วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554

6 เคล็ดลับ ทำความรักให้มั่นคง

6 เคล็ดลับ ทำความรักให้มั่นคง

ความรักเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกๆ คน แต่เมื่อมีความรักแล้วเราจะทำอย่างไรให้ความรักนั้นมั่นคงและยั่งยืน วันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝากสำหรับคู่รักทุกๆ คู่
ความรัก, อินเลิฟ, ชีวิตคู่
1. มองหาจุดบกพร่องของตัวเอง เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างฝ่ายต่างก็จะเห็นจุดบกพร่องของกันและกัน แต่อย่าเอาจุดบกพร่องของอีกฝ่ายมาปิดกั้นการปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่องของตนเอง เพราะการที่คุณปรับตัว คู่ของคุณก็จะมองกลับมาหาจุดบกพร่องของตัวเองเช่นกัน

2. อย่าแสดงความไม่พอใจอีกฝ่ายต่อหน้าบุคคลอื่น เพราะไม่ว่าหญิงหรือชาย ถ้าพบเหตุการณ์แบบนี้จะรู้สึกว่าตัวเองถูกฉีกหน้า ผลที่ได้ตามมาก็คือการมีปากเสียงกันเกิดขึ้น เก็บความรู้สึกไม่พอใจเวลานั้นไปนั่งคุยกันที่บ้านจะดีกว่าตกเป็นเป้าสายตาของใครต่อใคร
3.อย่าทุ่มเทให้กับงานมากเกินไป จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะช่วยผลักดันและสนับสนุนให้การทำงานของคุณเจริญก้าวหน้า

4. เมื่อมีปัญหาต้องหันหน้าเข้าหากัน ไม่ใช่ว่าพอเกิดปัญหา ต่างคนก็ต่างหันหลังให้กัน ไม่พูดไม่อธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร ปล่อยมันไป เดี๋ยวต่างคนก็ต่างลืม แต่คุณรู้ไหมว่ามันคือรอยร้าวที่กำลังจะทำให้ชีวิตคู่ของคุณไม่ยั่งยืน หันหน้ามาพูดคุยกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

5. หมั่นเติมใจให้กัน เมื่อคุณทั้งคู่มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ย่อมต้องเจอกับความสุขและความทุกข์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ขอแค่อย่าเพิ่งหมดกำลังใจที่จะต่อสู้ คอยเป็นกำลังใจให้กันและกันในยามที่เขาหรือเธอทุกข์ใจ

6. หาเวลาไปรำลึกความหลัง ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัดหรือสถานที่ที่คุณสองคนประทับใจและชอบที่จะไปบ่อยๆ ใช้ช่วงเวลานั้นเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆที่ทำให้ทั้งคู่มีวันนี้ การมีความรักไม่ใช่เรื่องยาก แต่การทำให้ความรักมั่นคงและยั่งยืนต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องยาก
ที่มา ... ชีวจิต

รักยังสดใส อยู่ไหม

รักยังสดใส อยู่ไหม

เอ้า มาดูกันเร็ว ว่าความรักของพวกคุณยังแข็งแรง, แข็งแกร่งและมีความสุขรึเปล่าจ๊ะ? โถถามนี่ เพราะหลายคนที่ยังเป็นโฉด...เอ๊ยโสดคงนึกหมั่นเขี้ยวอยากมีแฟนกะเค้าบ้างน่ะซี่
ยิ่งช่วงเทศกาลหยุดยาวเหยียดหยั่งงี้ ก็น่าจะมีวันนึงล่ะ ที่คุณๆ ทั้งหลายควรอุทิศให้เป็น "วันครอบครัวแห่งความสุขสันต์หรรษา" เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยากฝอยถึงความรักความผูกพันและความมีเยื่อใยกันของคนที่มีความเลิฟให้สมกับเป็นวันแห่งความรักอีกวัน...ท่าจะดี
ว่าแล้วก็อยากชวนให้คุณผู้อ่านลองตอบแบบ สอบถามเพื่อ "วัดอุณหภูมิความรัก" ที่พวกคุณมีต่อหวานใจ และหวานใจมีต่อคุณเป็นการประเดิมก่อนละกัน ซึ่งตามกติกา ก็ขอให้ตอบแค่ว่า ใช่หรือไม่ใช่ และจริงหรือไม่จริงเท่านั้น อย่าซีเรียสอะไรมากเพราะเป็นคำถามขำๆ ก็งี้แหละ เอาล่ะเริ่มเลยที่

1. คุณไม่เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสอะไรหรอก แต่เชื่อเรื่องรักแรกพบมากกว่า เพราะการได้พบกะคนรักของคุณดันเกิดขึ้นอย่างบังเอิญมากๆ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ปิ๊งเค้าฉับพลัน ถึงขั้นเก็บเอาไปฝัน และทำให้คุณดิ้นรนที่จะรู้จักกับเค้าให้ได้ ใช่ปะ?

2. ช่วงระหว่างวันทำงานหรือเรียนหนังสือที่ไม่ได้เจอะเจอกัน คุณมักส่งข้อความสั้น (SMS) เป็นการแสดงความห่วงใยบ้างล่ะ, คิดถึงก็บ่อย แล้วไหนจะเป็นข้อความตลก-โปกฮา รวมทั้งเตือนให้เค้าดูแลสุขภาพ อย่างน้อยวันละ 1 ข้อความ ใช่ม้า?

3. เวลาที่คุณเจอสิ่งที่คุณคาดว่าแฟนจะชอบ เช่น เสื้อตัวสวย, ผ้าขนหนูนุ่มนิ่ม, ต่างหูสักคู่, กางเกงในลูกไม้รุ่นล่าสุด, เนกไทสุดเท่ ฯลฯ คุณมักจะซื้อของเหล่านี้ติดไม้ติดมือมาฝากหวานใจอยู่เรื่อย ใช่มะ? ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ใช่การเล่นเกมเป็นเจ้าบุญทุ่มหรอกนะ แต่ทุ่มเทเพราะรักต่างหาก อุ๊ยไม่รู้จะหวานไปถึงไหนๆ ฮ่าฮ่า

4. แม้คุณจะมีงานยุ่งวุ่นวายและหัวฟูขนาดไหน แต่ถ้าเค้าเอ่ยปากชวนไปเป็นเพื่อนทำธุระส่วนตัวของเค้าละก็ โอ๊ย คุณงี้จะรีบทำตัวให้ว่างทันทีด้วยการบอกปัดและเลื่อนนัดของคุณ เพื่อไปเป็นเพื่อนเค้าแทน จริงอ่ะ? โห เข้าตำรา "ธุระของเค้าสำคัญพอๆกะของเรา" เชียวเฟ้ย

5. คุณมักทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกให้เค้าตื่นไปทำงานหรือไปประชุมให้ทันเสมอใช่ปะ? แหม คุณรู้นี่ว่า เค้าดูแลตัวเองในเรื่องนี้ได้ห่วยมาก จึงอาสาเป็นนาฬิกาปลุกอย่างเต็มใจแทนซะเลย

6. ถ้ามีใครแวะผ่านเข้ามาทักทายคุณ ในขณะที่คุณอยู่กะแฟนพอดิบพอดี คุณไม่เคยเขินที่จะทักทายตอบ แถมยังแนะนำแฟนให้ฝ่ายที่มาทักได้รู้จักซะด้วย อ่ะ ไม่เห็นต้องปิดบังอะไรนี่ เพราะคุณภูมิใจเสนอจะตาย...น้าน ว่ากันเข้าไปนั่น ใช่ม้า?

7. คุณไม่ค่อยตามใจแฟนหรอก แต่แฟนสิ แหม้ ตามใจคุณเหลือเกิน ใช่ป่าว? แต่เอ๊ะ นี่เป็นช่วงเพิ่งข้าวใหม่ปลามันกันรึเปล่าจ๊ะ

8. คุณรู้ใจเค้าไปเกือบหมดซะทุกอย่าง เช่น ชอบสีอะไร, ชอบทานอะไร ดังนั้น หากมีโอกาสได้แวะผ่านไปที่ร้านอาหารที่เค้าโปรดปราน คุณจะเป็นฝ่ายชวนเค้าทานอาหาร แม้ตอนนั้นคุณยังไม่หิวซะหน่อย งั้นเชียว? โห ยอมอ้วนเพื่อเค้านี่ไม่ธรรมดาแฮะ

9. คุณทั้งคู่ยังคงจับมือถือแขน หรือควงกันไปไหนต่อไหนในที่สาธารณะใช่มะ? โอ้โหสวีตกันได้ทุกเมื่อสิน่ะ

10. เมื่อถึงวันครบรอบความรักของพวกคุณเมื่อไหร่ แม้เค้าอาจลืมแต่คุณไม่เคยต่อว่าหนักๆ เพราะเค้ามักหาทางชดเชยให้คุณอย่างจั๋งหนับเสมอ เช่น แอบเข้ามาหอมแก้มยามเผลอ หรือเดินมาหาคุณข้างหลังแล้วโอบกอดบอกว่า ไม่ลืมนะ (แต่เพิ่งนึกได้) อะไรเงี้ยะใช่ม้า?
หวังว่าตอบกันได้ทุกข้อเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ เอาล่ะจึงขอเฉลยเลยว่า หากตอบว่า ใช่ หรือจริง มากกว่าไม่ใช่และไม่จริง ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะความเลิฟของคุณยังเหนียวหนึบและหวานจ๋อยกันอยู่ ก็ขอให้รักษาความรักดีๆ เช่นนี้ไว้นานๆ เพราะไหนๆ ก็เลิฟกันเข้าไปแล้วนี่หว่า
แล้วหากอยากให้รักของพวกคุณมีดีกรีความเข้มข้นมากกว่านี้ละก็ คราวนี้ก็มีเคล็ดขัดยอก เอ๊ย เคล็ดลับมาเล่าให้ฟังเป็นแซมเปิ้ล ดังนี้...
561678-topic-ix-0@ อย่าอายที่จะเอ่ยคำว่ารักกับหวานใจ
ในเมื่อผูกสัมพันธ์ทางใจอย่างลึกซึ้ง ก็ควรเอื้อนเอ่ยคำหวานเป็นภาษาดอกไม้ให้กันฟังมั่ง โดยเฉพาะคำว่ารักถือเป็นธรรมเนียมที่คู่เลิฟควรทำเลยแหละ ไม่ใช่มัวอมพะนำหรือลังเลใจที่จะพูด เห็นบางคน โอ๊ยโหยว ใจน่ะรักแฟนแถมยังปรนนิบัติพัดวีไม่ขาดตกปกพร่อง แต่ดันไม่กล้าบอกแฟนว่า รักนะ หรือ รักจัง เพราะเขินหรือกลัวพูดไปแล้วจะเสียหน้ารึไงก็ไม่รุ เฮ้อ ขืนบอก รักแค่นี้ยังอายก็แย่แล้ว ไม่งั้นเค้าอาจคิดเตลิดและระแวงว่า ที่คุณไม่บอกรักเป็นเพราะหมดรักกันแล้วก็แย่ซี่

@ รู้จักใช้ภาษากายให้เป็นประโยชน์ผูกใจให้แน่นแฟ้น
แต่การใช้ภาษากายไม่ได้หมายความว่าให้หื่นกระหายนะเฟ้ย นั่นเป็นพฤติกรรมของเฒ่าหัวงูเค้าทำกัน ส่วนคู่รักน่ะมักหาโอกาสเหมาะๆ ลูบหลังลูบไหล่, จับไม้จับมือ, ลูบไล้ใบหน้า, จุมพิตกันที่หลังมือ และอื่นๆ อีกจิปาถะ เพราะการทำเช่นนี้สามารถสื่อสารภาษาใจให้รักใคร่กลมเกลียวกันได้แจ๋วดีออก

@ ถ้าผิดอย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ควรรู้จักขอโทษ จะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกดีขึ้น
ใครๆ ก็สามารถพลั้งเผลอทำผิดได้ทั้งน้าน โดย เฉพาะกับคนที่อยู่ด้วยกัน สามารถสร้างเรื่องผิดกติกาสากลของการเป็นคู่รักที่ดีได้เสมอแหละ ดังนั้น หากรู้ตัวว่า เผลอไปทำอะไรผิดขึ้นมาสักอย่าง ไม่ว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยหรือคอขาดบาดตาย ก็ควรรู้จักขอโทษกัน ไม่ใช่ ตัวเองผิดแต่ให้อีกฝ่ายขอโทษแทน เอ๊ะ...มันก็ชักยังไงๆ อยู่นะ เอ...เป็นคู่รักหรือคู่กรรมกันแน่ฮ้าเนี่ย

http://hot.ohozaa.com

10 นิสัยเเย่ๆ ที่ทำให้ความรักลดน้อยลง

10 นิสัยเเย่ๆ ที่ทำให้ความรักลดน้อยลง

ไม่ว่าจะเป็นสำนวนไทย ที่ว่า ‘ข้าวใหม่ปลามัน’ หรือ ‘ยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน’ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่หลายคนเถียงไม่ได้ เพราะเป็นธรรมดาที่คนเราตอนรักกันใหม่ๆ อะไรๆ ก็ดีไปเสียหมด แต่เมื่ออยู่กันไปนานๆ ความเป็นตัวของตัวเองกับความเคยชิน ก็เลยทำอะไรบางอย่าง ซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งอาจจะรับไม่ได้ จนถึงขั้นต้องบอกเลิกรากันไป
ดังนั้นลองมาดู 10 นิสัยแย่ๆที่จะทำให้ชีวิตรักถูกบั่นทอนไป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้คนรัก ต้องเลิกรามากที่สุด

1. เห็นแก่ตัว
เห็นแก่ตัวหรือการเอาแต่ใจตัวเองนั้น แม้จะเป็นเรื่องธรรมดามากที่ทุกคนต้องเอาแต่ใจตัวเองกันอยู่แล้ว แต่ว่าใครจะเอาใจตัวเองมากหรือน้อยเท่านั้นเอง บางคนคิดว่าเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองน้อย แต่ความจริงแล้วมาก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เลย ทำให้อีกฝ่ายเอือมระอาก็เป็นได้


2. แสดงความป็นเจ้าของ
การที่คนเรารักกันนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่หากคุณไปแสดงความเป็นเจ้าของจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาคนนั้นอาจเกิดความรำคาญและรู้สึกอิสระที่เคยมีมันถูกจำกัดมากขึ้น ซึ่งในที่นี่ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องรักกันอย่างหลบๆซ่อน แต่การที่คุณแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ว่าคุณกับเขาเป็นแฟนกันในลักษณะที่เป็นเงาตามตัวกันเลย เช่น ไปไหนไปด้วย ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ โดยไม่ให้เขามีเวลาส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว ก็อาจเป็นปัญหาได้เหมือนกัน

3. พิษรัก แรงหึง
คนเราอยู่ด้วยกัน แต่มีให้เกียติและไมไว้ใจซึ่งกันและกันก็คงจะอยู่ยาก ซึ่งเรื่องการหึงหวงนี้ คงจะห้ามไม่ให้หึงไม่ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายควรมีลิมิตกันบ้าง ไม่ใช่ว่าเพื่อนคุยด้วยก็ยังหน้ามืดตามัว หึงขนาดนั้น คงจะไม่ไหว บางคนเข้าขั้นโทรเช็คตลอดเวลา อันนี้น่าเป็นห่วงมาก

4. ท้าเลิก
ท่องให้ขึ้นใจ จะทะเลาะกันหนักแค่ไหนอย่าท้าทายไปหย่าหรือเลิกกันเด็ดขาด ถ้าคิดแค่เพียงให้เขามาง้อเท่านั้น วิธีนี้จะใช้ได้ผลในช่วงแรกเท่านั้น แต่หลังๆ ละก็ หากพูดบ่อยเข้า เขาตอบสนองพาไปอำเภอ หรือเลิกกันจริงๆ น้ำตาเช็ดหัวเข่าในตอนจบ

 

5. นอกใจ
ช่างเป็นพฤติกรรมลนิสัยที่ใช้ไม่ได้จริงๆ เพราะหากใครทำแบบนี้ถือได้ว่าคุณไม่ได้ให้เกียรติคนที่คุณรักเลย ซึ่งทุกคนก็ย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง บางครั้งอาจทำเพื่อให้อีกฝ่ายหึงเล่นๆ เป็นการคอนเฟิร์มว่าคุณเองก็มีค่าสำหรับพวกเขา แต่ควรระวังให้ดี เพราะมองอีกมุม คือคุณไม่แคร์ความรู้สึกของเขาเลย และถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันไปทำไม

6. หูเบาเชื่อเพื่อน
บ่อยครั้งที่มีคำถามว่า เพื่อนกับแฟน เลือกอะไร หรือไม่ก็เอาข้อดีของเพื่อนและแฟนมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันจะเปรียบเทียบกันได้อย่างใรในเมื่อเพื่อนกับแฟนมี สถานะที่ต่างกันและแทนกันไม่ได้เสียเลย
แต่ในบางครั้ง เพื่อนก็ไม่อยากให้คุณมีแฟน เพราะเวลาที่จะได้เฮฮากับเพื่อนก็จะลดลงเพราะแฟนก้าวเข้ามาในชีวิต หากเพื่อนเข้าใจในเรื่องนี้ก็คงจะดี แต่ทว่าเพื่อนที่คบหาไม่เปิดใจเอาเสียเลย เขาจะคิดว่าคุณไปตัวติดกับแฟนแทน หรืออาจจะด้วยความหวังดีมากเกินไป ก็เลยคิดแทนคุณไปหมด ว่าแฟนคุณดีพอสำหรับคุณหรือเปล่า จนเป็นประเด็นให้ต้องทะเลาะกันก็มี

7. โกรธแล้วไม่เคลียร์
เป็นสาเหตุที่ทำให้คู่รักเลิกรากันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า หรือบางทีเรื่องที่โกรธอาจมาจากความเข้าใจผิด แล้วไม่พูดกัน ก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ซึ่งความผิด ความไม่เข้าใจ และอารมณ์ที่ขุ่นมัว เมื่อมันเก็บไว้นานๆก็อาจทำให้คนสองคนเบื่อหน่าย ทำอะไรก็ผิดไปเสียหมด

8. นัด...อย่าผิดนัด
การเลื่อนนัดประเภทเลื่อนแล้วเลื่อนอีก หรือว่ามาสายแบบ นัดเช้ามาบ่าย นัดบ่ายมาเย็น อาการแบบนี้ บางคนเขารอบ่อยๆ รอไปรอมา เลิกรอตลอดไปเลยก็มีนะ เพราะแค่การรับผิดชอบตัวเอง ให้ตรงต่อเวลายังไม่สามารถทำได้ แล้วจะรับผิดชอบหรือทำให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นได้อย่างไร

9. พูดข่มเหง
อาจจะเพียงแค่อำกันเล่น แต่บางคนอำกันแรงเกินไป หรือเรื่องที่ไม่ควรจะพูดเช่นเรื่องหยาบคาย เรื่องที่กระทบต่อความรู้สึก ที่อาจจะเกิดการทะเลาะกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุเล็กๆ ที่จะนำไปสู่ความบานปลายได้

 

 

10. โกหก
แม้ว่าเรื่องบางเรื่อง ไม่พูดความจริงอาจจะดีกว่า แต่บางคนโกหกจนเป็นนิสัย หาความจริงไม่ได้ ซึ่งเรื่องอย่างนี้ ใครถูกหลอกบ่อยๆก็คงไม่สุขใจแน่นอน แล้วจะอยู่ด้วยความระแวงต่อไปได้อย่างไร
ทั้งนี้คนที่จะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยออดเพชรนั้น นอกเหนือจะหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านี้แล้ว อีกประการสำคัญที่ควรยึดไว้ในการครองเรือนนั้นคือ การรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน นั่นเอง

6 พฤติกรรมนิสัยหญิงที่ชายข้างกายเบื่อ

6 พฤติกรรมนิสัยหญิงที่ชายข้างกายเบื่อ

มีสาวจำนวนไม่น้อยติดนิสัยญิ๊งหญิงบางอย่างไปใช้กับผู้ชายข้างกาย โดยหารู้ไม่ว่าคุณกำลังทำความผิดพลาดในชีวิตคู่

พฤติกรรม 1 : ตามจิก ตรวจสอบ ทุกกระเบียดนิ้ว
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร-ไปไหน-คุยกับใคร คุณจะถามจี้จุกจิกทุกเม็ด มิหนำซ้ำยังคอยเช็กมือถือ อีเมล์ เฟซบุ๊ค ทุกสายทุกข้อความเข้าออก บางนางถึงกับรื้อค้นกระเป๋าตังค์ ตรวจเช็กหาสิ่งซุกซ่อนในรถ ราวกับเขาไปก่ออาชญากรรมมาซะงั้น นั่นแสดงว่าคุณไม่เชื่อใจไม่ไว้ใจสามีสุดเลิฟของคุณ
คนเราถ้าริจะรักจะคบกัน กระทั่งใช้ชีวิตด้วยกัน ต้องเชื่อใจกันค่ะ
การไม่ไว้วางใจคนรักนั้นเปรียบเสมือนมะเร็งร้าย ซึ่งค่อยๆ กัดกร่อนความรู้สึกที่มีต่อกันทีละเล็กละน้อย ผู้ชายใจเย็นบางคนเขาอาจจะเงียบ ไม่โวยวายหรือแสดงอาการฉุนเฉียวกระฟัดกระเฟียด ที่เห็นคุณเข้าไปยุ่มย่ามโลกส่วนตัวของเขา เพราะเขาคิดว่านั่นคือความสุขของคุณ แต่เชื่อเถิด มนุษย์ก็คือมนุษย์ ไม่มีใครชอบความรู้สึกที่ถูกไม่ไว้วางใจหรอกค่ะ โดยเฉพาะจากคนที่เรารัก
“ก่อนแต่งงานต้องเปิดตา 2 ข้าง แต่หลังแต่งงานแล้ว จงปิดตาข้างหนึ่ง…”
นำคำสอนคอนเซ็ปต์ชีวิตคู่จากรุ่นปู่ย่าตายายดังกล่าวมาปรับใช้ในชีวิตคู่คุณซะนะคะ
พฤติกรรม 2 : พยายาม ‘เปลี่ยน’ เขา
ในเมื่อก่อนแต่งงาน..เขาเป็นคนยังไง คุณก็รักจนกระทั่งตกลงปลงใจร่วมหอลงโลงกับเขาแล้ว ทำไมชอบไป ‘เปลี่ยน’ เขาด้วยล่ะ
“เบื่อ! เมียหุงแต่ข้าวกล้องให้กิน ขาหมูก็ไม่ให้กิน” เจ้าบ่าวหมาดๆ ต้องแอบไปกินเมนูโปรดมื้อกลางวันตอนไม่ต้องอยู่กับเมีย
อย่าไปทำให้เขารู้สึกอึดอัดจำต้องเสแสร้งเพื่อเอาใจคุณ ผู้ชายน่ะเขาจะรู้สึกสบายตัวสบายใจและรักนับถือคุณมากขึ้นถ้าคุณปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง
จำไว้นะคะ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใครได้นอกจากตัวเราเอง หากคุณรักใครก็จงรักในแบบที่เขาเป็น… แล้วชีวิตคู่ก็จะมีประเด็นขัดแย้งน้อยลง

พฤติกรรม 3 : ขี้เม้าท์ นินทาเก่ง
โดยธรรมชาติผู้ชายชอบทำมากกว่าพูด ทว่าหากเจอเมียพูดมาก พูดไม่หยุด แถมชอบซุบซิบนินทาคนโน้นคนนี้ให้เขาฟังตลอดเวลา รับรองเขาต้องเซ็งคุณสุดขีด ขี้เกียจฟัง พาลเบื่อเมียขี้เม้าท์
เสน่ห์ในการดำรงความสัมพันธ์คือ ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี และการสื่อสารระหว่างคุณกับเขาต้องสมดุลกัน แบ่งกันพูด ช่วยกันฟัง อย่าให้คนใดคนหนึ่งต้องเป็นผู้พูดคนเดียว หรือเป็นผู้ฟังฝ่ายเดียว

พฤติกรรม 4 : ควบคุมบงการ
นอกจากคุณจะเป็นจอมบงการควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตทุกอย่างของเขาละเอียดยิบแล้ว ยังช่างตำหนิติเตียนทุกสิ่งที่เขาทำ ราวกับเป็นมารดาบังเกิดเกล้า
ผู้ชายน่ะเขาเกลียดการถูกบังคับควบคุมเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขาต้องการอยู่ในกฎระเบียบ เขาก็คงยังอยู่กับแม่ ไม่หาเมียแต่งงานหรอก การพยายามเข้าไปจัดการควบคุมชีวิตผู้ชายของคุณถือว่าเป็นความผิดพลาดอันหนักหนาสาหัสของฝ่ายหญิงเลย เพราะคุณกำลังทำตัวเองให้กลายเป็นแม่ ไม่ใช่เมีย!
พฤติกรรม 5 : ประกบติด มิห่างสายตา
พื้นทื่ช่องว่างคือ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตคู่ค่ะ ภรรยาจำนวนไม่น้อยติดสามี หลงคิดไปว่าชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยกันทุกแห่งหน โดยหารู้ไม่ว่า ระยะห่างกันกลับทำให้เขากับคุณรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะได้มีโอกาสห่วงหาคิดถึงกัน
ขอยกบางส่วนของคติชีวิตคู่จากหมวดแต่งงานในบทกวี “ปรัชญาชีวิต” ที่ท่าน ศ. กิตติคุณ ดร.ระวี ภาวิไล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ แปลจาก “เดอะ พร็อพเฟต” (The Prophet ผลงานยอดเยี่ยมของกวีชาวเลบานอน คาลิล ยิบราน Khalil Gibran)
“และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน”

เพราะถ้าเสาอยู่ติดกัน วิหารย่อมต้องพังลงมาแน่ๆ เลย เฉกเช่นเดียวกับความรักความสัมพันธ์การใช้ชีวิตร่วม จงทิ้งช่วงห่างกันบ้าง เพื่อรักษาความสมดุลย์ อย่าติดหนึบประกบติดเขาตลอดเวลา มิฉะนั้นเขาอาจจะอึดอัด และระเบิดเบื่อขึ้นมาในที่สุด
พฤติกรรม 6 : ไม่เป็นตัวเองแม้แต่เรื่องเล็กน้อย
ผู้ชายชอบผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเอง พวกเขาเคารพนับถือผู้หญิงสไตล์นี้ด้วยซ้ำ จากเว็บ yourmodernliving.com เผยรายงานการศึกษาว่า ผู้ชายส่วนมากรู้สึกว่าผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองนั้นเซ็กซี่มากตรงกันข้าม เอะอะอะไรก็คิดเองไม่ออก ทำเองไม่ได้ ไปเองไม่เป็น มัวออดอ้อนออเซาะพึ่งพิงฝ่ายชายตล๊อด ระวัง! คุณกำลังกลายเป็นหญิงน่าเบื่อ!!

ทำไงดี ถ้าแฟนอยากรีเทิร์น

ทำไงดี ถ้าแฟนอยากรีเทิร์น

สังเกตไหมจ๊ะ ว่าความรักทำให้ใครบางคนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ เช่น จากไม่เคยเอาใจใส่ใครมาก่อนเลยในชีวิต แต่พอมีเลิฟขึ้นมาที อู๊ย คราวนี้ล่ะ ถึงได้ฤกษ์ทำตัวสุภาพขึ้น แถมแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน ไม่ว่าจะให้คำปรึกษาหารือยามที่อีกฝ่ายไม่สบายใจ, คอยช่วยเหลือยัวร์เลิฟ (สุดที่รัก) ด้วยการขับรถไปรับไปส่งจากบ้านไปที่ทำงาน แถมยังซื้อของขวัญของฝากมาประเคนให้แฟนบ่อย ๆ จนคนอื่นเห็นความรักของพวกคุณเข้า ก็มักอิจฉาไปตาม ๆ กันน่ะซี
ขณะที่ความรักของอีกหลายคู่ เอ๊ะ ทำไมมันช่าง "ได้หน้าลืมหลัง"...เอ๊ยพอรักไปสักพักชักกลายเป็นรักจืด ๆ เหมือนลืมเติมน้ำตาล, น้ำปลา และน้ำส้มลงไปงั้นแหละ ดังนั้น คู่รักรายใดมีสภาพเป็นแกงจืดไปแล้ว ก็อย่านิ่งดูดาย ควรหันมาสวีทกันใหม่อย่าลืมซะล่ะเอ้า บ่นพอสังเขป สัปดาห์นี้มาเข้าเรื่อง ถ้าหากคุณถูกแฟนเก่าตามตื๊อขอคืนดี แล้วจะรับมือกะเค้ายังไง? โถคำว่า "แฟนเก่า" คงมีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักใช่ปะ เพราะบางคนอาจมีแฟนเก่ามาแล้วเป็นโหลก็ได้ใครจะรู้ ฮ้า...ขืนมีแฟนเก่าเป็นโหลก็เจ้าชู้ฉิบเป๋งแต่ถ้าแฟนเก่าของคุณ อยากกลับมาสานสัมพันธ์กับคุณอีกครั้งนึงล่ะ ทั้งที่เลิกกันไปแล้ว เอ๊ะไฉนเหตุใดเค้าถึงอยากตามง้อขอคืนดีกับคุณอีกนะเนี่ยถ้าคุณคิดเข้าข้างตัวเอง ก็แสดงว่าหลังจากแยกทางกันแล้ว แม้เค้าจะไปมีกิ๊กหรือแฟนใหม่เป็นใครที่ไหนก็เหอะ เค้าก็ไม่เคยรู้สึกประทับใจเท่ากับตอนมีคุณเป็นแฟนน่ะซิ เพราะคุณดีกับเค้าทุกอย่างนี่ เช่น เคยไปทำความสะอาดบ้านให้เค้า, คอยทำกับข้าวให้ทาน และถ้าเค้าอยากให้คุณช่วยเลี้ยงสุนัขแสนโปรดในยามที่เค้าไม่อยู่บ้าน คุณก็เต็มใจซะด้วย เค้าก็เลยชอบคุณน่ะซี (เอ๊ะหรือเห็นเป็นคนรับใช้ของเค้า ก็ไม่รู้วะ...อุ๊บส์)จึงไม่แปลกหากเค้าจะโหยหา อยากกลับมาเป็นแฟนคุณอีกครั้ง แต่ขืนเป็นงี้คงทำให้คุณตัดสินใจลำบากแหง ๆ แหมในเมื่อแฟนเก่ากลับมาหาคุณใหม่ทั้งที จะไม่ให้ดีใจ...เอ๊ย ประหลาดใจได้ไง เพราะคุณต้องทบทวนหลายสิ่งก่อนจะกลับไปคืนดีหรือปฏิเสธแฟนเก่ารายนี้น่ะเซ่ เช่น...

1. หาเหตุผลที่แท้จริงให้ได้ว่า เค้าอยากกลับมาเป็นแฟนกับคุณอีกทำไมมิทราบ ในเมื่อทั้งคุณและเค้าเลิกเป็นแฟนกันไปแล้ว ดังนั้น ถ้าเค้าเกิดกระแดะติดต่อมาหาคุณอีก ไม่ว่าจะผ่านทางเพื่อนสนิทของคุณ หรือเค้ายังจำเบอร์มือถือของคุณได้ ก็เลยโทร.มา แล้วทำเป็นสอบถามว่าช่วงเวลาที่พวกเราไม่เจอกันน่ะ คุณสบายดีหรือเปล่า?, มีใครมาจีบมะหรือไปจีบใครเข้าล่ะ? ถ้าโทนเสียงเหมือนขี้เล่นก็แล้วไป แต่ถ้าเค้าไม่ถามเล่น ๆ ล่ะ คุณก็ย่อมสงสัยแล้วอ่ะดี้ ว่าเค้าจะมาไม้ไหนใช่ม้าก็ปล่อยให้เค้างัดกลยุทธ์หวังจีบคุณอีกครั้งออกมาเลย แล้วดูสิว่าเค้าจะเริ่มชวนคุณออกเดทอีกครั้งเมื่อไหร่ ซึ่งหากอยากรู้ว่าเค้ากลับมาหาคุณทำไม? คุณก็รับนัดไปเดทกะเค้าซะสิ
                แล้วทีนี้ ก็ถึงตอนสำคัญที่คุณจะถามเค้าตรง ๆ แล้วล่ะว่า "ที่โทรศัพท์มาหาเดี๊ยนทุกวัน แถมยังวันละหลายครั้ง แถมยังบอกอีกด้วยว่าตอนนี้เค้าโสดสนิทนะ มันหมายความว่าอะไรจ๊ะ" ถ้าเค้ากล้าและจริงใจกับคุณจริงละก็ เค้าคงไม่ปิดบังหรอกว่า ทำไมเค้าถึงอยากกลับมาสวีวี่วีชวนคุณเป็นแฟนกันอีกครั้ง เช่น อาจบอกว่าเค้าเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าคุณเป็นสาวที่เหมาะสมกับเค้าที่สุด...อ้าว แสดงว่าแต่ก่อน เค้าไม่เคยคิดแบบนี้กะคุณเลยเรอะ เออว่ะ พอเลิกกันแล้ว ถึงเพิ่งคิดออก...โอ๊ยจะบ้าตาย หรือถ้าเค้าสารภาพว่ายังรักคุณเสมอ...เอ้าแล้วตอนก่อนเลิก ทำไมเค้าถึงลืมคำนี้ไปซะล่ะกระนั้นไอ้พวกที่พูดจริงก็มี อย่ามองแฟนเก่าแต่ในแง่ร้าย แต่คุณต่างหากที่ควรรู้นิสัยของเค้าดีกว่าใคร ว่าเค้าตอแหลเก่งมาแต่ไหนแต่ไร หรือเค้ากะคุณแค่มองตากันก็เข้าใจกันแล้ว

2. จังหวะที่เค้ากลับมาจีบคุณคราวนี้ เป็นช่วงที่คุณมีแฟนใหม่แล้วรึยัง ถ้าเค้าสะเหล่อเข้ามาประจบประแจงและง้อคุณ ตอนที่คุณดั๊นมีแฟนแล้วละก็ ย่อมทำให้สาวสวย เซ็กซี่และผิวพรรณเนียนนุ่มอย่างคุณ (โอ้โห เล่นชมกันเองซะแล้ว 555) ลำบากสะดือ เอ๊ยลำบากใจแหง ๆ เลย เอ้งี้ จับปลาสองมือซะเลยดีมะ แต่ไม่เอาน่า ผู้หญิงน่ารักแถมไม่หลายใจอย่างคุณ ไม่มีทางจับปลา 2-3 มือแน่นอน ขืนโง่ทำงั้น คงไม่เหลือใครเลยน่ะซี

3. ถ้าเผอิญคุณมีแฟนอยู่พอดี แล้วจะบอกแฟนคนล่าสุดไหมว่าแฟนเก่าของคุณอยากกลับมาคืนดีด้วย โหเรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบหน่อยนะ เพราะถ้าให้บอกโต้ง ๆ กันอย่างตรงไปตรงมา มันก็เป็นหนทางที่ดีอยู่หรอก แต่เชื่อปะ เมื่อคุณเอ่ยปากพูดถึงแฟนเก่าขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ แฟนคนล่าสุดย่อมซักไซ้ไล่เลียงหาความเป็นมา ของไอ้แฟนเก่ารายนี้อย่างละเอียดยิบแหง ๆ งั้นโอมเพี้ยงขอให้แฟนของคุณรับรู้ความสัมพันธ์เก่าก่อนด้วยความเป็นผู้ใหญ่ ทีเถิด ไม่งั้นละเดี๋ยวอาจผิดใจกันแล้วจะยิ่งช้ำเข้าไปใหญ่ แต่ยืนยันนะว่าไง ๆ ก็ควรบอกแฟนให้รู้ไว้

4. แล้วจะเลือกเก่าหรือใหม่ดีน้าใครจะไปรู้คำตอบดีกว่าคุณล่ะ เพราะคนเคยรักแล้วมาเลิกรากันไป แถมกลับมาหากันใหม่ ย่อมมีอะไรทะแม่ง ๆ นะ แต่ก็อีกแหละ บางทีเลิกกันเพราะสมัยโน้นคุณกับแฟนเก่า ยังมีความคิดเป็นเด็ก ๆ กันอยู่ก็ได้ ส่วนแฟนล่าสุด ถ้าไม่ได้สนใจไยดีกะคุณนัก ก็โบกมือบ๋ายบายไปซะดีกว่า หรือถ้าแฟนล่าสุดเกิดระแวงคุณขึ้นมาแล้วหาเรื่องกับคุณอยู่ได้ ทั้งที่คุณไม่เคยเปลี่ยนใจไปจากเค้า ก็ควรพูดจากันซะให้รู้เรื่องไปเลย เลือก คนที่คุณคิดว่าเค้าเหมาะกะคุณมากที่สุด ตลอดจนรัก, ห่วงใยและอาทรคุณคนเดียว ถ้าใครมีคุณสมบัติครบเซตหยั่งงี้ ก็เลือกคนนั้นละกัน แล้วอย่าตาถั่วเชียว

http://hot.ohozaa.com/

ทำไมผู้ชาย ไม่ชอบผูกพันธ์

ทำไมผู้ชาย ไม่ชอบผูกพันธ์

ผู้ชายทุกคนอยากมีแฟน แต่มีผู้ชายจำนวนน้อยเท่านั้น ที่ร้อนรนอยากแต่งงาน เราจะเห็นได้จากการคบกันเป็นแฟนของชายหญิง ตั้งแต่สมัยมัธยม มหาวิทยาลัยจนกระทั่งเริ่มทำงาน
ฝ่าย หญิงส่วนใหญ่จะใฝ่ฝันถึงตอนจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็น...การแต่งงาน แต่ฝ่ายชายส่วนใหญ่มักจะทำตัวเป็นแฟนไปตลอดอยากอยู่ด้วยกันเฉยๆ แต่ไม่มีอนาคต ไม่มีฉากแต่งงาน หลายคนสอดส่ายสายตามองหาหญิงอื่นไปเรื่อยๆ ทิ้งให้ผู้หญิงคนแรกของเขาเจ็บตอนจบ
.... ผู้ชายสมัย นี้ ไม่ว่าจะหล่อเข้ม หล่อตี๋ หล่อลูกครึ่ง ยุโรป อเมริกา การศึกษาสูงระดับด็อกเตอร์
หรือเรียนไม่จบสักอย่าง ฉลาดหรือโง่ ไม่เว้นว่ารวยหรือจน ร้อยทั้งร้อยต่างก็กลัวการผูกมัดกันทั้ง
นั้น … เป็นเพราะอะไร เรามาลองช่วยกันหาเหตุผลของเขาดีกว่า
1. กลัวการรับผิดชอบ
พวกผู้ชายหลายคนได้รับการสั่งสมความคิด และรับรู้กันมาว่า การแต่งงานคือการผูกมัดต้องมอบชีวิตทั้งหมดให้ครอบครัว ซึ่งพวกเขาจะต้องรับผิดชอบภรรยาและลูกๆ ที่จะเกิดมาทำให้พวกเขาแค่นึกก็ขยาดขนหัวลุก เลยพากันคิดว่าอยู่อย่างนี้ดีแล้วไม่ต้องรับผิดชอบใคร
2. กลัวขาดอิสระ
ชีวิตส่วนใหญ่ของเพศชาย มีอิสระล้นฟ้า จะทำอะไร จะไปไหนก็ได้ พ่อแม่ไม่ถือ อาจจะบ่นจะว่าบ้าง แต่ก็ไม่รุนแรง หายหัวไปนอนบ้านเพื่อนสองอาทิตย์ กลับมาก็ยังได้รับการต้อนรับจากครอบครัวเหมือนเดิม สำมะเลเทเมาแค่ไหนก็ได้ มีแฟนกี่คนก็ได้จะ รีบมีเมียไปทำไม
3. กลัวไม่ได้ทุ่มเทกับงาน
ผู้ชายบางกลุ่มมุ่งมั่นในอาชีพการงาน ชอบการแข่งขัน เพื่อไขว่คว้าหาความก้าวหน้า คนพวกนี้คิด
ว่า การมีครอบครัวจะขัดขวางเวลาในการทำงาน กลัวทำงานดึกไม่ได้ กลัวไปกินดื่มสังสรรค์กับเจ้านาย และลูกค้าไม่ได้อย่างที่เคย เขาจึงไม่อยากผูกมัดกับหญิงใด
4. กลัวอดเที่ยว
ผู้ชายทุกคนชอบเที่ยว บางกลุ่มชอบเที่ยวกลางคืน เฮไหนไปนั่น อยู่กับเพื่อนทั้งวันทั้งคืน บางกลุ่มชอบผจญภัย ชอบขับรถออฟโรด ตะลุยไปทั่วป่าเขาลำเนาไพร ผู้ชายกลุ่มนี้จะทุ่มเทเงินกับการแต่รถซื้อ อุปกรณ์เดินป่า ไม่อยากมีลูกเมียให้เป็นพันธะให้ต้องเป็นห่วง
5.กลัวเพื่อนหาย
เป็นที่รู้กันแล้วว่า ผู้ชายชอบจับกลุ่มอยู่กันเป็นฝูง เพื่อส่องหญิง จีบหญิงแข่งกัน หรือแต่งรถแข่งกัน หาเรื่องมาแข่งขันกันเช่น พนันฟุตบอล เล่นเกมต่างๆ คุยใหญ่โตทับกัน เพราะหัวใจของผู้ชายชอบการแข่งขัน ถ้ามีเมีย เขากลัวว่าจะกลับมารวมกลุ่มกันไม่ได้
6. กลัวว่าตัวเองจะกลัวเมีย
ผู้ชายหลายคนนะ...ที่รักผู้หญิงแบบเทิดทูน แต่พวกเขาก็ยังรักตัวเอง รักชีวิตแบบเดิมๆ ของตัวอง ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่อยากแต่งงาน เพราะเกรงว่ามีครอบครัวไปแล้วจะกลายเป็นคนกลัวเมีย หลงรักลูก ไม่กล้าไปทำอะไรอย่างที่เคยๆ แล้วก็กลัวถูกเพื่อนล้อด้วย...
25_201108042219597. กลัวเซ็กซ์หดหู่
เคยบอกแล้วววว...ว่าเซ็กซ์เป็นสิ่งสำคัญในอันดับต้นๆ ของเพศชาย การเป็นโสดของผู้ชาย อาจหมายถึงการใช้ชีวิตเซ็กซ์อย่างอิสระเสรี มีเพศสัมพันธ์อย่างตื่นเต้นกับหญิงแปลกหน้าไปเรื่อยๆ ถ้าการมีเมียหมายถึง การต้องมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนเดียวพวกเขาจะรีบมีไปทำไม
8. กลัวญาติ (เมีย) เยอะ
ผู้ชายไม่ชอบความวุ่นวาย เพศชายส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ใครแบบเพศหญิง ถ้าการแต่งงานหมายถึงเขาจะต้องเข้าไปจำยอมอดทนกับ พ่อตา แม่ยาย สารพันญาติกาโหติโกของภรรยา เขาคงต้องหลีกเลี่ยงแน่ๆ ผู้ชายหน้าไหนจะอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
9. กลัวผู้หญิงเปลี่ยนไป
ผู้ชายอาจรับรู้มาจาก พ่อ –แม่ ของเขา หรือจากครอบครัวเพื่อนว่า ผู้หญิงที่เป็นแฟนกับเป็นเมียต่างกันลิบลับ เช่น แฟนน่ารัก เมียขี้บ่น แฟนหุ่นดี เมียอ้วนพะโล้ ฯลฯ (แล้วผู้หญิงก็มักเป็นเช่นนี้ซะ ด้วย!...) ผู้ชายพวกนี้จะคบผู้หญิงแค่เป็นแฟน แต่ไม่ยอมแต่งงาน
10. กลัว เพราะเห็นแก่ตัว
จากการที่มนุษย์เพศชายส่วนใหญ่ในสังคม ทำให้พวกเขาเคยชินกับอาการใหญ่โตของพวกเขา และเห็นแก่ตัวเกินไป ที่จะต้องเสียสละอันใหญ่หลวง ด้วยการแต่งงาน ผู้ชายบางคนบอกว่าไม่มีเมีย เพราะกลัวเมียมาแย่งกินแย่งใช้...เฮ้อ! อย่างนี้ก็มีด้วยแฮะ...มาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะบอกว่าผู้หญิงหลายคนก็กลัวการแต่งงานเช่นกันนะคะ เพราะภาระการเป็นเมียก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้ากัน โดนเฉพาะการเป็นแม่ ผู้หญิงต้องลำบากกว่าผู้ชายหลายเท่านักแต่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักกล้าหาญ เรียกร้องการผูกมัด อยากเข้าพิธีแต่งงาน อยากเป็นเมีย อยากเป็นแม่ ...
ว่า แต่ถ้าจะให้ได้เป็นแน่ๆ ต้องทลายกำแพงความกลัวทั้งหลายเหล่านี้ของผู้ชายให้ได้ก่อนนะ

http://hot.ohozaa.com

เมื่อความรักทำให้เกรงใจน้อยลง คาดหวังมากขึ้น

เมื่อความรักทำให้เกรงใจน้อยลง คาดหวังมากขึ้น

ขึ้นชื่อว่า "ความรัก" มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะสนิทสนม คุ้นเคย ผูกพัน ห่วงใย เกรงใจ ให้เกียรติ เอาใจใส่ หึงหวง ฯลฯ โดยเฉพาะกับ "ความเกรงใจ" ที่ต้องมีให้กันและกัน
ซึ่งเดี๋ยวนี้มีคู่รักหลาย ๆ คู่ พอสนิทกันมากขึ้น "ความเกรงใจ" กลับลดน้อยลง และ "ความคาดหวัง" กลับเข้ามาแทนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ "ความเกรงใจ" เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับความรัก ควรอย่างยิ่งที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะคนใกล้ชิดสนิทกัน มักคิดว่าจะสามารถทำอะไรตามใจคุณได้แทบทุกเรื่อง จนลืมนึกถึง "ความรู้สึก" ของอีกคนไปอย่างไม่รู้ตัว
ก่อนเป็นแฟน...ความเกรงใจเป็นเหมือนปราการชั้นดี ที่ช่วยส่งเสริมให้คุณดูน่าคบหา
หลังเป็นแฟน...ความเกรงใจกลับค่อย ๆ มลายหายไป จนส่งผลให้คุณกลายเป็นคนน่ารำคาญ
เคย ลองถามตัวเองดูหรือเปล่า ว่าเป็นเพราะอะไร??? อาจเพราะเราเคยชินกับสิ่งที่ได้รับ จนเมื่อไม่ได้รับ เราก็เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน หรือ"คาดหวัง" ไปต่าง ๆ นานาว่าเขาต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แต่จริง ๆ แล้ว การเกรงใจ ... การให้เกียรติ ... การเคารพ ในกันและกัน มันเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ
อย่า ลืมว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของคนอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่าหักหามน้ำใจกันด้วยการ "ไม่เกรงใจ" จนทำให้มันกลายเป็นความเคยชิน เพราะเมื่อไหร่ที่เคยชิน ความเฉยชา ห่างเหิน และหมดรัก ก็จะตามมาอย่างไม่ทันให้เราตั้งตัว
กระปุกดอทคอม

แค่คำพูดธรรมดา..ที่ฟังแล้วรู้สึกดี

คำพูดธรรมดา..ที่ฟังแล้วรู้สึกดี

ความรัก

เหนื่อยไหม...กินข้าวหรือยัง...วันนี้เป็นไงบ้าง...มีอะไรจะเล่าให้ฟังไหม...ไม่เป็นไรนะ...ผมเชื่อว่าคุณทำได้...และอีกมากมายหลากหลายถ้อยคำที่แสนจะธรรมดา แต่หากพูดในภาวะอารมณ์ที่คนฟังกำลังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยสุด ท้อถอย และต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก มันกลับเป็นคำพูดวิเศษ เป็นพลังมหัศจรรย์ที่ทำให้เขาหรือเธออมยิ้มได้ในพริบตา ^^
                      ใครจะไปคาดคิดสำหรับความรัก "เพียงคำพูดแค่้ไม่กี่คำ" สามารถสร้างกำลังใจ แรงใจ ให้ใครอีกคนหนึ่งได้อย่างน่าประหลาด ซึ่งจริง ๆ แล้วการแสดงออกถึงคำพูด ในบางครั้งมันอาจจะดูธรรมด๊า...ธรรมดา แต่ทำให้คนฟังยิ้มได้อย่างสุขใจ ทั้ง ๆ ที่เขาหรือเธอจะตั้งใจพูดหรือพูดออกไปด้วยความเคยชินก็ตาม
อาจเพราะมันเหมือนเป็นการเอาใจใส่ การดูแลความรู้สึกซึ่งกันและกัน ที่สำคัญคือไม่ว่าจะคำไหน ๆ มันคงจะดีหมด หากมันออกมาจากปากคนที่เรารัก หรือจากคนที่เราคาดหวังอยากจะได้ยิน (จริงไหม)
เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเขินอายที่จะถามไถ่ถึงความเป็นไปของคนรัก ในเมื่อคิดที่จะรัก ก็ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของกันและกันไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันหากคุณเอ่ยคำพูดบางคำออกไปโดยไม่คิด มันอาจย้อนไปทำร้ายความรู้สึกคนฟังแบบที่คุณไม่รู้ตัวก็ได้ ทางที่ดีอย่าสักแต่คิดจะพูดแต่ก็พูดอย่างไม่คิด เพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากปากไปแล้ว มันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้
เอ...แล้วเพื่อน ๆ เคยเจอคำถามแบบไหนบ้าง ที่ฟังแล้วรู้สึกว่าหัวใจพองโต ยิ้มหน้าบานกว่าเคย หรือเหี่ยวเฉา ซึมเศร้ากว่าเดิม ลองมาแชร์ประสบการณ์เลิฟ ๆ กันบ้างนะคัฟ

ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
http://albumvote.postjung.com/itf59.html

6 คำถาม นิยามชีวิตใหม่

6 คำถาม นิยามชีวิตใหม่

บางครั้งคำถามยาก ๆ ที่เรามักสงสัยกันอยู่ตลอดก็สามารถตอบได้ง่าย ๆ เหมือนกัน ซึ่งก็จะทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย

1. ความรักจะยืนยาวตลอดไปหรือไม่ก่อนจะฟังคำตอบ คุณต้องลืมเทพนิยายเรื่อง ซินเดอเรลล่า รวมทั้งเทพนิยายอื่น ๆ ประเภท แล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็ครองคู่กันตราบชั่วนิจนิรันดร์ แล้วกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า ความรักที่ซาบซ่านของผู้ชายและผู้หญิงที่มีให้กันนั้น จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมองอยู่นานประมาณ 12-18 เดือน และหลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ มีแนวโน้มลดลงนั่นหมายความว่า ความรักแบบวูบวาบ ทำให้หัวใจตื่นเต้นไม่เป็นจังหวะนั้นอยู่ได้ไม่นาน หากแต่สิ่งสำคัญคือ ความเข้าใจกันและความผูกพัน จะเป็นตัวช่วยให้ความสัมพันธ์ของชายหญิงยืนยงมากกว่า

2. เงินซื้อความสุขได้จริงหรือ ไม่จริงเพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ความมีทุกข์น้อยทางด้านจิตใจ ร่างกายแม้มีเงินทองมากมายแต่ก็ได้เพียงแค่ความสบายแต่สุขอยู่ที่จิต ที่เงินก็ซื้อไม่ได้ เมื่อสิบปีที่แล้ว มีสามีภรรยาชาวอเมริกันคู่หนึ่งถูกลอตเตอรี่ได้ เงินรางวัลถึง 34 ล้านเหรียญ ทั้งสองดีใจมาก หลังจากนั้น หว่านเงินซื้อคฤหาสน์หรู รถคันงามราคาแพง แต่หลังจากนั้นเงินก็หมด ทั้งสองหย่าขาดกัน สามีเสียชีวิตเพราะดื่มเหล้ามาก ไม่นานภรรยาก็เสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ซื้อมา

3. อายุเท่าไหร่ เราถึงจะรู้จักตัวเองไม่มีกำหนดที่แน่นอนและนี่เป็นคำถามที่หนุ่มสาวมักถาม เสมอ ส่วนผู้ที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนก็ยังไม่สามารถตรองไม่ตกเช่นเดียวกัน ขณะที่ผู้ที่มีอายุมากขึ้น มักจะสอนผู้น้อยเสมอว่าอย่าไปกังวลหรือขีดเส้นตายให้กับตัวเองมากนักเลย สิ่งสำคัญอยู่ที่การทำชีวิตในแต่ละช่วงเวลาของวัยให้มีคุณค่ามากที่สุดต่าง หากส่วนคานธี ได้เคยกล่าวไว้ว่า "เกือบทุกอย่างที่เราทำลงไปนั้นไร้ความหมาย แต่เราจำเป็นต้องทำ"

4. จริงไหมที่มีคำกล่าวที่ว่าเวลาขนมปังหล่นพื้นมักเอาด้านที่ทาเนยลงพื้นเสมอ นัก วิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลอง โดยโยนขนมปังหนึ่งแถวลงพื้น แต่ละแผ่นทาเนยด้านหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยลงไปทีละแผ่น โดยมีเปลี่ยนความสูงเป็นระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจากเพดาน หรือบนโต๊ะ ผลที่ได้ก็คือไม่มีขนมปังแผ่นไหนเลยที่เอาขอบลงสัมผัสพื้น เช่นเดียวกับชีวิตเรา ก็ไม่ได้มีอะไรสมบูรณ์แบบอย่างที่เราอยากให้เป็น ให้มีแต่ก็จงอย่าล้มเลิกความคิดที่จะทาเนยลงบนขนมปัง ทว่าควรจะชื่นชมกับรสชาติของขนมปังทุกคำที่ยังอยู่ในมือเราแทน

866115. เราควรเลิกคบเพื่อนสักคนตอนไหนทันทีที่เราเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่าง เรากับเพื่อนว่าชีวิตเราจะดีกว่านี้ไหม ถ้าไม่ต้องคบเพื่อนคนนี้
6. เงินเป็นสิ่งชั่วร้ายจริงหรือไม่ ไม่จริงเพราะความโลภต่างหากที่เป็นบ่อเกิดของความเลวร้ายตลอดจนความเขลาในการใช้เงินไป
women plus

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรักเหมือนอะไรกันแน่นะ

106148-“ความรักเหมือนลูกอม” ตัวคุณเองก็รู้ว่ามันทำให้ฟันผุ แต่ด้วยรสชาติที่หวานและสีสันที่น่าทาน ทำให้ฟันของคุณต้องหลุดออกจากปากไปหลายซี่ แต่กระนั้นรสชาติของมันไม่เคยทำให้คุณเลิกได้เลย
-“ความรักเหมือนยาขม”
-“ความรักเหมือนกาแฟ” นี่ยากหน่อย สำหรับคนที่มีอายุหรืออยู่ในช่วงวัยทำงานจะเข้าใจเป็ นอย่างดีถึงความจำเป็นและเสน่ห์ของมัน กาแฟมีหลายยี่ห้อ และหลายรูปแบบอยู่ที่รสนิยมของผู้ทานว่าต้องการปรุงแ ต่งให้มันอยู่ในรสชาติไหน
-“ความรักเหมือนข้าวสวย” หาก คุณมีกับข้าวแสนอร่อย ที่คุณโปรดและน่าทานทุกอยู่บนโต๊ะชีวิตของคุณ แต่หากขาดข้าวสวยหอมกรุ่นสัก 1 จานลองคิดดูว่ากับข้าวของคุณมันจะอร่อยได้มากสักแค่ไ หน
-“ความรักเหมือนแมวเหมียว” หากคุณดันไปข้างหน้า มันจะฝืนไปข้างหลังหากคุณกดตัวมันลง มันจะพยายามยืนขึ้น แต่ถ้าหากคุณอยู่เฉยๆมันจะมาอ้อนคุณเอง
-“ความรักเหมือนน้ำแข็ง” หาก คุณเป็นไอเย็น มันก็จะยังคงรูปการเป็นน้ำแข็งตราบนานเท่านาน แต่เมื่อใดที่คุณเป็นไอร้อน มันจะละลายกลายเป็นของเหลวและค่อยๆละเหยไปในที่สุด
-“ความรักเหมือนรถแท๊กซี่” สามารถพาคุณไปได้ทุกที่หมาย ราคาจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มกำหนดจุดหมาย คุณจะไปในระยะทางที่ใกล้หรือไกล ก็ดูเงินตัวเองแล้วกัน
-“ความรักเหมือนระบบราชการ” อยากจะทำอะไรก็ยื่นหนังสือหรือคำร้องไปล่วงหน้านะ แล้วกลับบ้านไปนอนรออีก 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ (อันนี้ล้อเล่นๆ)
-“ความรักเหมือนหมากฝรั่ง” ตอนเคี้ยวแรกๆก็หวานดี แต่นานเข้าจืดสนิท
-“ความรักเหมือนวัตถุโบราณ” หากแต่อายุใช้งานยิ่งนานเท่าไหร่ค่าของมันก็จะสูงมาก ขึ้นเท่านั้น
+ + ว่าแต่ว่า ความรัก ของคุณ เหมือนอะไร บอกกันมาบ้างดิ่ + +
อันนี้ได้ยินมานานแล้ว เวลาที่ร่างกายเราป่วยอาการหนัก จำเป็นที่จะต้องกินมันเข้าไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันขมแต่มันรักษาอาการป่วยได้ผลชะงัดนัก

7 อาหารทานแล้วไม่แก่

1314770670_16อาหารที่เราจะแนะนำต่อไปนี้คืออาหาร 7 อย่าง ที่ จะช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัย ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง ผิวแห้ง เฉื่อยชา เพื่อให้คุณ ๆ ดูอ่อนกว่าวัยได้ภายใน 3-6 เดือน มีอะไรบ้างไปดูกันค่ะ...
1. หยุดผมร่วง ด้วยการรับประทานกล้วย ซึ่ง อุดมไปด้วยวิตามินบี สามารถช่วยป้องกันผมร่วงได้ดี หากรับประทานกล้วยในปริมาณที่พอดี จะช่วยรักษาเส้นผมให้อยู่คู่หนังศีรษะได้อย่างยาวนาน
2. ลดผิวมัน ธัญญาหารล้วน อุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งช่วยหยุดยั้งการผลิตน้ำมันส่วนเกินของผลิตภายในร่างกาย ฉะนั้น การรับประทานธัญญาหารทุกเช้าจะช่วยลดปัญหาผิวมัน และเส้นผมมันบางได้ดี
3. หยุดการลอกของผิวหนัง หากรับประทานปลาแซลมอนในเกลือรมควัน อาหารทะเล หรือสลัดผักเป็นประจำ จะช่วยทำให้หยุดปัญหาการหลุดลอกของผิวหนังได้
4. ผิวเนียนใสเหมือนเด็ก ใครอยากมีผิวที่เนียนใสเหมือนเด็กทารก ให้กินมะม่วงเป็น ประจำ เนื่องจากมะม่วงมีเบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี ช่วยกระตุ้นการสร้างผิวหนัง รวมทั้งหนังศีรษะ เพื่อทดแทนของเดิมที่หยาบแห้งและขรุขระให้กลับมีความชุ่มชื่น และนุ่มเนียนอีกครั้ง
5. ชะลอผมหงอก ถั่วลิสงอบเนยรวมกับเกล็ดขนมปังที่อบมาร้อน ๆ ก่อนมื้ออาหาร สามารถช่วยชะลอผมหงอกได้ เพราะถั่วลิสงมีวิตามินบี ที่สามารถหยุดการเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีดอกเลา แถมยังทำให้ผิวหนังดูดีขึ้นด้วย
6. ดูหนุ่มสาวขึ้นอีก 5 ปี ฝรั่งหรือน้ำฝรั่ง ซึ่งอุดมด้วยวิตามินซี จะช่วยเก็บรักษาคอลลาเจนที่เป็นบ่อเกิดแห่งโปรตีนภายใต้ผิวหนัง หรือรับประทานมะละกอ ส้ม ลูกเกดสีดำอบแห้ง ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ เป็นประจำ ก็จะช่วยเพิ่มวิตามินซีได้ ทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัยมากถึง 5 ปี
7. ปกป้องใบหน้าจากมลพิษ อะโวคาโด ซึ่งอุดมด้วยวิตามินบี จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และร่างกายเกิดความต้านทานจากการทำลายในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งการถูกทำลายจากบรรยากาศที่มลภาวะเป็นพิษด้วย
รู้ แบบนี้แล้ว ก็หันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้นนะคะ เพราะมีผลต่อสุขภาพร่างกายของคนเราโดยตรงเลยก็ว่าได้...เลือกกินสิ่งที่ดี เพื่อตัวเราเองนะคะ

หนุ่มอาชีพใด ใช่พระเอกของคุณ

T191010_05P1. ถ้าโชคดีได้ไปเที่ยวเกาะมัลดีฟฟรีพร้อมที่พัก เสื้อผ้าที่คุณจะแพ็คใส่กระเป๋าคือ
            a.กางเกงสบายๆกับเสื้อหลวม ๆ (5)
            b.ต้องเซ็กซี่รับน้ำทะเลด้วยบิกินี่ทูพีซ (7)
            c.เสื้อยืด กางเกงยีนส์เอวต่ำ (3)
            d.กระโปรงลายดอกสีเจ็บ ๆ (9)
            e.กางเกงขาสั้นกับเสื้อฮาวายเข้าบรรยากาศ (1)
2. อุปกรณ์อยู่เกาะที่ขาดไม่ได้ของคุณคือ

            a.หนังสือเล่มโปรด (5)
            b.อุปกรณ์ทำงานอดิเรก (3)
            c.โทรศัพท์มือถือ (1)
            d.เครื่องสำอางและกระจก (7)
            e.ปืนไว้ป้องกันตัว (9)
3. ถ้าต้องอยู่หลายเดือนเวลาว่างคุณทำ
            a.หัดทำกับข้าวสูตรใหม่ ๆ (5)
            b.ทำงานฝีมือเย็บปักถักร้อย (3)
            c.นั่งคิดนอนคิดวางแผนให้เรือใหญ่มารับ (9)
            d.ตีซี้กับหนุ่มๆร่วมชะตากรรม (7)
            e.เดินสำรวจชัยภูมิ (1)
4. ต้องอยู่เกาะนานๆอย่างนี้คุณจะรู้สึก
            a.ได้อารมณ์ผจญภัยในเกาะดี (3)
            b.จะอาบแดดให้ผิวสวยเด้งไปเลย (9)
            c.หนุ่มๆเกาะนี้หล่อล่ำทั้งนั้นเลยเนอะ (7)
            d.เก๋นะยะได้เป็นสาวสวยบนเกาะสวรรค์ (5)
            e.อยากกลับบ้านแล้วละ (1)
5. สิ่งที่คุณทนไม่ได้มากที่สุดคือ
            a.สัตว์ป่าที่แฝงตัวอยู่ในความมืด (1)
            b.มีเสื้อผ้าสวยติดมาแค่ 4ชุด เอง (9)
            c.อยากได้ครีมทาผิว แป้งโลชั่น (7)
            d.ชักรำคาญหนุ่ม ๆ ที่ตามตื้อแล้วนะ (5)
            e.จะได้กลับบ้านไหมเนี่ย (3)
6. สิ่งที่คุณชอบมากบนเกาะคือ
            a.กระท่อมสไตล์ธรรมชาติแท้ (3)
            b.ชาวเกาะที่นี่ใจดีที่หนึ่งเลย (5)
            c.มีลิงเป็นเพื่อนเล่นเพียบ (1)
            d.แอบปิ๊งหนุ่มน่ารักเข้าแล้ว (9)
            e.ได้เดินเล่นชายหาดจนเพลิน (7)
7. หนุ่มที่คอยเทคแคร์คุณ อุตส่าห์ไปหาของขวัญมาให้ ชิ้นที่คุณประทับใจสุดคือ

            a.กำไลดอกไม้ (7)
            b.ลูกแมวขี้เล่น (1)
            c.สร้อยเปลือกหอย (9)
            d.เตียงใบไม้ (3)
            e.ธนู (5)
8. กลับจากเกาะแล้ว วันหยุดต่อไปคุณจะเลือกไปที่
            a.ล่องเรือสำราญ (9)
            b.จับเครื่องบินไปให้ไกล (1)
            c.ตั้งแคมป์บนเขาใหญ่ (7)
            d.ไปเที่ยยวกับคณะทัวร์ (5)
            e.หาคอร์สเรียนอะไรดีกว่า (3)
9. คุณคิดว่าคุณเป็นคนอย่างไร
            a.ดูแลคนอื่น เป็นที่พึ่งได้ (5)
            b.สาวช่างฝันนั้นแหละ ฉันเลย (7)
            c.อยู่ติดบ้าน (3)
            d.เฮฮาร่าเริง พร้อมสู้ทุกปาร์ตี้ (1)
            e.มุ่งมั่นตามหาฝัน (9)
10. ลองเลือกข้อเดียวที่คุณชอบที่สุด
            a.เพื่อน (5)
            b.วางตัวดี (3)
            c.ฐานะมั่นคง (9)
            d.ความรัก (7)
            e.ความสบายใจเสมอ (1)
11. เย็นวันศุกร์ คุณจะมีความสุขมาก ถ้า
            a.ทำกับข้าวกินกับคนรู้ใจ (7)
            b.นอนอ่านหนังสือเล่มโปรด (5)
            c.ประดิษฐ์อะไรใหม่ ๆ (3)
            d.ไปทานข้าวนอกบ้าน (9)
            e.ไปดื่มกับเพื่อน (1)
12. ถ้าต้องถูกพูดถึงลับหลัง คุณอยากให้เพื่อนผู้ชายพูดถึงคุณว่า
            a.บอบบางต้องการการดูแล (9)
            b.เก่งพอ ๆ กับผู้ชาย (3)
            c.มีอารมณ์ขัน คุยสนุก (1)
            d.เป็นผู้หญิงเต็มตัว (5)
            e.เข้าถึงตัวง่าย (7)
13. ผู้ชายที่ดึงดูดใจคุณได้จะต้อง
            a.ตามใจลูกเดียว (9)
            b.คอยเทคแคร์แต่ก็ชอบขัดใจ (3)
            c.ชอบให้คุณดูแลเขา (5)
            d.เก่งมากเรื่องบนเตียง (7)
            e.ทำให้คุณหัวเราะทั้งวัน (1)
14. คุณชอบผู้ชายที่มีสไตล์การพูดแบบ
            a.พูดแต่เรื่องของคุณทั้งวัน (7)
            b.พูดแต่เรื่องของเขาอย่างเดียว (9)
            c.พูดเมื่อไร ขำเมื่อนั้น (1)
            d.พูดไม่เก่ง ฟังอย่างเดียว (5)
            e.พูดตรง ๆ คิดอะไรบอกอย่างนั้น (3)

.T250811_01P......................................................................................................................

................................................................

 

มาดูคะแนน
36 หรือน้อยกว่า
            ผู้ชายของคุณคือหนุ่มออฟฟิศที่ชีวิตมีระเบียบ ไม่ต้องหล่อเริ่ดนักก็ได้ แต่เข้าใจเอาใจคุณ และช่วยให้คุณมีความสุขเสมอเมื่ออยู่ด้วย
37-58
            คุณชอบชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ผู้ชายของคุณจึงต้องเป็นพ่อบ้าน หรือยิ่งเก่งงานบ้านได้ยิ่งดี
59-81
            คุณเป็นผุ้หญิงเก่ง พึ่งพาตัวเองได้ และชอบเป็นผู้นำ ผู้ชายของคุณจึงต้องรู้จักวางตัวเป็นผู้ตามที่ดี ปล่อยให้คุณได้คิด ได้ทำ และได้นำโดยไม่ขัดคอ ไม่งั้นก็ไปกับคุณไม่ได้
82-103
            คุณชอบผู้ชายเสน่ห์แรง ต้องรวย หล่อ มีเสน่ห์โดดเด่น ไม่ใช่ผุ้ชายที่หาได้ตามดาษดื่นทั่ว ๆ ไป คุณอาจต้องเจาะเข้าไปในวงการดารานายแบบสักหน่อยนะ ถึงจะเจอผู้ชาย
  104
            ความต้องการของคุณค่อนข้างวิจิตรอลังการอยู่สักหน่อย ผู้ชายของคุณต้องรวยมากพอที่จะสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตคุณได้ เพราะคุณเป็นคนคิดและมองอะไรลึกซึ้ง จึงต้องเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเอง

ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงทั้ง 7 วัน

* โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

W10930552-2ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันอาทิตย์
ผู้หญิง วันนี้จะเจอคนที่เป็นเนื้อคู่หรือเข้าร่วมสู่หัวใจของตนเองได้ก็โดยการอยู่ ร่วมกัน หรือเครือญาติแนะนำให้นั่นเอง บางทีก็มักจะได้รับการผลักดันให้เจอเนื้อคู่ที่เหมือนถูกกลั่นแกล้ง สิ่งไหนที่คุณไม่ชอบ สิ่งนั้นกลับเป็นสิ่งที่คนรักคุณชอบกระทำ ดวงชายในฝันจะต้องเป็นคนที่มีพลัง อำนาจ เชื่อมั่นได้ว่าเป็นคนที่เป็นแรงนำคุณได้ ต้องเมียงมองหาคนที่อยู่ในงานที่เกี่ยวราชการหรืองานประจำ และงานที่เกี่ยวด้านก่อสร้างหรือต่างประเทศจึงจะดี ผิวพรรณลักษณะที่เห็นได้ชัดเจน ต้องเป็นคนสูงใหญ่หรือสันทัด ผิวค่อนข้างคล้ำดำแดง คนรักจะเป็นคนที่มีวิชาความรู้ไม่ด้านใดก็ ด้านหนึ่ง
ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันจันทร์
รูป ร่างสันทัด แต่หากเตี้ยกว่าคุณจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ผิวสองสีออกเข้ม ชอบผู้ชายที่เป็นที่แมนร้อยเปอร์เซ็นต์ ดวงตาคมชัด คิ้วดกเข้ม และหากสูงใหญ่จะพิจารณาเป็นพิเศษ คุณจะชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าคุณ หรือว่าอายุน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ความคิดความอ่านเป็นผู้ใหญ่กว่า จะเป็นคนที่ตรงสเป็คของคุณมาก ไม่ชอบคนพูดมาก พล่ามไร้สาระ หรือว่ากระล่อนจนเกินพอดี ดวงของคุณจะพบคู่ครองโดยมีทางเลือก หมายถึงคุณอาจจะต้องหนักใจในการตัดสินใจเลือกคน แต่งงานในชีวิตคู่มากกว่าคนอื่นๆ เพราะว่าจะมีการให้เลือก และต่างก็ดีบ้างในบางส่วน และไม่ตรงใจบ้างในบางส่วน ทำให้คุณลังเลใจ อย่าใช้เวลาลังเลใจมากนัก เพราะว่าเดี๋ยวจะแห้ว ด้วยว่าผู้ชายยุคปัจจุบัน คงจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นตัวเลือกนานมากนักอย่างแน่นอน พบรักแท้มักจะมาจากเพื่อสนิท หรือว่าญาติผู้ใหญ่เป็นกามเทพแนะนำให้แทบทุกคน
ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันอังคาร
ต้อง เป็นผู้ชายรูปร่างสูง หรือว่าสันทัด จะตรงกับลักษณะเนื้อคู่แท้ ที่ยอมเดินตามเส้นทางชีวิตของคุณได้ มักเป็นคนที่พบกันโดยเพื่อนหรือว่าโอกาสสำคัญในการทำงาน บางคนรักเมื่อตอนเรียนแล้ว แยกทางกันไป แล้วกลับมาพบกันอีกจึงตัดสินใจแต่งงาน สำหรับผู้หญิงเกิดวันอังคารก็มีมากนะ ที่ชอบผู้ชายสะอาด และเป็นคนมีรสนิยมพอสมควร เป็นคนที่ดูดี ไม่ว่าการเจรจาการพูด หรือว่าการแต่งกายก็ตาม หากเป็นผู้ชายที่อายุมากกว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายแรก หากเป็นคนรุ่นเดียวกัน มักจะแตกแยกหย่าร้างกันเพราะว่าอารมณ์แห่งทิฐิในที่สุด คุณจะเป็นผู้ที่ชอบผู้ชายที่สามารถนำคุณได้ เพราะโดยนิสัยแล้วคุณเป็นคนชอบอวดเก่ง และไม่ยอมใคร ใครสยบคุณได้ คุณจะนับถือว่าคนนั้นเป็นฮีโร่และคนที่คุณยอมรับเป็นคนรักแบบเนื้อคู่
13091ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันพุธ
ผู้หญิง ที่เกิดวันพุธมักจะมีโอกาสพบความรักหรือว่าคนมารุมจีบหลายคน ให้คุณเป็นคนเลือก เพราะคุณเป็นคนวางตัวดี มีแต้มมีเกม ทำให้มีคุณค่า เนื้อคู่ของผู้หญิงวันพุธ จะมีลักษณะรูปร่างสูง หรือหากเป็นคนสันทัดก็จะเป็นคนสันทัดแบบลงตัว ต่อไปจะมีพุงเล็กน้อย จึงมีโหงวเฮ้งดี ดวงจะร่ำรวยกันเป็นคนชอบผู้ชายไม่พูดมาก ไม่จุกจิก เพราะว่าตัวเองเป็นอยู่แล้ว และไม่ต้องการให้ใครมาบงการตนเองมาก ผู้ชายอายุมากกว่า หรือหากน้อยกว่าในบางกรณีตามดวง ก็เป็นคนน้อยกว่ามากเกินกว่า 3 ปีจึงเป็นเนื้อคู่แท้อยู่ได้ทนทาน หากให้เพ่งมองอย่างชัดเจนฟันธงลงไป ว่าลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงวันพุธเป็นอย่างนั้น ขอตอบชัดเจนว่า ชอบคนมีสมองและฉลาด มีความเป็นผู้นำ สามารถชี้ทางให้คุณได้ และเป็นคนที่ รูปร่างสูงกว่าตัวคุณ จะพิจารณามากเป็นพิเศษ นิสัยโอบอ้อมหรือไม่จุกจิก จะทำให้คุณตัดสินใจได้เร็วขึ้นครับ
ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันพฤหัสบดี
ชอบ ผู้ชายที่มีรูปร่างสันทัด จนกระทั่งสูงใหญ่…มีคิ้วเข้มเป็นคนใบหน้าคม คุณจะนิยมเป็นพิเศษ หากเป็นคนสุภาพ และมีความโรแมนติดหน่อยจะเข้าข่ายเร็วขึ้น คุณเป็นคนชอบคนว่องไว ขยัน และมีความคิดความสามารถ ช่วยแก้ปัญหาได้ หากเป็นคนสำออย หรือว่าสำอางเกินไป ไม่ใช่สเป็คที่คุณนิยมแน่นอน คู่ชีวิตของคุณมีโอกาสพบกับคนวัยเดียวกัน แต่หากเขาเป็นคนวัยเดียว อารมณ์เดียวกัน และวุฒิภาวะใกล้กับคุณมาก ก็ไม่ใช่ลักษณะเนื้อคู่ของคุณ เน้นว่าลักษณะเนื้อคู่ของคุณ ต้องมีความคิดเป็นผู้นำ สยบคุณได้ และสามารถทำให้คุณยอมรับในเหตุผลของเราได้ ไม่ใช่เป็นผู้ตาม นั้นแหละคุณจะสนใจเป็นพิเศษ โดยส่วนมาก คุณมักจะพบกับผู้ชายอายุมากกว่า หรืออายุน้อยกว่าพอสมควร เนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันพฤหัสบดี แม้เป็นผู้ชายมาดแมน แต่มีนิสัยอ่อนโยน มีความโรแมนติกบ้าง และเป็นคนขยันต่อสู้ จะจนหรือรวยไม่สำคัญสำหรับคุณ เพราะคุณคิดว่าทุกอย่างมันสมองสองคนสร้างร่วมกันได้เสมอ
ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันศุกร์
คุณ เป็นคนมีวิบากกรรมพอสมควรสำหรับเรื่องของความรัก เพราะว่าดาวศุกร์เป็นอริกับ ดาวราหู และดาวเสาร์ คุณจึงมักจะต้องเสียใจ หรือว่าผิดหวังกับความรัก และเป็นบาดแผลได้โดยง่าย เพราะอารมณ์อ่อนไหว และช่างจดช่างจำ หากพยายามศึกษาธรรมะ หรือว่าใช้สติปัญญา ให้อภัยกับตนเองและผู้อื่นให้มาก ชีวิตแห่งความรักก็จะมีโอกาสพ้นจากวิบากกรรมได้รวดเร็ว และมีความรักที่ไม่เจ็บปวดในชีวิตได้แน่นอน หากคุณจะเลือกใครซักคนเป็นเนื้อคู่ จะต้องดูว่าเขาเป็นคนที่ไม่พูดมาก หรือว่าเป็นคนมีความเป็นสุภาพบุรุษและผู้นำทางความคิดได้ ใจเย็นกว่าคุณเพราะว่าคุณวูบวาบง่าย ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันศุกร์ เป็นคนรูปร่างสูง หรือว่าสันทัด ไม่เตี้ย เพราะคุณไม่ชอบคนที่เตี้ยกว่าคุณ ผิวค่อนข้างสองสี หรือว่าโทนดำแดง หากขาวก็ไม่ซีดเกินไป สังเกตว่าเป็นคน มีคิ้วดก จะเสริมกับชีวิตคู่ในการสร้างฐานะด้วยกันได้ดีทีเดียว ต้องเลือกผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่กว่าคุณ แต่มีอารมณ์สนุกสนาน ร่าเริงด้วย ขรึมเกินไป คุณจะไม่ชอบ ยิ่งผู้ชายที่เรียนเก่ง มีความสามารถดี คุณจะแอบให้คะแนน ในหัวใจเป็นพิเศษ
ลักษณะเนื้อคู่ของผู้หญิงที่เกิดวันเสาร์
ผู้หญิง วันเสาร์มักชอบผู้ชายผิวค่อนข้างขาวหรือสองสี หากเป็นคนดำก็ต้องเน้นเรื่องสะอาดจนดมพิสูจน์ได้ มิฉะนั้นเอาชนะหัวใจเธอไม่ได้แน่นอน ด้วยพื้นดวงชะตาของผู้หญิงวันเสาร์เป็นคนแข็ง จึงมักจะหลงปลื้มชอบผู้ชายโรแมนติค เพื่อเข้ามาชดเชยส่วนขาดในบุคลิกตนเอง ผู้ชายมาดดีสุขุมจะกินขาด ยิ่งเป็นคนใจเย็นจะถูกสเป็คมากขึ้น ผู้หญิงวันเสาร์ ชอบผู้ชายที่รูปร่างสูงกว่าตนเอง หรือว่ากำยำหน่อย ประเภทบอบบางเหมือนติดยา เห็นจะไม่เข้าสเป็คเอาเสียเลย ชายใดปากเรียว คิ้วเข้ม และเป็นคนใจเย็น สุขุม จะมีโอกาสครองหัวใจเธอได้มากกว่าคนอื่นๆ มักจะแต่งงานหรือว่าเลือกผู้ชายเป็นคู่ครอง ที่อายุต่างกันมากๆ จะดีแก่ตัวคุณเองมากเป็นพิเศษ หากอายุน้อยกว่าเกินไป หรือว่าใกล้เคียงกันมากไป ปรับความเข้าใจในการใช้ชีวิตคู่กันยาก และหลายคู่ทีเดียวที่ต้องพบกับคู่วิบากกรรมใช้ชีวิตครอบครัวอย่างทุกข์ทรมาน

มากกว่าความรัก คือความเข้าใจ

T071210_04C_rคุณเคยอยู่ใกล้ใครสักคน แล้วคิดบ้างไหมว่า...
ฉันไม่เข้าใจเลย หรือ คุณไม่เข้าใจฉันเลย
เพียงเพราะว่า..เขาไม่ได้ทำและเป็นในสิ่งที่คุณต้องการ
คุณรู้ไหมว่า..ความเข้าใจเป็นพื้นฐานของความรัก
หรือความรักอาจเป็นพื้นฐานของความเข้าใจ
แต่ไม่ว่าคุณจะรักใคร..คุณจำเป็นต้องเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น..
ก่อนที่คุณจะให้เขามาเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการ
เคยมีใครสักคนบอกคุณบ้างไหมว่า..ความรักคืออะไร?
เชื่อว่าคุณคงเคยได้ฟังมาบ้าง ..ความรักคือการให้..
ให้ไปโดยไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทน ให้ไปทั้งใจ ให้ไปเต็มร้อย
แม้ผลที่ได้รับกลับจะไม่เป็นอย่างที่คุณหวังก็ตาม
แต่มักมีคำถามตามมาเสมอว่า..
ความรักโดยไม่หวังอะไรตอบแทนมีจริงหรือ?
นั่นสินะ..เพราะคงไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังผลตอบแทน
คุณรักใครสักคน ยังหวังให้เขามารักตอบ
ให้อะไรใครสักอย่าง ยังหวังให้เขาได้รู้ค่า
แค่ความเข้าใจสักนิด ยังคงต้องการจากผู้อื่นเสมอมา
เพราะ "ความต้องการ" ของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด
ได้สิ่งหนึ่ง ยังคงต้องการอีกสิ่งหนึ่งเสมอ
หากไม่ได้สิ่งที่หวังนั้น ก็แสวงหาสิ่งทดแทนจากสิ่งอื่น
คุณทุกคนยังคงเป็นผู้แสวงหา 
หาความเข้าใจจากคนรอบข้างเป็นนิจ
หาใครสักคนที่รับฟังคุณได้แล้วทำเหมือนเข้าใ
"ความเข้าใจ" เปรียบเสมือน "กระจก"
เพียงแค่คุณเลือกที่จะมองกระจกชนิดไหน
หากคุณเลือกกระจกเงา คุณก็จะเห็นภาพของตัวคุณเอง
หากคุณเลือกกระจกใส คุณก็จะมองเห็นอีกภาพซึ่งแตกต่างกัน
คนส่วนมากชอบมองกระจกเงา ซึ่งสะท้อนภาพตัวเองมากกว่า
จึงไม่แปลกอะไรใช่ไหมที่คุณยังคง "ไม่เข้าใจ"
เพราะคุณไม่ได้มองทะลุเข้าไปยัง "หัวใจ" ของเขาเลย
เปลี่ยนกระจกเงาบานนั้น..ให้เป็นกระจกใสในใจคุณบ้างแค่บางเวลา
คุณจะพบว่าไม่ยากเกินไปเลยที่คุณจะเข้าใจใครสักคน
แต่อย่าได้คาดหวังที่จะเข้าใจเขา หรือให้เขามาเข้าใจคุณทั้งหมดที่คุณเป็น
เพราะแม้แต่ตัวคุณเอง..ยังไม่เข้าใจตัวเองเลย จริงไหม?




กำเนิดโยคะ [ Origins of YOGA ]


โยคะ เกิดขึ้นที่อินเดียเมื่อประมาณ 4 - 5 พันปีที่ผ่านมา เดิมจะเป็นการฝึกเฉพาะโยคีและชนชั้นวรรณะพราหมณ์
เพื่อเอาชนะความเจ็บป่วย ต่อมาโยคะได้พัฒนาผ่านลัทธิฮินดู มายุคพุทธศาสนา ถึงยุคลัทธิเซนในประเทศจีน
โดยแท้จริงแล้ว โยคะไม่ได้เป็นศาสตร์ของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง แต่เป็นศาสตร์สากลที่ศาสนาต่าง ๆ สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่ง
ในการปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดแห่งศาสนานั้น ๆ โยคะจึงเป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ หะฐะโยคะ( Hatha Yoga )
ซึ่งจัดว่าเป็น Modern Yoga ที่พัฒนามาจากการรวมแบบโยคะดั้งเดิม กับวิธีปฏิบัติของพระพุทธศาสนา



ความหมายของโยคะ [ Meaning Of YOGA ]

โยคะ หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว
หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหารร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ
เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วยบรรเทาและบำบัดโรคได้
หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี



โยคะท่าพื้นฐาน

ท่านมัสการ




ความหมาย


• นมัสการ หมายถึง ทำความเคารพ



วิธีปฏิบัติ


• ยืนหันหน้าไปทางพระอาทิตย์ เท้าชิด พนมมือ

• หายใจเช้าและยกแขนขึ้น ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลัง ยื่นแขนเหนือศีรษะ

• หายใจออกช้าๆ เอนตัวไปข้างหน้า ให้มือที่พนมอยู่สัมผัสพื้นจนกระ ทั่งมืออยู่ในแนวเดียวกับเท้าศีรษะสัมผัสหัวเข่า

• หายใจเข้า ก้าวเท้าขวาถอยหลังมา 1 ก้าว ให้มือและเท้า ยังคงอยู่กับพื้น เท้าซ้ายอยู่ระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• ขณะหายใจออก ยกเท้าซ้ายเข้ามาชิดเท้าขวา แขนตรงยกสะโพกขึ้นให้ศีรษะ และแขนอยู่ในแนวเดียวกัน ทำท่าเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าและค่อยๆ ลดสะโพกลงมาที่พื้น (ให้สะโพกอยู่เหนือพื้นเล็กน้อย) ก้มตัวลงไปข้างหลังให้มากที่สุด

• หายใจออก และลดตัวลงมาที่เท้า เข่า มือ และอก สัมผัสพื้น

• หายใจเข้า และค่อยๆยกศีรษะขึ้น เงยศีรษะไปข้างหลังให้ได้มากที่สุด และโค้งกระดูกสันหลังไปให้ได้มากที่สุด เหมือนท่านาคอาสนะ

• ขณะหายใจออกช้าๆ และให้แขนอาสนะ ยกสะโพกขึ้น และให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกับแขน ทำเป็นรูปโค้งขึ้น

• หายใจเข้าช้าๆ และงอเข่าซ้าย ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มือยังคงอยู่ที่พื้น วางเท้าซ้ายลงบนพื้นระหว่างมือทั้งสองข้าง ยกศีรษะขึ้น

• หายใจออกช้าๆ ให้มืออยู่ที่เดิม ดึงเท้าทั้งสองเข้ามาชิดกัน ให้อยู่แนวเดียวกับมือถ้าเป็นไปได้ ให้ศีรษะสัมพันธ์กับหัวเข่า

• หายใจเข้าช้าๆ และยกแขนขึ้น ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง โดยยื่นแขนขึ้นเหนือศีรษะ ย้อนกลับไปตำแหน่งยังข้อ 1



ท่าชวังคอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต ชว หมายถึง ทั้งหมด หรือ ทุกๆ อังคะ หมายถึง ร่างกาย ชวังคะ จึงหมายถึง ทำทั้งร่างกาย

ที่เรียกเช่นนี้เพราะเป็นท่าที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายทุกส่วน ท่านี้มักเรียกกันว่า ท่ายืนบนไหล่

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงายในท่า ศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำลงบนพื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้นขณะงอเข่าและดึงเข่าเข้ามาที่ท้อง หายใจออก

• หายใจเข้าช้าๆ กดฝ่ามือลง ยกลำตัวตั้งแต่ส่วนเอวขึ้นจากพื้น งอกระดูกสันหลังไปข้างหลัง และทำท่อนแขนให้ตรง ให้สะโพกอยู่บนพื้น

• หายใจเข้าแล้วในขณะหายใจออก ให้ยกขาตั้งฉากกับพื้น อาจใช้มือพยุงสะโพกไว้ หรือวางแขนไว้ลงกับพื้นตามถนัด

• ขาดชิด เข่าตรง นิ้วเท้าชี้ขึ้น ศีรษะตรงไม่หันไปด้านใดด้านหนึ่ง เก็บคางให้ชนหน้าอก

• หายใจเข้า ออก ช้าๆ ขณะคงท่านี้ไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 6 จนกลับสู่ท่าศพอาสนะ



ท่าตรีโกณอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ตรี ในภาษาสันสกฤตหมายถึง สาม โกณ หมายถึง เหลี่ยมหรือมุม

ดังนั้น ท่านี้จึงเรียกว่า ท่าสามมุม หรือท่าสามเหลี่ยม

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิดแขนแนบลำตัว

• แยกเท้าออกจากกัน ให้ระยะห่างมากกว่าหนึ่งช่วงไหล่เล็กน้อย

• หายใจเข้าและยื่นแขนทั้งสองข้างออกให้ขนานกับพื้น ฝ่ามือคว่ำลง

• หายใจออกช้าๆ หันลำตัวไปทางซ้าย งอตัวที่ช่วงเอว ให้มือขวาลงไปที่แข้งซ้าย ฝ่ามือขวา วางไว้ข้างนอกของหน้าแข้งซ้าย

แขนซ้ายควรยื่นออกไปด้านบนขาและแขนทั้งสองข้างตรง โดยไม่ต้องงอเข่าและข้อศอก


• หันศีรษะขึ้นไปทางซ้าย มองไปที่ปลายนิ้วมือซ้าย หายใจเข้า และกลับไปสู่ท่าเดิม คือท่ายืน ให้แขนกางออก

• คงท่านี้ไว้ เท่ากับช่วงหายใจออก หายใจออกและทำซ้ำ ขั้นตอนที่ 4-7 สลับซ้าย



ศีรษะอาสนะ



ความหมาย

• คำว่า ศีรษะ หมายถึง หัว ในภาษาสันสกฤต ท่านี้คือ ท่ายืนด้วยศีรษะ ซึ่งได้รับความนิยมมากในการฝึกอาสนะ ไม่แพ้ท่าปทมอาสนะ

ด้านบนคือภาพโมกุลในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพโยคีขณะทำท่าศีรษะอาสนะ

วิธีปฏิบัติ


• นั่งคุกเข่า ให้สะโพกอยู่บนส้นเท้า

• เอนตัวไปข้างหน้า วางแขนลงบนพื้น ให้ศอกห่างกัน 1 ช่วงไหล่ ประสานนิ้วมือเข้าไว้ด้วยกัน

• วางศีรษะลงบนพื้น ให้ท้ายทอยสัมผัสมือที่ประสานไว้

• ให้ปลายเท้าจิกพื้น ขณะยกส้นเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น

• คงท่านี้ไว้เป็นระยะเท่ากับการหายใจเข้า ถ้าไม่สามารถกลั้นหายใจได้ ให้ค่อยๆ หายใจออก และนอนราบกับพื้น กางขาออก กลับไปสู่ท่าศพอาสนะ



หลอาสนะ



ความหมาย

• หล แปลว่า คันไถ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย แบบท่าศพอาสนะ

• หายใจเข้า วางฝ่ามือคว่ำที่พื้น ให้สะโพกอยู่บนพื้น งอเข่าเข้ามาจรดท้องขณะหายใจออก

• หายใจเข้า ขณะหายใจออกให้ยกขาขึ้นตั้งฉากกับพื้น คุณอาจใช้มือพยุงสะโพก หรือวางแขนราบไปกับพื้นแล้วแต่ถนัด

• หายใจออก แล้วยกขาขึ้นเหนือศีรษะ งอขาตั้งแต่ช่วงเอวลงมา ยกหลังและสะโพก จนนิ้วเท้าสัมผัสพื้นด้านหลังของศีรษะ รักษาเท้าให้ชิดกัน

หากใช้มือพยุงหลังให้ลองวางแขนราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง ถ้าไม่สามารถวางแขนลงที่พื้นได้ให้ใช้มือพยุงหลังส่วนล่างไว้


• เข่าตรง หายใจช้าๆ และคงท่านี้ไว้สักครู่ ถ้านิ้วเท้าสัมผัสพื้นไม่ได้ ก็พยายามให้นิ้วเท้าอยู่ต่ำที่สุด

• ทำท่าย้อนกลับตั้งแต่ข้อ 5 ถึง 1 จนกลับไปสู่ท่าศพอาสนะเหมือนเดิม




ธนูอาสนะ




ความหมาย

• คำว่าธนู ในภาษสันสกฤต หมายถึง มีรูปร่างเหมือนคันศร โค้ง หรือ งอ คันศร

ในที่นี้หมายถึง คันศรที่ใช้กับลูกธนู ท่าอาสนะนี้ มีชื่อแบบนี้เนื่องจาก ร่างกายมีท่าทางคล้ายคันศรที่โก่งพร้อมยิงธนู

วิธีปฏิบัติ


• นอนคว่ำหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง แขนราบไปกับลำตัว หงายฝ่ามือขึ้น

• หันหน้ามาเพื่อวางคางไว้บนพื้น หายใจออก งอเข่า เอื้อมแขนไปข้างหลัง จับข้อเท้าขวาไว้ด้วยมือขวา จับข้อเท้าซ้ายด้วยมือซ้าย

• ขณะหายใจเข้า ค่อยๆ ยกขาขึ้นโดยดึงข้อเท้าขึ้น ยกเข่าขึ้นจากพื้น และยกอกขึ้นจากพื้นในเวลาเดียวกัน

กลั้นลมหายใจเข้าเอาไว้ ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนหน้าท้อง


• ยื่นศีรษะให้ไกลที่สุด คงท่านี้ไว้ขณะกลั้นหายใจ

• หายใจออกช้าๆ วางเข่าลงบนพื้น ปล่อยข้อเท้า ค่อยๆ วางขาและแขนลงบนพื้น หันหน้าไปข้างหนึ่ง ทำเหมือนท่าเริ่มต้น



ท่าพิจิกอาสนะ



ความหมาย

• ท่าพิจิกหรือท่าแมงป่อง ในท่านี้ ร่างกายจะดูเหมือนแมลงป่อง ที่ยกหางโค้งขึ้นเหนือหัว พร้อมจะต่อยคู่ต่อสู้

แม้ท่านี้จะดูยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปนัก

วิธีปฏิบัติ


• คุกเข่าลงที่พื้น โน้มตัวไปข้างหน้า วางศอกและแขนด้านในราบไปกับพื้น ให้ฝ่ามือคว่ำลง แขนควรห่างกันประมาณ 1ช่วงไหล่

• ยื่นศีรษะไปข้างหน้าและยกให้สูงที่สุด

• ยกสะโพกขึ้น วางเท้าให้มั่นคง

• หายใจเข้าและแกว่งขาขึ้นไปเหนือศีรษะ รักษาสมดุลของร่างกายไว้ ยกขาตรงขึ้นเหนือศีรษะ

• ค่อยๆ งอเข่าและปล่อยขาลงมาทางด้านศีรษะ ระวังอย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป และอย่าทิ้งขาลงไปไกลเกินไปขณะรักษาสมดุลของร่างกายไว้

• ทำย้อนกลับจากข้อ 5 จนกลับไปสู่ท่าคุกเข่า

* ข้อควรระวัง ไม่ควรลองท่าแมงป่อง จนกว่าคุณจะสามารถทำท่าที่ต้องใช้สมดุลของร่างกายอื่นๆ และไม่เหมาะกับสตรีมีรอบเดือน



ท่าพฤกษอาสนะ




ความหมาย

• ในภาษาสันสกฤต พฤกษะหมายถึง ต้นไม้ ท่านี้จึงเรียกว่าท่าต้นไม้

"ยืนตรงบนขาซ้าย งอขาขวาและวางขาขวาไว้บนโคนขาซ้าย ยืนเหมือนต้นไม้ ยืนอยู่บนพื้นดิน นี่คือท่าพฤกษอาสนะ"

วิธีปฏิบัติ


• ยืนเท้าชิด แขนแนบลำตัว

• งอเข่าขวา ยกต้นขาขวา และยก ส้นเท้าขวาไปบนต้นขาซ้ายด้าน ในให้โกร่งที่สุดเท่าที่จะทำได้

• ทรงตัว บนเท้าซ้าย ยกแขนทั้งสอง ข้างขึ้นเหนือศีรษะ อย่าให้ข้อศอกงอ และให้ฝ่ามือประชิดกัน

คงท่านี้ไว้ขณะค่อยๆ หายใจ ประมาณ 10 ช่วงหายใจเข้าออก


• ลดแขนและขาขวาลง และกลับไปสู่ตำแหน่งในข้อ 1 คือการยืนหน้าชิด แขนแนบลำตัว หยุดพักสักครู่ และทำซ้ำด้วยขาข้างหนึ่ง



ศพอาสนะ



ความหมาย

• ความหมาย คำว่า ศพ ในภาษาสันสกฤต หมายถึง ร่างที่ตายไปแล้ว

"การนอนลงที่พื้นเหมือนศพ เรียกว่า ศพอาสนะ ช่วยกำจัดความเหนื่อยล้าและให้จิตใจได้พักผ่อน" จากหัตถโยคะปฏิบัติ

วิธีปฏิบัติ


• นอนหงาย อย่าให้ขาแตะกัน แขนราบไปกับลำตัว ฝ่ามือหงายขึ้น

• หลับตาลง ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ

• งอข้อศอก วางฝ่ามือบนพื้นใต้ไหล่ ให้นิ้วชี้ไปด้านหลัง

• มุ่งความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนของร่างกาย จากหัวถึงเท้า แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายทีละส่วน

• คงท่านี้ไว้ 10-15 นาที หากรู้สึกง่วงนอนขณะทำท่านี้ ให้หายใจเร็วและลึกขึ้น

• ครั้งแรกที่ฝึก ให้คงท่าศพอาสนะไว้ 10 หรือ 15 นาที กลับมาทำซ้ำเป็นระยะๆ ในช่วงฝึกท่าต่างๆ เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นร่างกาย / จิตใจ

คำแนะนำ

บางคนคิดว่าท่านี้ง่ายมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ของศพอาสนะ คือ ให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย

นอกจากร่างกายจะต้องนิ่งและผ่อนคลายแล้ว จิตใจยังต้องนิ่งราวกับผิวน้ำที่ปราศจากการรบกวนอีกด้วย

ผลที่ได้คือการผ่อนคลายอย่างล้ำลึกและนิ่ง อันจะส่งผลให้เกิดสมาธิต่อไป

การฝึกศพอาสนะนั้นต้องใช้เวลา การกำหนดความสนใจไปที่อวัยวะแต่ละส่วนและ กำหนดลมหายใจล้วนแต่มีประโยชน์ต่อการฝึกท่านี้อย่างยิ่ง

อุปสรรค 2 อย่างที่อาจลดคุณค่าการฝึกศพอาสนะ ก็คือ ความง่วงและจิตใจที่ฟุ้งซ่าน หากรู้สึกง่วงขณะฝึก ให้กำหนดลมหายใจให้ลึกขึ้น

หากจิตใจไม่นิ่ง ให้มุ่งความสนใจไปที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กำหนดจิตไปที่พื้นหรือที่จังหวะลมหายใจของคุณเอง

การฝึกศพอาสนะควรทำก่อนและหลังการฝึกอาสนะเป็นประจำ


ข้อมูลจาก
Practice 01





------------------------------------------------------------------------------

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons