วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แอบรัก ให้น่าประทับใจ

แอบรัก ให้น่าประทับใจ

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ

ความรู้สึกดีๆ ที่ไม่แพ้ความรู้สึกสมหวังในความรัก อาจเป็น ความรู้สึกช่วงฟักไข่ของการแอบรัก ก็เป็นได้ ระยะที่ความรู้สึกเรายังไม่เตลิดไปไกลจนเกิดการคาดหวัง สร้างความประทับใจวันนี้ จะนำเสนอแง่มุมดีๆ ของการแอบรักและที่พลาดไม่ได้ "แอบรักอย่างไรให้น่าประทับใจ" พบได้ในคอลัมน์บอยส์ครั้งนี้

คุณแอบรักอยู่หรือเปล่า ?
ของแบบนี้บางทีเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวนะ มาเช็คอาการกันดีกว่าหนุ่มๆ ว่าตอนนี้เรารู้สึกแอบรักใครอยู่หรือเปล่า? ลงมาดูตามาภาพด้านล่างเลยครับ

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ

ใครดูภาพด้านบนแล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเองเกินกว่า 5 ข้อ คอลัมน์บอยขอวินิจฉัยว่า คุณกำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักครับ!!!


หนุ่มที่กำลังแอบรักเมื่อเจอสาวที่รู้สึกแอบรัก สิ่งที่เกิดขึ้นทางกายคือ หัวใจเต้นถี่กว่าปกติ สูบฉีดเลือดพุ่งพล่านไปทั่วร่าง จนทำให้หน้าเริ่มมีสีแดง ส่วนมือก็เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง สมองสั่งการไม่เป็นปกติทั้ง การพูดที่ติดขัดและการคิดอะไรไม่ค่อยออก จนบางทีเผลอพูดอะไรเปิ่นๆ ออกมา แล้วก็ชอบหลบสายตาไม่กล้ามอง เพราะมองทีไรมันจะเกิดความรู้สึกเปล่านี้...

ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้นะ ความรู้สึกมันหวั่นไหวหัวใจยังไงบอกไม่ถูก เล่นเอาเสียเขินจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรเลย ความรู้สึกประหลาดนี้เหมือนว่าจะไม่อยากให้มาอยู่ใกล้ๆ แต่พอเขาไปก็แทบจะคิดถึงทันทีตั้งแต่ยังมองเห็นด้านหลัง จนบางทีออกอาการเพ้อเลยทีเดียว


ทำไมแอบรักแล้วมีความสุขจัง ?
นั่นน่ะสิ ทำไมช่วงระยะแรกของการแอบรักเราถึงมีความสุขมากเลยนะ มาหาคำตอบกันครับ

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ

คุณจะมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ
พลังแห่งความรักจะทำให้คุณมีพลังในการทำเรื่องต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ คุณจะพยายามวาดรูปเหมือนทั้งที่วาดรูปไม่เป็นเลย หรือเอาพลังแปลงเป็นการตั้งใจอ่านหนังสือสอบ เป็นช่วงที่ใช้ความรักได้อย่างเป็นประโยชน์จริงๆ

คุณจะอยากมอบสิ่งดีๆ แบบไม่ต้องการอะไรตอบแทน ความรักด้านบวกของความรู้สึกแอบรักยังเป็นพลังงานแบบใช้แล้วไม่หมดไป ไม่ต้องการพลังงานทดแทน หรือตอบกลับมา เราตั้งใจมอบสิ่งดีๆ ให้ไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ แล้วคิดว่า แค่ได้รู้จักหรือเป็นเพื่อนกับเธอก็พอใจแล้ว

คุณจะมีความสุขแล้วยิ้มได้ทั้งวัน
อารมณ์ดีเพราะมีความสุข มันเลยแสดงออกมาทั้งทางหน้าตา การกระทำ และความรู้สึก ช่วงนี้เพื่อนยืมตังค์แล้วไม่คืน ยังยิ้มหวานใส่เลย

มีความหวังแบบไม่คาดหวัง
เมื่อมีความหวังชีวิตย่อมรู้สึกว่ามีค่า ยิ่งเป็นความหวังระดับสูงที่ไม่คาดหวังด้วยแล้ว มันเป็นสุดยอดความหวังที่เกิดขึ้นกับเราไม่กี่ครั้งในชีวิตทีเดียวนะ

การแอบรักแบบแป้กๆ
มีความสุขอยู่ดีๆ ถ้าไม่ควบคุมอะไรบางอย่าง อาจทำให้การแอบรักครั้งนี้ ไม่น่าสดใสอีกต่อไป ความรู้สึกที่มากเกินไป คือ เมื่อเริ่มรู้สึกมากเกินไป สิ่งต่างๆ จะตามเรามาอย่างไม่รู้ตัว ดังนี้

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ

ความคาดหวัง เมื่อก่อนไม่เคยจะหวัง แต่ความรู้สึกที่มากขึ้นเริ่มทำให้เรารู้สึกหวังขึ้นมา ซึ่งเมื่อหวังก็ต้องเสี่ยงกับการผิดหวัง แล้วมันจะกลายเป็นความรู้สึกแง่ลบไปในทันที

ความรู้สึกเป็นเจ้าของ เราเคยปล่อยหัวใจให้โบยบินตามคนที่แอบรักไป แต่มาตอนนี้กลับอยากจับเขามาขังอยู่ในหัวใจของเราคนเดียว ซึ่งในความเป็นจริงคนแอบรักไม่ได้มีสิทธิ์ขนาดนั้น ทำให้เรากลับต้องทุกข์ทรมานกับการแอบรักครั้งนี้

อยากได้สิ่งตอบแทน ความรู้สึก สิ่งของ ความหวังดีต่างๆ ตอนนี้เราอยากได้มันกลับมาบ้างแล้ว อีกครั้งที่คนที่มีสถานะแอบรักไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับ

กดดันจากความรู้สึกคนอื่น บางทีการที่เราเปิดเผยความรู้สึกให้เพื่อนสนิทหรือใครๆ ได้ฟัง จะย้อนมาเป็นตัวกดดันเอง เช่น ถ้าเวลาผ่านมาเนิ่นนานอาจมีคำถามว่า "นานแล้วนะ ยังไม่ทำอะไรอีกหรอ" บางทีมันเป็นแรงกระตุ้น แต่บางทีมันเป็นแรงกดดันให้เราทำอะไรโดยที่ไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ

แอบรักอย่างไรให้น่าประทับใจ
มาถึงบทสรุปสุดท้ายในเรื่องนี้ ที่ใครๆ เฝ้ารออ่านตั้งแต่ด้านบน แล้วพี่มิ้งเพิ่งจะมาเขียนตอนท้าย(เนี่ยนะ!!) ก็ แหม ขออุบท่าไม้ตายเอาไว้ใช้ปิดฉากสวยๆ หน่อย รีบหรือเปล่า งั้นมาอ่านกันเลย

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ

รู้ตัว

อย่าหวัง

ทำอะไรสักอย่าง

สามสเต็บนี้ช่วยให้หนุ่มๆ คอลัมน์บอยส์เด็กดีเป็น "คนแอบรักขั้นเทพ" ได้ เรามาก้าวไปเป็นขั้นเป็นตอนทีละนิดนะครับ

รู้ตัว ก่อนอื่นต้องรู้สถานะแล้วเจียมตัวเองว่า "ไอ้เรามันแค่คนแอบรัก" บริหารจัดการกับความรู้สึกให้ดีๆ ย้อนไปในความรู้สึกในช่วงระยะฝักไข่ของการแอบรัก ตอนที่เรามีความสุขได้ด้วยตัวคนเดียว แล้วอมยิ้มที่ได้แอบมองเธอคนที่แอบรักอยู่ไกลๆ

เมื่อเรารู้สึกถึงสถานะที่แท้จริงของตัวเองแล้ว เราก็จะไม่คาดหวัง ไม่ว่าจะเป็นความสนใจ ความรู้สึกดีๆ สิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่เราได้มอบให้เขาไป

มาถึงตรงนี้ หนุ่มบางคนอาจรู้สึกว่า "อ่าว เฮ่ย อย่างนี้ก็แป้กน่ะสิ" พี่มิ้งไม่บอกให้หนุ่มๆ ยอมแพ้แน่นอน หึๆ แต่ต้องการฝึกความรู้สึกให้นิ่ง ทั้งการที่รู้สถานะตัวเองและการไม่คาดหวังเสียก่อน แล้วค่อยมาถึงสเต็ปที่จะพาเราก้าวไปข้างหน้าด้วยการทำอะไรสักอย่าง จะจีบ จะขอเบอร์โทรศัพท์ แลกพิน บอกความในใจ ทำได้หมด แต่ต้องยอมรับกับผลลัพธ์ที่จะได้ด้วยนะ พี่มิ้งขอแอบให้กำลังใจนิดๆ แล้วกัน ถ้าหนุ่มๆ รู้สึกถึงความไม่คาดหวังเหมือนตอนแรกที่แอบรักได้ มีลุ้นยาวๆ เลยล่ะครับ ส่วนถ้ามันจะแย่อย่างการเจอกับความผิดหวัง คิดให้ได้เหมือนช่วงแรกของบทความนี้ ความรู้สึกดีๆ ที่เราคิดว่าได้รู้จักหรือเป็นเพื่อนเธอก็พอใจแล้ว

ขอให้เป็นนักแอบรักที่ดีนะครับ อย่าได้เอาความรู้สึกดีๆ มาทำให้ใครหรือตัวเองต้องลำบากหรือไม่มีความสุข แม้ความรักจะทำให้คนตาบอด แต่ความรักก็ทำให้เราได้รู้ครับว่า "ใจเราไม่บอด" ฮิ้ววว~

เด็กดีดอทคอม :: แอบรัก ให้น่าประทับใจ




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons