๒.๒.๓ ผญาภาษิตสอนหญิง
การสอนสตรีมักจะพูดถึงกริยามารยาท การวางตัวของสตรี การเป็นภรรยาที่ดีควรทำอย่างไร รู้จักระเบียบของลูกสะใภ้ ควรเชื่อฟังและกตัญญูต่อพ่อแม่ตน การเลือกคู่ครองถึงจะให้สิทธิในในการเลือกก็ตามแต่ก็ควรเลือกเอาชายที่มีการศึกษา ไม่ควรเลือกผู้ชายที่มีจิตใจนักเลงสุราคนเจ้าชู้ชายอย่างนี้ไม่ควรเลือกเอามาเป็นคู่ครอง เมื่อแต่งงานแล้วควรเชื่อฟังสามีไม่ควรแสดงความโกรธต่อสามี พูดหยาบคายต่อสามี ควรรักสามี รักญาติฝ่ายสามี ตลอดถึงพ่อแม่ของสามีด้วย ควรประพฤติตนตามฮีตคลองของหญิงจึงจะเป็นมงคลแก่ตนเอง ดังนั้นจริยธรรมของสตรีที่พบในสุภาษิตอีสานพบว่ามีจริยธรรมตามสถานะภาพทางสังคม คือสตรีในสุภาษิตอีสานมีลักษณะที่เป็นไปตามหน้าที่ของตนเองคือ สถานะที่มีบทบาทเป็นย่าและมารดา เป็นภรรยา เป็นลูกสะใภ้ เป็นบุตร ดังนั้นจริยธรรมของสุภาษิตอีสานจึงมุ่งสั่งสอนให้กลุ่มสตรีเหล่านี้ควรปฏิบัติต่อหน้าของตนเองอย่างไร และควรเว้นอย่างไร จึงจะเหมาะสมและตั้งตัวเองให้อยู่จารีตประเพณี
๒.๒.๓.๑. สตรีในฐานะภรรยา
จริยธรรมของภรรยามีมากมาย โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องความชื่อสัตย์ต่อสามี ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี อบรมสั่งสอนบุตรธิดาให้ดี สงเคราะห์เกื้อกูลญาติฝ่ายสามีดี ดูแลเอาใจใส่ต่อพ่อแม่ของสามีตนเหมือนเป็นดั่งพ่อแม่ของตนเอง นับว่าเป็นจริยธรรมสำหรับบริหารครอบครัวให้พบความผาสุข ดังนั้น ภรรยาจึงต้องให้ความเคารพยกย่องสามี ในฐานะเป็นภรรยาพึ่งกระทำ คือภรรยาต้องกราบเท้าสามี ก่อนนอนและให้สามีเป็นฝ่ายนอนก่อน ดังสุภาษิตที่ว่า
ยามนอนนั้นให้ผัวแพงนอนก่อน ขันดอกไม้สมมาตีนเจ้าจั่งเล่านอน
(เมื่อถึงเวลานอนให้สามีที่รักนอนก่อน เอาดอกไม้ใส่มาขอขมาสามีที่เท้าแล้วจึงเข้านอน)
มีผัวให้ช่างย่อง มีน้องให้ช่างออย
(มีสามีให้รู้จักยกย่อง มีน้องให้รู้จักเอาอกเอาใจ)
จริยธรรมของสตรีในฐานะเป็นภรรยาที่ดีต่อสามี ดังนั้นสุภาษิตอีสานได้สะท้อนถึงจริยธรรมในส่วนนี้ไว้มากมายในการปฏิบัติตัวของภรรยาที่เหมาะสมงามอย่างกุลสตรีแท้ ได้กล่าวถึงสตรีที่เป็นภรรยาต้องประพฤติตัวอย่างนี้จะทำให้ครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญ ดังสุภาษิตที่มาในธรรมดาสอนโลกว่า
อันหนึ่งเป็นเมียให้ยำผัวทั้งฮักยิ่ง จริงดาย
บัวระบัติผัวชอบแท้คือพระยาเศรษฐี นั่นแล้ว
อันหนึ่งนอนให้นอนลุนให้ลุกก่อน
ให้หุงหาน้ำทั้งผ้าเช็ดมือนั่นแล้ว
อันหนึ่งเมื่อถึงวันศีลให้สมมาผัวทุกเมื่อดีดาย
แล้วให้ปัดกวาดแผ้วเฮือนเหย้าให้ฮุ่งเฮือง
เมื่อผัวกินข้าวอย่าให้ของกินเงื่อนตัวดาย
อย่าได้กล่าวคำฮ้ายตอบเถียงกันเน้อ
อย่าให้ผัวบัวระบัตยังตัวกลัวจักบาปแล้ว
เอาแต่เพื่อนคิดเห็นฮู้ช่างอ่อนนั้นเทิน
อันหนึ่งเทียวเฮือนให้ลีลาค่อยย่างนางเอย
อย่าได้ปากลื่นพ้นเฮือนเหย้านั่นดาย
ยามจักนอนอย่าได้ลืมทุกเช้าค่ำคำเฮย
ให้เอาผมเช็ดพื้นตีนแล้วจึงค่อยนอน นั่นเน้อฯ
นอกจากภรรยาจะต้องเคารพยกย่องสามีแล้ว ภรรยาก็จะต้องให้ความรักและความชื่อสัตย์ต่อสามีแต่เพียงผู้เดียวด้วย ซึ่งสุภาษิตได้สะท้อนให้เห็นสภาพสังคมอีสานว่านิยมมีครอบครัวแบบ “ผัวเดียว เมียเดียว” และไม่นิยมการหย่าร้างเมื่อแต่งงานแล้วผู้หญิงควรจะร่วมทุกข์รวมสุขกับชายที่เป็นสามีไปจนกว่าจะตายจากกัน ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า
ผัวเมียนี้คนเดียวโดยฮีต สุขทุกข์ยังฮ่วมย้าวถนอมตุ้มต่อมกัน
(ผัวเดียวเมียวตามจารีตประเพณี สุขทุกข์ให้อยู่ร่วมกันคุ้มครองดูแลและลำบากด้วยกัน) การดูแลบ้านเรือน ก็นับว่าเป็นจริยธรรมที่สำคัญของภรรยาต้องกระทำให้สมกับคำว่า “แม่ศรีเรือน” สุภาษิตได้สะท้อนให้เห็นว่า สตรีใดที่มีคุณสมบัติของความเป็นแม่ศรีเรือนเป็นสตรีที่ประเสริฐล้ำเลิศทีเดียว โดยเฉพาะสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยเรือนสามน้ำสี่ ดังสุภาษิตว่า
หญิงใดสมบูรณ์ด้วยเฮือนสามน้ำสี เป็นหญิงดีเลิศล้ำควรแท้แม่เฮือน
เป็นญิงนี้เฮือน ๓ น้ำ ๔ ศรีแจ่มเจ้ากระทำถ่อนยอดเสน่ห์ 14/ยอดญาก้อม
(หญิงใดที่มีเรือนสามน้ำสี่ เป็นหญิงประเสริฐ สมควรกับการเป็นแม่บ้านแม่เรือน)
เรือนสามในสุภาษิตนี้หมายถึง เรือนผม เรือนนอน และเรือนครัว ซึ่งเป็นหน้าที่ของภรรยาจะต้องกระทำให้เรียบร้อย เรือนผมนั้นรวมไปถึงการแต่งตัวด้วย เพราะสตรีจะต้องงามตั้งแต่หัวจรดเท้า กล่าวคือ ต้องรักษาร่างกายให้สะอาดหมดจดอย่าปล่อยให้ผมยุ่งเหยิง เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ต้องสะอาดเรียบร้อย รวมทั้งการแต่งตัวสมฐานะและเหมาะสมกับกาลเทศะ
เรือนนอน ต้องรู้จักดูแลรักษาความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูก ไม่ปล่อยให้สกปรกรกรุงรัง รวมทั้งการจัดเครื่องนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เรือนครัว สตรีจำเป็นต้องรู้จักงานครัวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การรักษาความสะอาดสิ่งของเครื่องใช้ในครัวให้สะอาดน่าใช้อยู่เสมอ และจัดเก็บให้เรียบร้อย เป็นที่เป็นทาง รวมทั้งการจัดการต่างๆ เช่น การใช้จ่าย การจัดหา การแบ่งปัน กล่าวคือ สตรีต้องรู้จักประมาณการใช้จ่ายเงินในการครัวให้เหมาะสมและพอดีกับสมาชิกในครอบครัว สิ่งใดไม่มีก็จัดหามาไว้และควรแบ่งปันเพื่อนบ้านตามสมควร
น้ำสี่ หมายถึง น้ำกิน น้ำใช้ น้ำเตาปูน และน้ำใจ
น้ำกิน ต้องรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ และอย่าให้น้ำกินขาดโอ่ง
น้ำใช้ หมายถึง น้ำที่ใช้ล้างถ้วยชาม ล้างมือ ล้างเท้า ตลอดจนใช้อาบ
น้ำเต้าปูน คนอีสานก็เหมือนคนในภาคอื่นๆที่ชอบกินหมาก ฉะนั้นปูนที่ใช้กินหมากจึงขาดไม่ได้ ต้องมีติดเต้าปูนอยู่เสมอ และต้องมีน้ำหล่อเลี้ยงไว้เสมอไม่ให้น้ำแห้งได้ ซึ่งสตรีใดปล่อยให้น้ำปูนแห้ง ถือว่าขาดคุณสมบัติความเป็นแม้บ้านไปข้อหนึ่ง เพราะปูนที่ใช้กินหมากนั้นก็มีไว้สำหรับต้อนรับแขกที่มาเยื้อนด้วย
น้ำใจ หมายถึง การพูดจาต้องอ่อนโยน สุภาพ ไพเราะ และการมีจิตใจเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารีแก่ญาติของตนและผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สามีหลงรักภรรยาที่มีฝีมือในงานเชิงช่างไม่ว่า จะเป็นฝีมือในการปรุงอาหาร งานฝีมือ และงานที่เกี่ยวกับผู้หญิง ดังสุภาษิตสอนว่า
แกงเพิ่นแซบปลาแดกเพิ่นนัว
เมียเพิ่นช่างผัวเพิ่นจิ่งฮัก
(แกงเขาอร่อยเพราะปลาร้าเขามีรสกลมกล่อม ภรรยาเขามีฝีมือช่างสามีจึงรัก)
นับว่าเป็นโชคดีหากชายใดได้สตรีที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นมาเป็นภรรยา เพราะถือเป็นสิริมงคลและทำให้ชีวิตครอบครัวมีความสุขและราบรื่น ดังสุภาษิตสอนว่า
ได้เมียดีปานได้แก้วคูณล่าง
ได้เมียผู้ช่างปานได้แก้วคูณเฮือน
(ได้ภรรยาดีเหมือนได้แก้วมีค่า ได้ภรรยาเก่งงานช่างเหมือนได้แก้วคูณบ้าน)
ชายใดมีเมียแก้วการเฮือนเฮียงฮาบ
ขุนใดอำนาจกล้าเมืองบ้านเฮืองฮุ่ง
(ชายใดมีเมียที่เก่งงานบ้านรวมเรียงเคียงข้าง ครอบครัวราบรื่น เจ้าเมืองใดมีอำนาจกล้าแข็ง บ้านเมืองนั้นเจริญรุ่งเรื่อง) ดังนั้น สตรีจึงควรปฏิบัติตนให้เหมาะสม เพื่อเป็นการเชิดหน้าชูตาแก่สามี การที่สามีจะเป็นคนดีได้ เพราะมีภรรยาช่วยส่งเสริมสนับสนุน ดังสุภาษิตสอนว่า
แหวนดีย้อนหัว ผัวดีย้อนเมีย
(แหวนดีเพราะมีหัวแหวนงาม สามีดีเพราะมีภรรยาดี) นอกจากความดีทางกายแล้วทางวาจาก็ต้องดีด้วยจึงจะมีคุณสมบัติของภรรยาที่เป็นแม่ศรีเรือน ในเรื่องการเจรจานั้นภรรยาพึงพูดกับผู้เป็นสามีด้วยคำไพเราะต่อกัน ซึ่งจะช่วยเป็นยาใจสมานให้ครอบครัวมีความกลมเกลียวรักใคร่กันมายิ่งขึ้น ดังสุภาษิตสอนว่า
ผัวเมียนี้กูมึงบ่ให้ว่า ให้เอิ่นข้อยและเจ้าจนเท่าชั่วชีวัง46/ศูนย์
(สามีภรรยาไม่ให้พูดกูมึง ให้พูดฉันและเธอจนชั่วชีวิต) จริยธรรมอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญในระบบครอบครัว คือความละเอียดรอบคอบของภรรยาในเรื่องการงานและการเงินของครอบครัว ภรรยาจะต้องมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินทองที่สามีหามาได้ด้วยความประหยัดให้เหมาะสมกับฐานะของตน ดังสุภาษิตสอนว่า
คันแม่นเป็นเมียแล้วให้เป็นคนถ้วนถี่
เมียกะเมียแท้ๆเสียได้ให้ฮีนตรอง
อย่าได้เป็นเมียลิ่นเมียกินคือลิงค่าง
ให้เป็นเมียอยู่ข้างทางบ้านสู่ยาม70/ศูนย์
(ถ้าเป็นภรรยาแล้วให้เป็นคนละเอียดถี่ถ้วน ภรรยาก็เป็นภรรยาจริงๆเสียได้ให้ไตร่ตรอง) สุภาษิตได้ชี้ให้เห็นว่าภรรยาที่ดีควรมีจริยธรรมให้การงานต่างๆและช่วยแบ่งเบาภาระกิจของสามีบ้างและให้รู้จักรับผิดชอบในงานบ้านทุกอย่างให้ดีเพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้เป็นภรรยา ถึงจะมีความรักใคร่กันอย่างใดก็ตามสุภาษิตอีสานก็ยังสอนให้สามีไม่ควรไว้วางใจภรรยของตนเองอย่างนำความลับทางราชการบ้านเมืองมาเล่าให้ภรรยาฟัง เพราะสตรีอาจจะไม่เก็บความลับนั้นไว้ดี อาจจะหลงพูดให้คนอื่นรู้เพราะสตรีมีปกติชอบพูด ดังนั้นสุภาษิตจึงเตือนสติผู้เป็นสามีว่าไม่ควรวางใจภรรยาเกินไปเดียวเธอจะนำความเดือนร้อนมาให้ ดังสุภาษิตสอนว่า
เมียเฮียงข้างฮักฮ่วมเสน่หา
อย่าวางใจกล่าวความบังเบื้อง46/ศูนย์
(เมียเคียงข้างรักร่วมเสน่หา อย่าไว้วางใจเปิดเผยความลับ)
นอกจากนั้นผู้เป็นภรรยายังต้องเผื่อแผ่ความรักไปถึงพ่อแม่และญาติของสามีด้วย ภรรยาจะต้องให้ความเคารพพ่อแม่และญาติของสามีดุจพ่อแม่และญาติของตน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งในครอบครัวขึ้นได้ ดังสุภาษิตสอนว่า
เอาลูกใภ้มาเลี้ยงแม่ย่า ปานเอาห่ามาใส่เฮือน
เอาลูกเขยมาเลี้ยงแม่เฒ่า ปานเอาข้าวมาใส่เล้าใส่เยีย
(เอาภรรยามาเลี้ยงแม่ย่าเหมือนเอาความจัญไรมาใส่เรือน เอาสามีมาเลี้ยงแม่เหมือนเอาข้าวใส่ยุ้งฉาง) ระบบครอบครัวในภาคอีสานเป็นครอบครัวแบบขยายคือ เมื่อชายหญิงแต่งงานกันแล้ว มักจะไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของฝ่ายหญิงระยะหนึ่งก่อน ต่อมาจึงจะแยกครอบครัวไปอยู่ตามลำพังแต่ก็มักจะสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆกันกับบ้านพ่อตาแม่ยายนั่นเอง ซึ่งการที่ลูกเขยไปอาศัยอยู่บ้านพ่อตาแม่ยาย จะเป็นการดีกว่าพาลูกสะใภ้ไปอยู่บ้านพ่อของสามี เพราะการที่ลูกเขยไปอยู่บ้านพ่อตาแม่ยายเท่ากับเป็นการเพิ่มแรงงานให้ครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องการทำไรไถนา แต่ถ้านำลูกสะใภ้ไปอยู่กับพ่อแม่ของสามี มักจะเกิดความขัดแย้งระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามีเท่ากับเป็นการนำเอาปัญหามาสู่ครอบครัว ดังนั้นจึงมีสุภาษิตที่สอนภรรยาให้เคารพและยกย่องพ่อแม่ของสามีไว้ว่า
ให้นางคารวะแก้วผัวแพงทุกเซ้าค่ำ อย่าได้คึดหล่วงล้ำใจซื่อสุจริต
ยามผัวไปไสมาฮับของมาต้อน เถิงเวลาแลงเซ้าซ่อยพันพลูจีบหมากฯ
หาหมีญาติพี่น้องสองฝ่ายให้ถนอม มีของกินคาวหวานให้ส่งแลงงายเซ้า
กกก่อเหง่าวงศ์สกุลโคตรย่า ให้บูชาอ่อนน้อมถนอมไว้อย่าแหน่งฯ
สุภาษิตนี้ชี้ให้เห็นว่าความรักฉันสามีภรรยากันนั้น ในทัศนะของชาวอีสานที่ปรากฏในคำสอนลักษณะนี้ต้องการให้ภรรยาเคารพต่อพ่อแม่ตลอดถึงญาติของฝ่ายสามี ซึ่งจะนำมาซึ่งความดีทั้งสองฝ่ายให้มีความรักต่อกันอย่างมั่นคงอีก แต่กระนั้นก็ยังมีคำสอนที่กล่าวถึงสิ่งที่ภรรยาจะหนี้จากสามี คือสามีไม่รวยทรัพย์สินเงินก็เป็นอีกส่วนให้สตรีหน่ายหนีก็ได้ หรือ สามีแก่เฒ่าชราตลอดถึงป่วยไข้เป็นลักษณะที่จะทำให้ภรรยาตีตัวออกห่าง ดังสุภาษิตกล่าวไว้ว่า
เมียจักคึดคีกฮ้างแหนงหน่ายหนีผัว เพราะว่าผัวเข็ญใจทรัพย์สินแสนสร้าง
เห็นว่าผัวโตเฒ่าชรากาลกายแก่ เมียเลยซังส่งซ้ำบ่เหลียวหน้าล่ำแล
เห็นว่าผัวเป็นพยาธิ์ฮ้ายเจ็บป่วยบ่จักเซา เมียเลยซังส่งเสียบ่จาจงเอื้อ
เห็นว่าผัวกินเหล้ามัวเมาสุรายาฝิ่น หาแนวกินบ่ได้เมียซ้ำเหล่าซั่ง
เห็นว่าผัวโตเฒ่าบ่ฮู้แห่งหนใด เมียเลยไลลาหนีถ่มน้ำลายน้ำก้น
เห็นว่าผัวเขินข้างบ่เนานอนสมสู่ เมียเหล่าอยู่บ่ได้เห็นหน้าหน่ายซัง