วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คำผญาจีบสาว

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เด็กชายคึดฮอดน้องหลาย..ยามเดือนหงายได้แนมเบิ่ง
ขึ้นเทิงกกบักโกแล้ว..กะบ่มีคลื่นแหม่นได้โทร
อยากฮัลโหลไปเว้า..แต่ถึงคราวหัวลมป่วน
อยากมีหมู่หม่วนเว้า..บัดทางบ้านคลื่นบ่มี
เป็นจั่งซี้ตั่วหละเจ้า..บ้านของเฮานอบ้านถ่ง
พกมือถือไปเกี่ยวเข้า..แต่คนเว้าหักบ่มี
พอสิมีผัดบ่เว้า..บาดยามเฮาปีนกกก่อง
ย้อนอยากเว้ากับอี่น้องจั่งโสขึ้นดอกป่ายปีน
บ่ได้ยินอีหลีเบ๊าะ..หรือหว่าคุยกับทางอื่น
อ้ายหนิทนข่มขื่น..ย้อนหว่าฝืนขึ้นต้นไม้หาคลื่นกะบ่เจอ.
เด็กชายนางเอ้ย..นางมาลืมกะแล่มจ้อย.อ้ายคอยจนหว่าเปื่อย..วันเวลาผ่านไปเรื่อย.ไอติมนั้นเผิ่นบ่กิน..หันไปกินของทางพู้น.ลืมแล้วบ่ไอติมแถ่ง..น้องเคยแบ่งกินกับอ้าย.คราวกี้แต่เยาว์..โอ้นอสาวคราวกี้.ของหวานนั้นหมากเล็บแมว..ลืมแล้วบ้อหมากเหม่า.เฮาเคยกินจนลิ้นด่าง..อ้ายกับนางยังเคยเว้าตอนขุดเบ้าอยู่เลาะโพน
ยังเคยโตนน้ำเหล่นจนตาเว็นเบิดแสงส่อง..หย่างนำทางเสียงเขียดฮ้องมีสุขแท้ตั้งแต่หลัง..บาดนี้นอลาเฮือนบ้าน.หนีอีสานมากรุงใหญ่..ทำงานอยู่หม่องใด๋.ส่งควมไปกะบ่พ้อ.อ้ายรอน้องสิต่าวคืน..เจ้าเอ้ย..
ฝนตกรินไหลย้อย..อ้ายคอยนางใจวอนหวี่..จนหว่าเบิดเดือนสี่..เดือนห้ามาแล้วเด้อน้อง..อ้ายคองถ่าเจ้าแต่เหิง..เหลียวไปทางแก่วก้ำ..เขาใหญ่เมืองภูพาน..คึดฮอดเด้ตาหวานบ่าวผี่ชายเคยวอนเว้า..เจ้ามาไรลืมอ้ายบ่าวภูไทเสียงเหน่อๆ..หรือหว่าเธอบ่คึดง้อคราวกี้แต่หลัง..หรือหว่านางใจเลี้ยวเกี้ยวชายนอคนใหม่..ปล่อยให้ชายถ่าพ้อว้อ..โอ้ยนอเจ้าดอกส่างเป็น..
กุหลาบแดงคันเจ้าไรลืมลืมเลี้ยว..ปั้นเข้าเหนียวเคยจ้ำป่น
หรือลืมคนจั่งอ้ายแล้ว..ทางยายเถ่าเจ้าอย่าลืม
ฮอดยามใด๋ฟ้ามืดคลึ้ม....ยังบ่ลืมคำแหม่หว่า
ฟ้าวกินปลากินเข้า..หัวลมหย่าวไฟสิดับ
คือสิดับ..แสงเฮืองๆขี้กระบองนออันน้อย
คันหว่าไรลืมข่อย..อย่าสุลืมคนชูส่ง..เด้อนาง
ยามฝนลงแล้วคล้อย..ยายเฝ้าคอยแนมทางต่าว
หวังสิเห็นโตเจ้า..เลาหนั่งเศร้าห่าฝนซา..
ฝากบอกสาวให้คืนบ้าน..อ่วยต่าวแหน่เด้อนาง
ผู่เผิ่นคอย..ควมเผิ่นหวัง..อยากเห็นนางอ่วยมาบ้าน..
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
            เด็กชายโอ้ยน้อ...นางเอ้ย
บุญกุศลสร้างได้ฮ่วมทางดอกจั่งหว่า
คงเป็นตาชื่นมื่นทุกคืนเช้าเจ้าหว่าใด๋
คันเจ้าไรลืมทิ่มคงขึ้นหนิมให้เขาส่า
เป็นคือจั่งมีดพร้าคันฝนได้กะบ่คม....สั้นแหล่ว..น้องสาวหล่าเอ้ย
เด็กชายหวังอันใด๋กะเพม้างบ่สมหวังดอกจักเถื่อ
เหลือแต่ใจนอฮ้างๆอดสาส่างหย่างเทียว
เหลียวทางใด๋กะมืดครึ้มอึมครึมหนทางหย่าง
ทางที่มีกะมาฮ้างๆหนทางน้อยจั่งข่อยเดิน..สั้นแหล่ว

เด็กชายเป็นจั่งใด๋น้อน้องสาวหล่า.....สุขซมบายดีบ่อ
หรือเจ้าเจ็บป่วยไข้..............ฮมฮ้อนทั่วคิง
คือบ่อแวมาเข้า..................เวปบ้านดอนเรดิโอจักเที่อ นางเอ๋ย
หรือว่าน้องหล่า...................นอนหลับไปแล้วหนอ คำแพงเอ๋ย
เด็กชายบ่ได้มาสองสามมื้อคือจั่งหว่านอเป็นปีสันบ๋อ
ครั้นสิจากไปแรมเดือนใจผี่ซายคงอุกเอ้า..
เจ้าอย่าไรลืมเลี้ยวทางเทียวที่เคยหย่าง..
ใจผี่ซายคงอ้างว้างคันนางน้อยบ่หว่าจา..
แนวคำจายังบ่คล่องตามครรรองน้องส่อยเบิ่ง
ไปเหิงเหิงหากสิฮู้หว่าซายนั้นเฝ้าเบิ่งแยง..อยู่เด๊ะ..

เด็กชายน้องเอ้ย..
ถ่านไฟเก่าเจ้ายังฮ้อนมันบ่มอนดอกคือหว่า..
อย่าสุจาหลาบหล่ายหมายเว้าต่อผี่ซายดอกเด้..
คันหว่าเซถลาล้มไผบ่โซมอ้ายสิเบิ่งเอาดอกนา..
ไผบ่แยงบ่จาอ้ายนี่นาผัดคอยเว้านำเจ้าดอกอยู่เด้..
บ่ได้เป๋แปรปลิ้นดอกเด้นางอ้ายฮู้ส่าว..
แต่บางคราวบ่อยากเว้าซอมเบิ่งเจ้าอยู่แต่เหิง..
เบิ่งเหิงเหิงบ่คือเว้าใจเฮาบ่คือหว่า..
บ่เป็นหยังดอกน้องหล่าญาอ้ายดอกส่างเป็น..
บ่อยากเป็นแนวนี้ย้อนหวังดีเบิดถู่อย่าง..
บ่เคยคิดหมุ่นม้างเป็นใด๋นั้นบ่หว่านาง..
กะสิคอยเบิ่งเจ้าอันใด๋ดีสิชูส่งสั้นแหล่ว..
ย้อนหวังดีบ่หวังได้บัดใจนั้นผัดส่างเป็น..
เฮ็ดจั่งใด๋นอใจข่อยมันสำออยบ่คือหว่า..
เบิ่งกายากะบ่น้อยบัดใจนั้นผัดจ่อยผอม..
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
เด็กชาย
ผู้สาวนั่งเข็นฝ้าย ........ชายกะนั่งเคียงกัน
พรรณนาคำกลอน ......เกี้ยวคำผญาเว้า
สาวกะเอาคำโต้ .........โยเยให้ฮู้ท่า
ส่วนว่าบาบ่าวท้าว .......กะเพียรเว้าว่าฮักหลาย
สาวกะบอกว่าอ้าย ......อย่าสิหล่ายแต่คำตั๋ว
น้องนี่กลัวคำลวง .........อย่าล่วงวาจาดื้อ
คันบ่คือคำเว้า ........... อย่าสิเอามาเว้าว่า
สิมาต้มผู้ข้า ..............ปะเดี๋ยวฟ้าสิผ่าเอา....สาเด๋
บัดนี่ชายกะเว้า ......... เอามือยกสาบาน
ขานเป็นวาจาไข .........ว่าดั่งใจคำเว้า
คันข้าเอาคำต้ม ..........เป็นคารมย์เว้าหล่าย...สาแหล๋ว
ขอให้ฟ้าผ่าอ้าย ............ ให้ตายแท้ขั่นบ่จริง
สาวกะนั่งเงียบนิ่ง .........ครุ่นคิดอยู่ในใจ
แล้วจั่งไขวาจา ..........ตอบบาพี่ชายท้าว
อ้ายสิเอาจริงแท้ ..........บ่มีแปลซั่นบ้อพี่
คันคิดดีแท้แท้ ............ให้ถามแม่เบิ่งก่อนนา
ตกลงกันแล้วน่า .........กะจั่งว่าได้มาขอ
กะจั่งขอยอยก ...........ขันหมากมาเพียงพร้อม
จั่งได้ดอมชมชื่น ..........เข้าพาขวัญป้อนไข่หน่วย
นี่จั่งสมครบด้วย ..........บทเบื้องสิแต่งงาน ...นี่แหล่ว
นี่จั่งแม่นแบบบ้าน ..........ของเก่าโบราณเดิม
เติมขึ้นมาทีหลัง ............หากบ่คือแนวนี่
อันแนวดีมันเบิดสิ้น ........มีแต่กินแล้วจั่งแต่ง
สาวกะห่าวแข้งแข้ง ......... แซงหน้าบ่ว่ากัน ฯ...เหอะ ๆ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
เด็กชายสิเว้าไปตามส่าว............ใจผู่สาวบ่คือหว่า
แฮ่งใจเฮากะผ่องนั้น.......บ่ทันฮู้หากบ่เจอ
คิดไปไกลใจเพ้อ...ละเมอไปเกือบหลงส่าว
ย้อนคิดนำผู่สาว..........ผัดโตเองบ่คิดย้อน
หลงนอนเพ้อ........โอ้ย!โตข่อยดอกส่างเป็น
เด็กชาย
อย่าสุลืมเด้อหล่าวันสงกรานต์ไกล้มาอ้ายยังถ่าสิพ้อพบ
ไกล้สิจบหละไป่นอน้องอ้ายครองถ่าสิพบเจอ
ไปเฮียนไกลต่างบ้านจากไปนานอ้ายฮอนฮ่ำ
อ้ายคึดนำแต่อี่น้องเฮียนจบแล้วอย่าสุลืม
เงินที่ยืมเขามานั้นส่งไป..ใช้พอบ่
อย่าลืมเด้ออี่น้องคนกู้ให้นั้นแหม่นไผ
ถึงสิทุกข์ยากฮ้ายเฮ็ดจั่งใด๋อยากพ้นทุกข์
จั่งได้มุมาดม้างยืมตังค์ให้ส่งเจ้าเฮียน
เด็กชายอ้ายบ่มีดอกเด้อหล่าปริญญาสิมาข่อง
มีแต่โตหล่องข่องกับใจน้อยค่อยก้าวเดิน
หวังมีเงินมีบ้านจั่งสู่งานอยู่เช้าข่ำ
เอาแฮงกายเข้าแลกเดินสู่ดอกส่าวไป
ฮอดยามใด๋คิดท้อยังคอยรอแฮงใจอยู่
จักผู่ใด๋สิฮู้แท้ในใจนั้นอ้ายส่างเหงา..แท้เด้
บ่เคยเคยคิดอุกเอ้าบ่เคยเหงาย้อนงานหย่าว
หวังเพียงแต่มื้ออื่นเช้าสิได้พ้อหม่อมพะนาง..
เด็กชาย
คือส่างมาเฮ็ดตาส้มหลับตาชังใส่ญาผี่
บาดมาหาผัดแหล่นลี้เฮ็ดจั่งซี้สิคิดใด๋
ย้อนเดาใจน้องบ่ออกรึมารยาเต็มกระต่า
คือจั่งเผิ่นหว่าไว้เอาเกวียนร้อยใส่บ่พอ
เฮ็ดจั่งใด๋หละนออ้ายอันซายพึ่งหัดใหม่
อยากสิฮู้ใจ..ใสแจ้งอันควมแท้อยู่ใน..
เผิ่นหว่าใจคนนั้นคือเถาวัลย์พันเกี่ยว..สั้นบ้อ
คันบ่เหลียวกะบ่เว้าขอซอมเจ้าเบิ่งเอา
ทั้งที่ปากบอกไม่แต่ทางใจผัดคึดต่าง
ส่างสิเป็นคือเผิ่นเว้าสั้นตี้น้องแต่ก่อนเหิง
เบิ่งภายนอกนอสวยเช้งข้างในเจ้าสิจั่งใด๋
เป็นจั่งใด๋ให้ลองเว้าเป็นแนวใด๋กะลองกล่าว
อดสาสอนผู้บ่าวน้อยให้เฮียนฮู่แหน่เป็นหยัง
ย้านเป็นคือจั่งควมเขาเว้าสิลองฮักจักกี่หน..สั้นบ้อ
อ้ายบ่เอาดอกเด้อนางขอเถื่อเดียวกะพอแล้ว..อิอิ
เด็กชายเจ้าเอ้ย..หวังสิได้สุขใจเบิดถู่อย่าง..สั้นแหล่ว
บ่อยากคิดหมุ่นม้าง..แต่ใจอ้ายดอกส่างเป็น
เป็นกะเว็นกระวายเอ้า...ฮ้อนฮนจนหว่าป่วง!
จักเป็นหยังเด้เจ้า..นอโตอ้ายแหม่นส่างเป็น
บ่เคยเป็นแนวนี้..ทางใจผี่บ่เคยเป็น..
หนั่งคิดไปจนหว่าเย็นยังบ่เห็นทางหายเอ้า
ซอมโตเองคิดหลายหม่องมองโตเองคึดติต่าง
ส่างมาเป็นแนวนี้โอ้ยใจข่อยดอกส่างเป็น.เจ้าเอ้ย..
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
เด็กชายคันหว่าคิดดีแล้วให้ตรองดูดอกสาก่อนเด๊ะนาง
บ่แหม่นหยังที่อ้ายเว้า..ย้อนห่วงเจ้าสิเก่าหมอง
ตามครรลองที่เผิ่นเว้า..ใจของเฮาเข้าใจข่อง
ให้เข้าใจตัวน้องส่วนโตชายนั้นแล้วแต่
แข่เข้าใจโตน้อง...ส่ำนี้ดอกแหม่นดี
ส่วนหว่าโตอ้ายนี้ย้อนคิดดีเบิดถู่อย่าง
บ่เคยคิดหมุ่นม้างเข้าใจเจ้าดอกสู่แนว
ส่วนหว่าเรื่องที่แล้วผ่านมาบ่คือคิด..สั้นบ้อนาง
เป็นจั่งใด๋อ้ายกะฮู้..โอ้ย! โตอ้ายหว่าสู่แนว
คันหว่าดีแล้วสิยู้...อ้ายสิชูดอกยู้ส่ง..สั้นแหล่ว
สมประสงค์โตเจ้าแล้ว..โตอ้ายจั่งสิหนี..อิอิ
เคยสัญญากับไผบ้างจำได้บ่นอคนดี
บัดนี้ฟ้าฝนมาเสียงคะนองเครงครื้น
เจ้าอย่ายืนกลางแจ้งให้ฟ้าวแหล่นหาหม่องหลบ..เด้อหละนาง
คำสัญญาบ่คือดังฟ้าสิผ่าเด๊ะหัวน้อง
อ้ายนี้คองคอยถ่าเจ้าสิจาบ่เห็นต่าว
ย้านหว่าลืมคำเว้าที่เคยอ้อนต่อผี่ซาย
ตามซำบายโลดเด้อน้องอ้ายบ่หว่าดอกเนียวใด๋
แต่บ่ซำบายใจย้อนสัญญาสาบานไว้
เฮ็ดจั่งใด๋ดอกเด้หล่าถอนคำจาโลดอ้ายหว่า
ย้อนหว่าห่วงเจ้านั้นน้า..ยามเสียงฟ้าคึกคะนอง..
เด็กชายเจ้าเอ้ย..
เผิ่นหว่าน้ำโขงแฮ่ง..ชีมูลยังไหลอยู่
คันคูนาถ่าบักตู้..สิมาส่าวเอาฮุตนา
หายไปไสแล้วนอหล่าบ่กลับมาบ้านเก่า
อ้ายคองหาสิเห็นเจ้า..บัดยามเศร้าอยู่บ่เป็น
ยามตาเว็นต่ำคล้อยอ้ายหนั่งหงอยอยู่เลาะถ่ง
คึดพะวงแต่อี่น้อง..มื้อใด๋หล่าสิต่าวคืน
ตกกลางคืนหมอลำห่าวแต่โตเฮาผัดนอนถ่ง
ตกดึกมานอนสะดุ้ง..ย้อนสายมุ้งอ้ายหว่าหลุด..
บางคืนหลุดปากเว้า..คะนิงนำแต่เนื้ออุ่น
นอนอยู่เดียวเปนตาย้าน..ยามหมาหอนอ้ายใจสั่น
ฮอดยามหนาวนอนสะบั้นได้แต่ฝันดอกคือหว่า
บ่หลูโตนบ้อนอหล่าอดสาเว้าให้เบิ่งแยง
กินของแพงเผิ่นลืมเข้า..กินของเมาลืมน้ำโอ่ง
เหลียวเบิ่งโขงแห้งขอดคึดฮอดชู้อยู่บ่เป็น
นอนกางวันยังฝันพ้อ..โอ้ยนอนางสังมาหน่าย
ย้อนหว่าทุกข์ยากฮ้าย..เพียงฝันพ้อกะแหม่นดี
บ่ได้มีเนียวรั้ง..บ่มีหยังสิโอ้อ่าว..ย้อนหว่าเฮาผู่ฮ้ายแถมพ่วงท้ายอ้ายหว่าจน.

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...เด็กชายน้องเอ้ย..
อ้ายนี้ใจประสงค์ส่างทางบ่มีกะได้ส่าว..ตั่วหละนาง
บัดทางมีจั่งได้ฟ้าวมาพบพ้อหม่อมพะนาง
เจ้าอย่าไรลืมเลี้ยวทางเทียวที่เคยหย่าง
ใจผี่ชายคงอ้างว้างคันนางน้องบ่หว่าจา
วันเวลาผ่านพ้นใจคนเฮาบ่คือหว่า..สั้นบ้อ
บ่ป็นหยังดอกเด้หล่าโตอ้ายกะหว่าเป็น..อิอิ
ปลากระดี่ได้น้ำฟ้าใหม่นอหลังฝน
คือจั่งคนอกหักฮักพังได้หนั่งเศร้า
บัดแต่มาเจอเจ้า..ใจชายสังมาสื่น..
หัวใจชายคะลาดลื่น..ยืนเศร้าอยู่บ่เป็น
คือน้ำเย็นชะโลมร่าง..แนมทางใด๋หัวใจสื่น
ควมขมขื่นแต่ครั้ง..มะลางเลื่อนจั่งหว่าหาย
ขอบใจหลายเด้หล่า..มาเป็นยาล้างใจผี่
เจ้าผู่ดีเด้จั่งน้องอ้ายคองถ่าอยู่แต่เฮิง...
ซอมเบิ่งเอาเด้อหล่าญาชายสิคือหว่าบ่นอ
ดำข่อหล่อนอต่ำต้อยหัวใจอ้ายสิแหม่นใส..บ่
เป็นจั่งใด๋ให้เฮียนฮู้ขอเป็นหมู่สาเป็นหยัง
บ่อยากเสี่ยงผิดหวังคือจั่งคราวแต่วันกี้
เด็กชายอ้ายนี้คนใจน้อยแต่ใจจริงจั่งคือหว่า..สั้นแหล่ว
ปรารถนาสิพบพ้อคนใจต้องหว่าข่องกัน.
เดือนสามคล้อยอ้ายยังคอยอยู่หม่องเก่า
จนหว่าเดือนสี่แล้วโอ้ยเดือนห้าสิต่าวถึง
จักอี่หยังดึงโตเจ้าหรือใจเขาคอยเฝ้าเกี่ยว
อ้ายนี้เหลียวพ้อว้อสิพบพ้อหน่อพะนาง
เป็นพิสังจั่งบ่ฮู้อ้ายถ่าอยู่เด้อแนวหลัง
เฮ้ดอี่หยังอยู่ไสนอ..อ้ายคนรอนี้รอเก้อ
คันไผเจอเธอฝากบอกให้แหน่แหม่ยังรอ
ผ่อกะคอยควมหวังลูกสาวจบสิคืนบ้าน
จากไปนานมิดสี่หลี่..บ่มีเค้าสิต่าวมา
เด็กชายสุขซำบายดีบ้อหล่าส่งข่าวมากะไคแหน่
อย่าให้แหม่เจ้าถ่าเถียงนาเศร้าเจ้าบ่มา
ปีใหม่เลยแล้วน้าสงกรานต์เลยกะบ่ต่าว
ฝากข่าวมาแหน่เด้อน้องไผคองถ่าอย่าสุลืม.
เหลียวไปทางอีสานกล้ำหนองคายบ้านผี่
ขี้ดินแดงไหง่ง่อง..พายุต้าวหย่าวบักเห็บ
เคยแหล่นเก็บกับอี่น้อง..คราวกี้ตั้งแต่เยาว์
จำได้บ่นอน้องเจ้าสองเฮาคราวหม่วนสื่น
หาเก็บฟืนดังข้างเล้า..ลมหนาวเข้าได้อุ่นคิง
ดังไฟผิงจี่เข้า..มันแกวน้อยส่อยกันหมก
บาดยามตกเดือนห้า..ฝนมาหัวลมป่วน
เคยเหล่นหม่วนกับอี่น้อง..ของเฮือนน้อย..อย่าสุลืม
ส่อยเว้าตื่มแหน่เด้อเจ้า..คันคึดฮอดอย่าสุลืม..เจ้าเอ้ย.. กุหลาบแดง




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons