วรรณกรรมเรื่องอินทิญาณสอนลูก110
เป็นการรวบรวมคำผญาภาษิตในท้องถิ่นอีสานจัดรวมเป็นหมวดหมู่ เหมือนกับเรื่องปู่สอนหลานและย่าสอนหลาน แต่เรื่องอินทิญาณสอนลูกสาวนั้นเป็นไปในลักษณะคตินิยม จารีตประเพณี ตลอดจนจริยธรรมอันดีงามของสังคมโบราณในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาประมวลรวมเป็นเรื่องราวต่างๆเหมือนวรรณเรื่องอื่นที่นำเอาชาดกบ้าง ธรรมบทบ้างมาปรับเปลี่ยนตัวละครเพื่อให้สอดคล้องกับอุปนิสัยของคนในภูมิภาคนั้นๆ เช่น เรื่องบัณฑิตหนุ่ม กับชายเจ้าปัญญาชอบบุตรสาวของเศรษฐี ได้แต่งงานกันก็ด้วยกลบาย และมีนิทานหลายเรื่องที่มุ่งสอนให้รู้จักคน โดยดูเพียงผิวเผินไม่ได้ต้องดูกันนานๆ ลักษณะวรรณกรรมเรื่องนี้เน้นให้เห็นการเลือกคบคน การเลือกสามีที่มีความขยัน มีปัญญา และใจกว้างนับถือวงศาคณาญาติ ในขณะเดียวกันก็สอนลูกสาวให้มีจริยธรรมที่ดีงาม ไม่เล่นชู้ ไม่มีความกำหนัดในกามคุณ และประพฤติตนให้อยู่ในระเบียบจารีตประเพณีของบ้านเมือง ส่วนเรื่องอื่นๆก็นำเอาสุภาษิตมาอธิบาย สั่งสอนจริยธรรม คตินิยม ความเชื่อของสังคมโบราณอีสาน ดังนี้คือ
๑) สอนให้รู้จักเลือกสามีที่มีปัญญาดังนี้
เพิ่งเอาผัวให้หาแนวนักปราชญ์นั้นเนอ ใจฉลาดฮู้คลองแท้สั่งสอน
หญิงใดได้ผัวนามนักปราชญ์ เป็นที่กล่าวเว้ายอย่องทั่วแดน
๒) สอนให้รู้จักการปฏิสันถาร
ยามเมื่อวงศาเซื้อทางไกลมาฮอด มักก็ปูสาดไว้จำให้นั่งเทิง
แล้วค่อยเว้าต่างแม่มาดา มันก็ทำกระบวนเหมือนพ่อบ้านใจกว้าง
๓) สอนให้รู้ลักษณะชายดีหรือเลว
ชายใดใจโถงหลิ้นบ่มีหวนหาเมื่อ ผมหมีดเกลี้ยงน้ำมันไล้ลูบเลิง
แล้วเล่าบายเอาเหล้ามากินบ่มีเหือด คำปากร้ายฟู่ฟู่ความเว้าแต่โต
เฮ็ดเวียกให้เพิ่นย่องหาร่วมสาวเห็น กลางคืนเป็นกลางเว็นเที่ยวละเลนอนค้าง
มันก็โวโวเว้าคำจาบ่เห็นแก่ใผนั้น ทำเพศเพียงสกุลเซื้อลูกเสือ
ฝูงนี้นักปราชญ์เขาหลีกหนีเว็นไกล แม่นว่าเซินเซอโสมให้ค่อยเอาใจเว้น
๔) สอนหญิงให้รู้จักคุณค่าของเงิน
ยามใดเข้ามีเงินเต็มถงอย่าฟ้าวอ่ง ยามเมื่อทุกข์ขมอดไร้เงินนั้นจึงค่อยบาย
ชาตที่เป็นสาวนี้แปลงเชิงให้มันคล่อง ผ้าบ่ทันเก่าเกลี้ยงก็อย่าให้ขาดกลาง
เงินหากหมดเสียขวัญยังดอมไถ่ อันว่าผ้าขาดแล้วแครงนั้นหากซิยัง
๕) สอนให้รู้การทำบุญให้ทาน
อันหนึ่งเจ้าลุกแต่เช้าประสงค์แต่งจังหัน ยามเมื่อบายของทานให้ส่วยสีสรงล้าง
ซื่อว่ากินทานนี้ทำตัวให้ประณีต อันว่าผมเกศเกล้าเคียนไว้อย่าให้มาย
ให้ค่อยทำเพียรตุ้มเสมอยุงซุมเหยือ อย่าได้เฮ็ดตู้เตื้อตีนซิ่นไขว่พานั้นเนอ
บาดว่าบาปซอกดั้นใผบ่ห่อนหวนเห็นลูกเอย
๖ สอนให้รู้จักรักนวลสงวนเพราะผู้หญิงเปรียบเหมือนข้าวสาร
อย่าได้ทำการชู้หลายชายมักพาบกันนั้น เป็นดังไซใส่แล้วปลายไม่ถืกลมนั่นแล้ว
อันหนึ่งเป็นดังศาลากว้างทางหลวงหลังใหญ่ ซูคนสู่แวเข้าเซาแล้วก็เล่นหนีลูกเอย
หญิงใดแฮงสงวนสู้ตัณหากามโลก ฝูงหมู่เทพท่อนไท้เห็นแล้วถ่มน้ำลาย
แม่นว่ามีของได้อันใดบ่ประเสริฐ แม่นว่ามีลูกน้อยความไห้บ่เหือดคีง
๗ สอนให้รู้จักฟังธรรมด้วยใจศรัทธาอย่าไม่เล่นหูเล่นตากับชายหนุ่มเดียวบุญไม่ได้เต็มที่
ยามเมื่อมหาเณรน้อยตั้งสูตรมหาชัย ให้เจ้ายอกระพุ่มมือใส่หัวประสงค์น้อม
ผายแผ่บุณโตสร้างสนองคุณพ่อแม่ อย่าได้เห็นแก่เว้าเชิงชู้สวากเสน่ห์
คำปากยังกล่าวต้านเรียกว่าเอาบุญ ใจเล่ายังพาโลกล่าวคำเซิงชู้
บุญบ่มีหวังค้างคาตัวพอถองคีงแล้ว อาบน้ำเจ้าบ่ตั้งต่ออันนั้นใจวอนแวนรีบ
เอาบุญมาคว่าได้บาปร้ายกรรมต้องตื่มเลิง
๘) สอนให้รู้จักทำสังฆทานและเปรียบเทียบไม่ให้หญิงเข้าใกล้ชิดพระดังนี้
อันหนึ่งยามเจ้าบายของไปแจกทานนั้น ใจอย่าคิดโลดเลี้ยวเห็นใกล้แก่สมณ์
อย่าได้อคติด้วยของทานเสมอภาคกันเนอ อย่าได้เห็นแก่สังฆะเจ้าคีงเลื่อมจึงค่อยทาน
อันหนึ่งอย่าได้เข้านั่งไกล้เคี้ยวหมากนานลุก ชาติที่แนวมหาเถรดั่งกุญชโรย้อย
เพิ่นหากลือซาช้างพลายสีดอตัวอาจ ใผอยู่ลอนนั่งใกล้งาช้างซิเสียบแทงแล้ว
อันหนึ่งอย่าได้ซำเซียแวมหาเถรยามค่ำ บ่แม่นแนวลูกช้างคุมคล้องบาปซิกิน
๙) สอนให้รู้จักเก็บสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
อันหนึ่งยามใดเจ้าอยู่ห้องหนแห่งเฮือนตน ให้ซ่างแปลงกระบวนให้สมสิ่งเฮือซ้าวค้า
อย่าได้แปลงกระบวนให้สมคือเฮือซ่วง ฝูงอยู่ใกล้เห็นพื้นเพิ่นซิซังเจ้าแล้ว
๑๐) สอนในเชิงอุปมายกเอาลักษณะต่างของสัตว์มาสอนดังนี้คือ
๑๐.๑) อันหนึ่งยามเมื่อวาจาต้านให้พอหูหอมม่วน
อย่าได้ไขปากต้านแฮงพ้นเพิ่นหลายพ่อท้อน
อันหนึ่งอย่าได้ทำตนเพี้ยงหัวเพียงอ้ายอึ่ง
มันหากเหลือแต่ฮ้องตายย้อยปากโต นั้นแล้ว
๑๐.๒) อันหนึ่งอย่าได้เทียมผู้ใบ้เป็นห่านหัวเขียวนั้นเนอ
มันก็ไลลาปละไข่กลมกลางบ้าน
มันก็ไลลาถิ้มเสียใจดอมเพื่อน
ลูกแตกออกจากท้องมันเลี้ยงบ่เป็น
๑๐.๓) เป็นหญิงนี้ทำเนียมนำไก่
มันซ่างฟักป้องปองเลี้ยงให้ใหญ่สูง
ซื่อว่าเป็นคนให้ทำเนียมนำเต่า
มันหากเมี้ยนไข่ไว้ดีแล้วจึ่งค่อยไป
ให้ค่อยทำเพียรตุ้มเสมอยูง ซุ่มเหยื่อ
อย่าได้เฮ็ดตู้เตื้อตีนซิ่น ไขว่ภาช์นั้นเนอ
อันหนึ่งเป็นคนให้ลักขณานามปลวก
หากซ่างอยู่หางซ่างอ้นคูณขึ้นใหญ่สูง
ความหมายคำศัพท์
ฮอด –ถึง เทิง -บน ข้างบน วาด -ท่าทาง ชั้นเชิง เวียก -การงาน งาน
โถง -นักเลง หลิ้น - เล่น หมีด -ดำสนิท เลิง -เรื่อยๆ เสมอๆ
บาย -ลูบคลำ กลางเว็น -กลางวัน ขะลำ -อัปมงคล คีง ตัว ตน ร่างกาย
ซูซ่อย -ชูช่วย อ่อยห่อย -บริสุทธิ์ หุ้ม คุ้มครอง อุ้ม อ่ง -หยิ่ง ทะนงตัว
ขมอด -ยากเข็ญ แครง -ผ้านุ่ง ส่วย -ล้าง ชำระ เคียน -คาด ผูกมัด
ถืก -ถูก ซุ -ทุก แว่ แวะ เซา หยุด ภาช์ -สำรับอาหาร
พาบ - รวม ร่วมกัน แฮง -มาก ยิ่ง แรง สวาก -พูดใส่ กล่าวต้าน -พูด เจรจา แปดคีง -เปื้อนร่างกาย แวน -ยิ่ง มาก
คว่า -ไขว่คว้า ตื่ม -เติม เลิง -เรื่อยๆ
ปละ -ปล่อยทิ้ง ปากโต -ปากตัวเอง ถิ้ม -ทิ้ง
เมี้ยน รักษา
110 ศ.ธวัช ปุณโณทก,วรรณกรรมภาคอีสาน,(กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง) ,๒๕๓๗, หน้า ๒๖๕–๒๗๐