหกคุณแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ มันก็คงมีอะไรอีกหลายอย่างที่ซ่อนอยู่แน่นอน หรือหากคุณพบกับเขามาพอสมควรแล้ว และพบว่าเขาชอบโกหกคุณในเรื่องที่อาจจะดูไม่ร้ายแรง แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะเลือกคบกันคนที่ไม่ซื่อสัตย์แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อยแบบนั้น ชิ่งเจ้าหนุ่มจอมโกหกซะเถอะ ชีวิตคุณจะดีขึ้นอีกเยอะเลย

ที่มา... Lisa

7 ขั้นตอน "ทำงาน" ไม่เครียด

7 ขั้นตอน "ทำงาน" ไม่เครียด

1. เตรียมพร้อมตั้งแต่ที่บ้าน
นอกจาก นอนหลับให้เต็มอิ่ม วิธีผ่อนคลายง่ายๆคือ ควรเลือก สวมชุดทำงานที่มีเนื้อผ้านุ่มสบาย ไม่รัดแน่น

หรือพอดีตัวจนอึดอัด ยิ่งเป็นเนื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติจะยิ่งดี และควรรับประทานอาหารเช้า

เพราะเป็นมื้อสำคัญที่ช่วยให้สมองทำงานได้ดี
2. สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ ไม่ปล่อยให้โต๊ะรก เพราะเห็นแล้วจะยิ่งทำให้จิตใจเครียด ไม่แจ่มใส พานรู้สึกว่าสะสางอย่างไร

ก็คงไม่เสร็จเสียที นอกจากนี้ควร สร้างบรรยากาศด้วยภาพ เช่น การติดภาพธรรมชาติ หรือภาพคนที่รัก รวมถึงสีที่เห็นแล้วสบายตา

เช่น สีเขียว สีน้ำเงิน สีฟ้า ซึ่งช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น หรือการวางผลไม้สดไว้บนโต๊ะทำงาน ก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น

และลดความเครียดได้อีกวิธีคือ ปลูกต้นไม้ไว้ใกล้ที่ทำงาน เพราะการได้เห็นสีเขียวของต้นไม้ก็ช่วยคลายเครียดได้ดี
3. เตรียมกาย-ใจก่อนทำงาน เริ่มจาก
หลับตานิ่งๆ สัก 1 - 2 นาที และสลัดทิ้งภาพที่พบเจอมาตลอดเช้าไม่ว่าจะเป็นสภาพการจราจรที่แน่นขนัด ผู้คนแออัด

หรือเหตุการณ์ไม่สบอารมณ์ใดๆ
หากเป็นไปได้ควรดื่มน้ำผลไม้สักแก้วก่อนเริ่มงาน จะช่วยให้แจ่มใสขึ้น
จัดลำดับงานว่าชิ้นไหนควรทำก่อน-หลัง นอกจากช่วยบริหารเวลา นการทำงานได้ ยังช่วยให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
4. การสร้างมุมมองที่ดีในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น
ต้องทำงานอย่างมีวินัย คิด และแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบโดยยึดหลักเหตุและผล
เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งที่มีโอกาสรู้ล่วงหน้าและไม่คาดคิดมาก่อน
เรียนรู้ที่จะให้อภัยผู้อื่นรวมถึงตัวเอง เพราะไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์
เรียนรู้ที่จะปล่อยวางปัญหาเล็กๆ ที่ยิ่งเก็บมาคิดจะยิ่งเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ
5. วิธีรับมือกับความเครียด
ในกรณีที่แม้คุณจะพยายามทำตามทุกขั้นตอนข้างต้นมาแล้ว แต่ความเคร่งเครียดบางอย่างที่อาจควบคุมไม่ได้ยังคอยตาม

มากดดันตัวคุณอีก ลองใช้วิธีต่อไปนี้
หยุดสิ่งที่ทำ ให้เครียด แล้วเบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยการฟังเพลง หรืออ่านหนังสืออ่านเล่น
พักสั้นๆ ด้วยการลุกไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำล้างหน้าหรือออกไปยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลาย
จดบันทึกทุกครั้งที่เครียด เพื่อตรวจเช็คความถี่และพิจารณาว่าปัญหาใดที่ทำให้เราเครียดได้บ่อยที่สุด เมื่อรู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยงถูก
หาตัวช่วยในการคิด อาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่รู้จักเราดีหรือคนใกล้ชิดก็ได้ เนื่องจากการเล่าปัญหาจะช่วยให้เรายอมรับเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น
6. หาวันหยุดให้กับตัวเองบ้าง
ถือเป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ เพราะเป็นการชาร์จพลังที่ดีเพื่อจะกลับมาเริ่มงานใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น นอกจากนี้ควร

ให้รางวัลกับชีวิตบ้าง เพราะการให้ของขวัญตัวเองจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความกระตือรือร้นในการทำ งานได้มากขึ้น
7. ทิ้งทุกเรื่องของงานไว้ที่โต๊ะ
และกลับบ้านด้วยใจที่โล่ง ไม่คั่งค้าง และควรระลึกไว้เสมอว่า "เมื่อไรที่จิตใจเครียด ร่างกายก็จะเครียดตาม" และทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น

สาเหตุที่ทำให้คู่รักเลิกกัน

435_imageสาเหตุที่ทำให้คู่รักเลิกกัน

ทำตัวเป็นเจ้าของมากเกินไป : ไปไหนไปด้วย ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ โดยไม่ให้เขามีเวลา ส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว ก็อาจเป็นปัญหาได้เหมือนกัน

หึงแบบไร้ขีดจำกัด : คงจะห้ามกันได้ยาก เรื่องความหึง แต่ต้องมีลิมิตกันบ้าง

บอกเลิกทุกครั้งที่ทะเลาะ : วิธีนี้จะใช้ได้ผลในช่วงแรกเท่านั้น แต่หลัง ๆ อยากเลิกดีนัก เลิกเลยดีกว่า
เชื่อเพื่อนมากเกินไป : บางครั้งเพื่อนก็ไม่อยากให้คุณมีแฟน ก็เลยคิดแทนคุณไปหมด ว่าแฟนคุณดีพอ สำหรับคุณหรือเปล่า

โกรธแล้วไม่พูดด้วย : เรื่องที่โกรธอาจมาจากความเข้าใจผิด แล้วไม่พูดกัน ก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้

นัดแล้วไม่เป็นนัด : การเลื่อนนัด ประเภท เลื่อนแล้วเลื่อนอีก รอบ่อย ๆ เขาก็อาจจะเลิกรอ

โกหก : บางคนโกหกเป็นนิสัย ทั้งที่บางทีไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายเข้าใจก็คงไม่เป็นไร แต่ขอบอกว่าเรื่องอย่างนี้ น้อยคนนัก ถึงจะยอมเข้าใจ

อ่านแล้ว ก็ปฏิบัติตัวให้ดีๆ จะได้ไม่ถูกใครบอกเลิกได้

เครดิต:kapook.com

คนเจ้าชู้มากรัก...รู้จักไว้บ้างก็ดี !!

คนเจ้าชู้มากรัก...รู้จักไว้บ้างก็ดี !!

มีคนจำนวนมากไม่ว่าทั้งชายและหญิงมักประสบปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตคู่

ต้องอยู่ด้วยความหวาดผวาและหวาดระแวงว่าคู่ของตนจะนอกใจอยู่ร่ำไป

ส่วนใหญ่ไม่รู้จักวิธีแก้ปัญหา และมักจะลงเอยคล้ายๆ กัน เช่น การใช้ความรุนแรง ทะเลาะเบาะแว้ง

สุดท้ายจบลงด้วยน้ำตาแห่งความผิดหวัง...
คนมากรัก...กับคนเจ้าชู้
ความจริงแล้ว ความหมายของ 2 คำนี้ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร คนที่เคยมีประสบการณ์จะรู้ว่า...

มีคำเรียกคนเจ้าชู้อีกหลายคำ เช่น “หลายใจ” “มากรัก” หรืออาจแย่ไปถึงคำว่า “สำส่อน” ก็ได้

ซึ่งล้วนหมายถึงคนที่ชอบหว่านเสน่ห์ คาดหวังกับการได้รับการชื่นชมกลับมาด้วยวิธีการต่างๆ ของตนเอง

มักจะอ้างแบบข้างๆ คูๆ ว่าหลงรักคนโน้น คนนี้เข้าแล้ว ประมาณว่าแจกรักไปทั่ว ซึ่งคำว่า “รัก” ที่คนเหล่านี้มีมากมาย

เผื่อแจกคนอื่นนั้น เป็นเพียงความรักจอมปลอมมากกว่า เป็นคำอ้างเพื่อหวังจะได้ความสุขหรือความพึงพอใจของตนเอง

หาใช่เป็นการมอบความรักหรือความสุขให้แก่คนอื่นด้วยความ จริงใจไม่ !!
ทำไมคนจึงเจ้าชู้มากรัก?
คนเจ้าชู้ หรือคนที่ไม่รู้จักพอในเรื่องความรักไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โดยทั่วไปเรามักจะโยนความไม่ดีตรงนี้

ไปให้ฝ่ายชายทั้งที่ความจริงแล้วหญิงเจ้าชู้มากรักก็มีไม่น้อย คนเหล่านี้เป็นคนที่ต้องการความรักจากคนจำนวนมาก

มีคู่คนเดียวไม่พอหรืออย่างไร? เป็นประเด็นที่น่าขบคิดและน่าทำความเข้าใจ

คงไม่ใช่เจ้าชู้เพราะทำตามค่านิยมของสังคมอย่างเดียว หากแต่มีสาเหตุทางจิตวิทยาด้วยว่า

ความรู้สึกแบบนี้มันมีที่มาอย่างไร ตัวอย่างเช่น
• เกิดและเติบโตมาในสิ่งแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ มีคนในครอบครัวทำให้เห็นเป็นตัวอย่างเป็นประจำ

แม้ว่าตอนเด็กๆ อาจจะไม่ชอบหรือรังเกียจพฤติกรรมนี้ แต่เมื่อโตขึ้นกลับทำตามเพราะเกิดการเรียนรู้

และเปลี่ยนการรับรู้ใหม่ว่าใครๆ เขาก็ทำกันไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด จนในที่สุดก็มองพฤติกรรมเจ้าชู้มากรัก

เป็นเรื่องธรรมดา ลักษณะแบบนี้พบได้บ่อยในครอบครัวที่พ่อหรือแม่เป็นคนเจ้าชู้ หรือสำส่อน ขาดระเบียบวินัยในครอบครัว

ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีปัญหาซับซ้อน บางครอบครัวที่พ่อหรือแม่แสดงพฤติกรรมเหล่านี้ก็มักเป็นครอบครัวที่

ขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ขาดคุณธรรม เห็นแก่ตัว และมีความมักมากในกามคุณ
• มองความเจ้าชู้มากรักเป็นเรื่องธรรมดาๆ ด้วยเหตุผลว่าเป็นค่านิยมที่ใครๆ ก็ทำกัน สร้างความกระชุ่มกระชวยหัวใจ

จึงทำซ้ำๆ บ่อยๆ จนในที่สุดเมื่อเจอสถานการณ์หรือคนมากระตุ้นก็อดใจไม่ไหว มีการตอบสนอง

และมองว่าถ้าไม่ได้ทำคงไม่สบายใจ เหมือนคนที่มีความต้องการทางเพศซึ่งมักคิดว่าต้องได้รับการตอบสนองทันท่วงที

จึงทำบ่อยจนเคยชิน พบมากในกลุ่มคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กันมาคบหาสมาคมกัน ใช้ชีวิตเสเพลแบบเดียวกัน
• เป็นคนใจอ่อน ชอบสงสารผู้อื่น (แม้จะไม่สร้างสรรค์ก็ตาม) อยากให้เขาสมหวังมากกว่าผิดหวัง

ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อมีคนมาหลงรักหรือชอบ จนอาจไม่สามารถแยกแยะระหว่าง “การให้” คือการช่วยเหลือแบบไม่หวัง

สิ่งตอบแทน กับการต้องยอมตามความต้องการของคนอื่นและตนเอง ในที่สุดจึงนำไปสู่การนอกใจคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า

โดยทั่วไปคนแบบนี้มักถูกเลี้ยงมาในครอบครัวที่ทำให้ไม่กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และเมื่อมีปัญหาก็ใช้วิธีหลีกหนีปัญหาหรือ

เฉไฉไปเรื่อย จนสุดท้ายปัญหาคาราคาซังไม่ได้รับการแก้ไข
• ปัญหาทางด้านสุขภาพจิต ข้อนี้น่าจะสำคัญที่สุด เพราะถือว่าเป็นต้นตอของพฤติกรรมมากรักหรือเจ้าชู้ เช่น

ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง รอคอยการยอมรับจากคนอื่น ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะดีพอ และมักมองว่าการที่ตัวเองดีพอ

หรือไม่ขึ้นอยู่กับการที่มีคนมาสนใจหรือให้ความสำคัญกับตนเองเท่านั้น วิธีการพิสูจน์ตัวเองที่คนประเภทนี้คิดว่าดี

ก็คือการทำอย่างไรให้เห็นว่าตนเองมีค่า ด้วยการหว่านเสน่ห์ไปเรื่อยๆ เช็คเรตติ้งว่ามีใครมาสนใจหรือไม่

จนในที่สุดกลายเป็นคนที่มีแฟนหรือมีกิ๊กเต็มไปหมด ปัญหาก็อาจจะยุ่งเหยิงอีรุงตุงนัง ยิ่งแก้ยิ่งพันกันมั่ว
• สาเหตุทางจิตใจอีกอย่างหนึ่งที่พบบ่อย คือ เคยมีประสบการณ์ทางเพศที่ไม่ดี และเก็บสะสมเรื่องเหล่านี้

ไว้ในใจ เช่น เคยถูกลวนลามทางเพศ โดยสถานการณ์ตอนนั้นทำให้ทุกข์ทรมานใจไม่สามารถแก้ไขได้

มักมองตนเองเป็นคนผิดที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ การมีเพศสัมพันธ์สำส่อน เปลี่ยนคู่บ่อยๆ

จึงทำให้รู้สึกว่าตนอยู่เหนือคนอื่นๆ ที่เข้ามาในชีวิต ทดแทนปมด้อยในอดีต อยากให้ตนเองมีอำนาจควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง

โดยเฉพาะเรื่องที่ตนเองเคยทำไม่ได้ เป็นการย้ายความโกรธจากสถานการณ์หนึ่งในอดีตมาแก้แค้นผ่านคนอื่นหลายๆ คน

(ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับในอดีตเลย) ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นกลไกทางจิตที่ไม่เหมาะสม

ต่อกรกับคนเจ้าชู้อย่างไรดี?
..... วิธีการที่ดีที่สุดในการรับมือกับคนเหล่านี้ คือ ....


• ค่อยๆ ทบทวนว่ามีสาเหตุมาจากที่กล่าวข้างต้นหรือไม่
ถ้าใช่ก็ควรแก้ไขให้ตรงสาเหตุ

ดีกว่าใช้อารมณ์ เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง หรือใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา
• ไม่สนับสนุนให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ในครอบครัวหรือชีวิตคู่ แม้กระทั่งในสังคม เช่น สมาชิกในครอบครัว

ควรแสดงท่าทีให้ชัดเจนว่าไม่ยอมรับพฤติกรรมเจ้าชู้ รวมถึงสื่อต่างๆ ไม่ควรนำเสนอเรื่องราวของคนเจ้าชู้ว่าเป็น

ความเท่ทันสมัยยอมรับได้ หรือเป็นเรื่องตลกขบขันสบายๆ เพราะในความเป็นจริงคนที่เจอปัญหาแบบนี้กับตัวเอง

คงไม่มีวันสบายใจได้เป็นแน่
• วิธีการที่ดีที่สุด คือ การปรับใจยอมรับคนที่เป็นแบบนี้ และหาทางแก้ไข โดยทำให้คนที่มีพฤติกรรมเจ้าชู้

เหล่านั้นตระหนักถึงปัญหาที่จะตามมา การเพิ่มความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับเขาน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแม้จะไม่ง่ายนัก

อาจปรึกษากับจิตแพทย์ นักจิตวิทยาเพื่อทำจิตบำบัดร่วมด้วย แต่หากพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วคนเหล่านั้นยัง

ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง คนที่เป็นคู่ก็ไม่ควรทนแบกรับความทุกข์ต่อไป การเลิกรากันคงจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
• ในกรณีที่การกระทำเกิดจากนิสัยที่เห็นแก่ตัว ขาดศีลธรรมดังที่กล่าวมาข้างต้น มักแก้ไขได้ยากเกินเยียวยา

ใครที่เป็นคู่คนแบบนี้คงต้องกลับมาทบทวนตัวเอง เปลี่ยนที่ตัวเองให้ตัดใจเสียดีกว่าทนอยู่ต่อไป มิเช่นนั้นคงต้องเจอ

กับปัญหาอีกมากมายไม่รู้จบให้เสียสุขภาพจิตอย่างแน่นอน
คนเจ้าชู้อาจจะไม่ใช่คนที่เลวร้าย น่ากลัวเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนที่เป็นแบบนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

มีบางท่านกล่าวว่าโลกนี้อาจจะไม่มีคนเจ้าชู้มากรักก็เป็นได้ มีแต่คนที่มีปัญหาสุขภาพจิตเสียมากกว่า เมื่อเจอคนแบบนี้

หรือคุณเองที่เป็นคนแบบนี้ การกล่าวโทษ การรังเกียจเดียดฉันท์ หรือการใจอ่อนยอมทนอยู่กับคนเหล่านี้

คงไม่ใช่หนทางที่เหมาะสมสักเท่าไร
การทำความเข้าใจ รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเองหรือใครบางคนที่เป็นแบบนี้

จะช่วยให้ยอมรับและให้อภัยได้ อีกทั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเพื่อชีวิตคู่ที่มีความสุขอย่างแท้จริง

มิต้องมานั่งหวาดระแวง หงุดหงิดอารมณ์เสียกับความคาดหวังในผู้อื่นที่มีข้อจำกัดมาก

ซึ่งมักจะลงเอยด้วยความช้ำใจในที่สุด ในเดือนแห่งการส่งเสริมสถาบันครอบครัว

บทความนี้คงช่วยสร้างความเข้าใจและเป็นสื่อประสานความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ

อย่างน้อยการเริ่มรู้จักและเข้าใจคนประเภทนี้คงจะช่วยให้การแก้ปัญหาสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วค่ะ
ที่มา .... Health Today




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons