วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฟังเพลง "เสยไหลไอ้หวั่ว" รำลึกชีวิตรักเติ้งลี่จวิน

ราชินีเพลงเติ้ง ลี่จวิน ถือว่าเป็นศิลปินระดับโลกที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานอย่างสูงสุด แต่ในด้านชีวิตด้านความรักกลับตรงกันข้าม ตลอดช่วงชีวิตของเธอไม่เคยมีโอกาสสวมชุดเจ้าสาวที่บรรดาหญิงสาวใฝ่ฝันถึง ทั้งนี้ตลอดช่วงชีวิตของเธอมีความรักที่เด่นๆ อยู่ดังนี้
คนแรกคือ จูเจียน นักธุรกิจผู้เป็นรักแรกของนักร้องสาว จูเจียน เป็นหนุ่มนักธุรกิจที่มีข่าวกับ เติ้ง ลี่จวิน เป็นรายแรก เขามีอาชีพเป็นผู้จัดการไนท์คลับแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ ว่ากันว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังวงการบันเทิงและเป็นผู้ที่คอยประคับประคอง เติ้ง ลี่จวินในช่วงแรกของการเข้าสู่วงการเพลง ทว่าในระหว่างที่คบกันนั้น จูเจียน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินโดยสารตกที่เวียดนาม

ภาพอดีตรักเติ้งลี่จวิน-เฉินหลง

 

 

ซุปเปอร์สตาร์แห่งเอเชีย เฉินหลง เป็นอีกผู้หนึ่งที่เคยมีประวัติพัวพันกับเติ้งลี่จวิน ทั้งสองพบรักกันในช่วงปี ค.ศ. 1979 ขณะที่เติ้ง ลี่จวินไปพำนักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนเฉินหลงเดินทางไปถ่ายหนัง ซึ่งในบรรดาความรักหลายครั้งหลายคราที่เผยแพร่ต่อสาธารณชน นับว่าความรักของ เติ้ง ลี่จวิน กับ เฉินหลง นั้นเป็นความรักที่แฟนเพลงต่างเอาใจช่วยมากที่สุด และพากันทอดถอนใจด้วยความเสียดายเมื่อมันจบลงมากที่สุด โดยหลังจากที่ทั้งคู่เลิกรากันไปแล้วหลายปี เฉินหลง ได้ออกมาอธิบายเหตุผลของการเลิกราผ่านสื่อว่าเป็นเพราะเติ้ง ลี่จวินสูงส่งเกินไป เนื่องจากลักษณะนิสัยส่วนตัวของ เติ้ง ลี่จวินจะ พิถีพิถัน ตั้งแต่กิริยาท่าทาง ชอบทานอาหารร้านหรูหรา รักความสะอาดมาก และมีมาตรฐานสูง ขณะที่เฉินหลงค่อนข้างติดดิน และมีพี่น้องร่วมกันร่วมดื่มมากมาย ทั้งสองจึงไปกันไม่ได้ สุดท้าย เฉินหลง จึงหันไปคบกับดาราสาว หลิน เฟิงเจียว ที่เข้ากันได้มากกว่าและตกลงใจแต่งงานกันในที่สุด

 

กัว ข่งเฉิง ทายาทมหาเศรษฐี ด่านความรักที่เติ้งลี่จวินมิอาจข้ามพ้น

นอกจากนั้น เติ้ง ลี่จวิน ยังมีข่าวความรักกับ กัว ข่งเฉิง(Kuok Khoon Chen) ทายาทของกัว เห้อเหนียน(Robert Kuok) เจ้าพ่อน้ำตาล นักธุรกิจจีนสัญชาติมาเลเซีย เจ้าของหนังสือพิมพ์ South China Morning Post ฮ่องกง และผู้ก่อตั้ง Shanggri-La Group ทั้งสองคบกันอย่างลึกซึ้งถึงขั้นที่ กัว ข่งเฉิง ขอเติ้ง ลี่จวินแต่งงาน ทั้งยังมีการลงรายละเอียดเรื่องการจัดแต่งงานกันไปได้ระดับหนึ่งแล้ว ทว่าความรักของเธอก็ต้องมาสะดุดลง เมื่อไม่สามารถผ่านด่านคุณย่าของว่าที่เจ้าบ่าว ที่ตั้งเงื่อนไขในการเป็นสะใภ้ “ตระกูลกัว” ไว้ให้เธอ 3 ข้อคือ ข้อแรกให้เธอเล่ารายละเอียดความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนชายคนก่อนๆ มาโดยละเอียดว่าตื้นลึกหนาบางอย่างไร ข้อสองเมื่อแต่งงานแล้วให้ออกจากวงการบันเทิงทันที และสุดท้ายคือห้ามสุงสิงกับเพื่อนในวงการบันเทิง ซึ่งทั้ง 3 ข้อเติ้ง ลี่จวิน รับไม่ได้จึงล้มเลิกงานแต่งงานไปในที่สุด หลังจากนั้นไม่กี่ปี กัว ข่งเฉิงแต่งงานไปกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่น

เติ้งลี่จวิน กับรักสุดท้ายของเธอกับช่างภาพหนุ่มต่างชาติที่อายุอ่อนกว่านับ 10 ปี

รักสุดท้ายของเติ้งลี่จวิน เริ่มขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เติ้ง ลี่จวินค่อยๆ หายไปจากวงการเพลงเนื่องจากถึงจุดอิ่มตัว รวมทั้งปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้เธอหลบไปพำนักอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และเริ่มคบหากับช่างภาพหนุ่มชาวฝรั่งเศส ที่มีชื่อว่า Paul ที่มีอายุอ่อนกว่าเธอนับ 10 ปี ซึ่งเป็นคนเดียวกับชายหนุ่มที่ร่วมเดินทางมายังประเทศไทยในการเดินทางสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลง
แม้ความรักของราชินีเพลงสาวผู้นี้จะเกิดขึ้นและจบลงทุกครั้ง แต่ทว่าอย่างไรก็ตามผลงานเพลงของเธอยังคงเป็นอมตะอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้

《谁来爱我》
1.你曾经对我说过 永远的爱我
ni3 ceng2 jing1 dui4 wo3 shuo1 guo4 yong3 yuan3 de5 ai4 wo3
หนี่เฉิงจิงตุ้ยหวั่วซัวกั้วหยงหย่วนเตอไอ้หวั่ว
เธอเคยบอกว่ารักฉันนิรันดร
谁知道你的话儿 都是在骗我
shei2 zhi1 dao4 ni3 de5 hua4 er dou1 shi4 zai4 pian4 wo3
เสยจือเต้าหนี่เตอฮว่าโตวซื่อไจ้เพี่ยนหวั่ว
ใครจะรู้ ลมปากเธอล้วนลวงหลอก
你狠心抛弃我 也不管我死活
ni3 hen3 xin1 pao4 qi4 wo3 ye3 bu4 guan3 wo3 si3 huo2
หนี่เหิ่นซินเพ่าชี่หวั่วเหยี่ยปู้ก่วนหวั่วสื่อหัว
คุณทิ้งฉันอย่างเลือดเย็น ไม่สนว่าเป็นหรือตาย
谁爱我 谁爱我 谁来爱我
shei2 ai4 wo3 shei2 ai4 wo3 shei2 lai2 ai4 wo3
เสยไอ้หวั่ว เสยไอ้หวั่ว เสยไหลไอ้หวั่ว
แล้วใครที่รักฉัน ใครรักฉัน ใครกันมารักฉัน
不知谁来爱我
bu4 zhi1 shei2 lai2 ai4 wo3
ปู้จือเสยไหลไอ้หวั่ว
ไม่รู้ว่าใครที่รักฉัน
2.想起了心里难过 我对你不错
xiang3 qi3 le5 xin1 li3 nan2 guo4 wo3 dui4 ni3 bu2 cuo4
เสี่ยงฉี่เลอซินหลี่หนานกั้วหวั่วตุ้ยหนี่ปู๋ชั่ว
คิดขึ้นมาคราใดใจทุกข์เศร้า ฉันดีต่อเธอไม่น้อย
我的心为了你 没有放下过
wo3 de5 xin1 wei4 le5 ni3 mei2 you3 fang4 xia4 guo4
หวั่วเตอซินเว่ยเลอหนี่เหมยโหย่วฟั่งซย่ากั้ว
ฉันมอบใจให้เธอ ไม่เคยทอดทิ้ง
怕你冷 怕你热 怕你渴 怕你饿
pa4 ni3 leng3 pa4 ni3 re4 pa4 ni3 ke3 pa4 ni3 e4
ผ้าหนี่เหลิ่ง ผ้าหนี่เร่อ ผ้าหนี่เข่อ ผ้าหนี่เอ้อ
เกรงเธอหนาว เกรงเธอร้อน กลัวเธอกระหาย กลัวเธอหิว
谁爱我 谁爱我 谁来爱我
shei2 ai4 wo3 shei2 ai4 wo3 shei2 lai2 ai4 wo3
เสยไอ้หวั่ว เสยไอ้หวั่ว เสยไหลไอ้หวั่ว
แล้วใครที่รักฉัน ใครรักฉัน ใครกันมารักฉัน
不知谁来爱我
bu4 zhi1 shei2 lai2 ai4 wo3
ปู้จือเสยไหลไอ้หวั่ว
ไม่รู้ว่าใครที่รักฉัน
3.你从来没有给我 一点儿快乐
ni3 cong2 lai2 mei2 you3 gei3 wo3 yi4 dian3 er kuai4 le4
หนี่ฉงไหลเหมยโหย่วเก่ยหวั่วอี้เตี่ยนไคว่เล่อ
เธอไม่เคยมอบความสุขให้กันฉันแม้เพียงเสี้ยว
我命里注定 要受你的折磨
wo3 ming4 li3 zhu4 ding4 yao4 shou4 ni3 de5 zhe2 mo2
หวั่วมิ่งหลี่จู้ติ้งเย่าโซ่วหนี่เตอเจ๋อหมัว
ชีวิตฉันลิขิตไว้ ให้ทรมานเพราะรักเธอ
爱是枷 情是锁
ai4 shi4 jia1 qing2 shi4 suo3
ไอ้ซื่อจยา ฉิงซื่อสั่ว
ความรักคือพันธนาการ ความรู้สึกคือกุญแจคล้อง
我偏愿受折磨
wo3 pian1 yuan4 shou4 zhe2 mo2
หวั่วเพียนย่วนโซ่วเจอหมัว
ฉันยินยอมรับความทรมานนั้น
谁爱我 谁爱我 谁来爱我
shei2 ai4 wo3 shei2 ai4 wo3 shei2 lai2 ai4 wo3
เสยไอ้หวั่ว เสยไอ้หวั่ว เสยไหลไอ้หวั่ว
แล้วใครที่รักฉัน ใครรักฉัน ใครกันมารักฉัน
不知谁来爱我
bu4 zhi1 shei2 lai2 ai4 wo3
ปู้จือเสยไหลไอ้หวั่ว
ไม่รู้ว่าใครที่รักฉัน
ซ้ำ 2,1,3 ตามลำดับ

**หมายเหตุ
ระบบพินอินในภาษาจีนมีเครื่องหมายแทนเสียงวรรณยุกต์ 4 เครื่องหมาย 5 เสียง ดังนี้
เสียงที่หนึ่ง (ˉ) เทียบเท่าเสียง สามัญหรือตรี ในภาษาไทย
เสียงที่สอง (ˊ) เทียบเท่าเสียง จัตวา ในภาษาไทย
เสียงที่สาม (ˇ) คล้ายเสียง เอก ในภาษาไทย
เสียงที่สี่ (ˋ) เทียบเท่าเสียง โท ในภาษาไทย
เสียงที่ห้า ไม่มีเครื่องหมาย บางครั้งใช้เครื่องหมาย (.)วางหน้าพยางค์
ในบทความนี้ เนื้อเพลงในส่วนอักษรภาษาอังกฤษ ใช้ตัวเลขแทนเครื่องหมายวรรณยุกต์ 1 2 3 4 5 ตามลำดับ

อธิบายศัพท์
狠心(hen3 xin1) แปลว่า ใจร้าย ใจดำ ไร้ความปราณี
注定(zhu4 ding4) แปลว่า ลิขิต
折磨(zhe2 mo2) แปลว่า ทนทุกข์ทรมาน
枷(jia1) แปลว่า พันธนาการ
锁(suo3) แปลว่า แม่กุญแจ หรือ ล็อค

ที่มา  http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000127334




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons